
น้ำหนักเกินก่อปัญหาเมื่อตั้งครรภ์ (modernmom)
เรื่อง : รศ.นพ.วิทยา ติฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช
ในอดีตวงการแพทย์ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของคนอ้วนเท่าไร เพราะเจอไม่ค่อยมาก แต่ปัจจุบันนี้ไม่ว่าที่ไหนในโลกปัญหาการตั้งครรภ์ในคนอ้วนได้รับความสนใจกันทั้งนั้น เพราะเจอบ่อย (แสดงว่าคนอ้วนก็มีคนรักเยอะนะจะบอกให้) บางโรงพยาบาลในยุโรปถึงกับตั้งหน่วยงานที่ดูแลคนอ้วนโดยเฉาพะก็มี ผลของความอ้วนที่มีต่อคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มีมากมายหลายประการครับ

ผมจะขอแยกกล่าวเป็นช่วง ๆ ไปเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจดังนี้ครับ


สำหรับทารกในครรภ์ ถ้าคุณแม่เป็นเบาหวานแล้วควบคุมน้ำตาลไม่ดี อาจจะตายในครรภ์เลยก็ได้ บางคนไม่ตายก็เลี้ยงไม่ค่อยโตหรือโตมากกว่าปกติเพราะควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก น้ำตาลที่มีมากสามารถผ่านรกไปให้ทารกได้ ทำให้ทารกรับน้ำตาลเข้าไปเต็มที่เลยอ้วนเอ้าอ้วนเอา ตัวก็เลยใหญ่ แต่อย่าดีใจนะครับ เพราะใหญ่แบบนี้จะใหญ่แบบฉุ ๆ ไม่แข็งแรง

ทีนี้ถ้าตัดสินใจเอาคุณแม่ที่อ้วนไปผ่าคลอดเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาที่ว่าข้างต้น ลองนึกภาพดูนะครับว่า หน้าท้องของคนอ้วนจะหนาแค่ไหน บางคนแค่กรีดมีดที่หน้าท้อง ไขมันก็เผละออกมาให้เห็นแล้ว กว่าจะฝ่าด่านไขมันเข้าไปถึงช่องท้อง คุณหมอบางคนก็เหงื่อหยดแล้ว เพราะมันลึกจริง ๆ นอกจากจะลึกแล้ว เวลาจะทำคลอดทารกก็ต้องดึงรั้งแผลค่อนข้างมากทำให้ชอกช้ำได้ง่าย หลังผ่าคลอดไปแล้วต้องเย็บปิดแผลอีก แผลที่ทั้งใหญ่และหนาย่อมเย็บยากและใช้เวลานาน ทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อได้ง่ายกว่าคุณแม่ที่ผอมกว่า

มดลูกที่หดรัดตัวไม่ดี ยังทำให้มีเลือดคั่งค้างในมดลูกมาก ซึ่งเลือดที่คั่งค้างนี้เป็นอาหารอันโอชะของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ถ้าให้ยารักษาไม่ดี เชื้อโรคอาจกระจายเข้าหลอดเลือดไปทั่วร่างกายทำอันตรายถึงตายได้นะครับ

ทารกที่เกิดจากคุณแม่ที่อ้วน นอกจากจะต้องฝ่าฟันอันตรายตอนคลอด เช่น กระดูกหัก หรืออันตรายต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ถ้าทารกในครรภ์ตัวใหญ่ก็มักที่จะชินต่อการรับอาหารทางสายสะดือโดยเฉพาะอาหารพวกน้ำตาลมากกว่าปกติ ภายหลังคลอดและตัดสายสะดือ ปริมาณน้ำตาลที่ได้รับจะถูกตัดขาดทันที ทารกบางคนทนไม่ได้เกิดอาการชักจากการขาดน้ำตาลได้ ปัญหาที่พบได้บ่อยอีกประการหนึ่งในทารกตัวใหญ่ก็คือตัวเหลือง ถ้าตัวเหลืองไม่มากก็แล้วไป บางคนตัวเหลืองมากจนต้องถ่ายเลือดก็มี มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตได้

เห็นไหมครับว่าการตั้งครรภ์ของคนอ้วนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยเพราะมีสารพัดปัญหาที่รออยู่ แต่ก่อนที่จะคิดเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ควรจะลดน้ำหนักลงจนค่า ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือเรียกย่อ ๆ ว่า BMI) อยู่ในเกณฑ์คนที่น้ำหนักปกติ เห็นค่าตัวเลขแล้วบางคนก็หมดกำลังใจเพราะคำนวณเท่าไรค่า BMI ของตัวเองก็ยังสูงกว่าค่า BMI ของคนที่น้ำหนักปกติอยู่ลิบลิ่ว ผมอยากให้กำลังใจครับว่า พยายามลดเถอะครับ จะลดได้เท่าไรไม่สำคัญหรอกครับ ขอให้ลดก็แล้วกัน แค่นี้ก็ถือว่าคุณมีชัยชนะให้ตัวเองแล้วครับ
วิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลมีประเด็นปัญหาอยู่แค่ 2 อย่างคือ การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย ลองมาดูทีละประเด็นนะครับ

คุณแม่ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติในการรับประทานอาหารเสียใหม่ เน้นการรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ ในปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละหมวดหมู่


และทั้งหมดจะต้องกำกับโดยการเพิ่มของน้ำหนักตัวของคุณแม่ โดยไม่ควรให้น้ำหนักตัวของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์เพิ่มมากเกินไป ข้อมูลของประเทศไทยจากการศึกษาที่โรงพยาบาลศิริราช พบว่าถ้าคุณแม่อ้วนอยู่แล้ว น้ำหนักตัวที่ควรเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ไม่ควรจะเกิน 4-8 กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นว่าเป็นการเพิ่มที่น้อยมาก ถ้าเพิ่มมากกว่านี้ภาวะแม่และลูกอ้วนก็จะตามมาหาทันทีครับ

ผมอยากแนะนำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทุกคนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่อ้วน อย่าอยู่เฉยครับ มาออกกำลังกายกันดีกว่า การออกกำลังกายในขณะตั้งครรภ์สมารถทำได้หลายอย่าง โดยยึดหลักว่า ต้องเป็นการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง ไม่หักโหม ไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยควรออกกำลังกายวันละประมาณ 30 นาที และประมาณ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ตัวอย่างของการออกกำลังกายที่คุณแม่ทำได้ เช่นการว่ายน้ำ การเดินเร็ว ๆ การเหยียดแขนขา การบิด ก้มตัว เป็นต้น
อยากฝากย้ำถึงคุณแม่ว่า การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกในครรภ์ คือการรับประทานอาหารที่ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพและความหลากหลายของอาหาร โดยใช้การเพิ่มของน้ำหนักตัวเป็นตัวกำกับไม่ให้รับประทานอาหารมากเกินไป ส่วนการออกกังกายขณะตั้งครรภ์จะเป็นตัวช่วยเสริมให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในปริมาณที่สมควรไม่มากเกินไป ทั้งสองเรื่องต้องทำควบคู่กันเพื่อผลที่ดีต่อสุขภาพของทั้งตัวคุณแม่และลูกในครรภ์ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.19 No.223 พฤษภาคม 2557