BPA Free มาเลือกขวดนมให้ปลอดภัยกับลูกกันเถอะ (momypedia)
กลายเป็นกระแสของความวิตกกังวลไปแล้วค่ะกับเรื่องการตรวจพบสาร BPA ในพลาสติกขวดนมเด็ก ซึ่งเป็นสารพิษอันตรายต่อสุขภาพกายและใจของเจ้าตัวเล็ก จนตอนนี้บางบ้านต้องโละของเก่าทิ้งและซื้อขวดนมใหม่ยกชุดกันเลยค่ะ
BPA คืออะไร
Bisphenol A หรือ BPA คือสารประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกซึ่งจะทำให้พลาสติกมีความแข็งและใส จริงๆ แล้วเจ้าสารตัวนี้ใช้กันมาเกือบ 60 ปีแล้ว แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เพิ่งมีการพูดกันในวงกว้างมากขึ้นถึงอันตรายที่ได้รับจาก BPA โดยเฉพาะอันตรายที่เกิดกับเด็กและทารก
ถ้าหลาย ๆ คนติดตามข่าวคงจะทราบแล้วว่ามีการแนะนำให้ซื้อขวดนมที่ผลิตจากพลาสติกเบอร์ 7 ซึ่งจะต้องมีคำว่า "BPA Free" ปรากฏอยู่ที่ก้นขวดหรือฉลากจึงจะปลอดภัย แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ใช่ไหมเอ่ย ถ้าอย่างนั้น Momypedia ขออาสาแนะนำเกี่ยวกับการเลือกและใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับเด็กมาฝาก เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์และลองนำไปใช้กันค่ะ
เลี่ยง BPA อย่างไรให้ลูกน้อยปลอดภัย
1. เลือกของใช้และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับเด็กที่ใช้พลาสติกเบอร์ 5 (PP-Polypropylene) หรือ เบอร์ 7 (Polycarbonate) ที่มีคำว่า BPA Free กำกับอยู่เท่านั้น เพราะพลาสติกทั้งสองชนิดนี้โดยทั่วไปยังมีสาร BPA เป็นส่วนผสมอยู่ แต่หากมีคำว่า BPA Free กำกับอยู่ก็จะเป็นการการันตีว่าไม่ใช้สารตัวนี้ในการขึ้นรูปให้แข็งแรง และมีความใส แต่อาจจะใช้สารตัวอื่นที่ปลอดภัยกว่าแทน ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องแพงกว่า
2.เลือกใช้ขวดนมที่ผลิตจากแก้วแทนขวดนมพลาสติก
3.เลือกจุกนมที่ทำจากซิลิโคนแทนยางหรือพลาสติกนุ่มนิ่ม
4.เลี่ยงการล้างของใช้และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับเด็กด้วยวิธีขัดถูแรง ๆ จนเกิดการขูดขีดเป็นรอย
5.เลี่ยงการให้ความร้อนกับของใช้และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับเด็กเป็นเวลานาน ๆ
6.สำหรับของเล่นพลาสติก แปลงสีฟัน หรือของเล่นสำหรับกัดควรเลือกชนิดที่ระบุว่า "PVC-free" หรือเลือกของเล่นไม้ที่ไม่มีสารเคลือบเงาผิวไม้แทน
จริงอยู่ว่าพลาสติกจะราคาถูกกว่าวัสดุอื่น ๆ แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยต่อสุขภาพที่ลูกจะได้รับก็คุ้มค่านะคะ เราจะปิดท้ายกันด้วยข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับสาร BPA กันอีกสักนิดค่ะ
1. คณะกรรมาธิการยุโรป European Food Safety Authority (EFSA) ได้หารือและลงความเห็นว่าปริมาณสาร BPA ที่ร่างกายได้รับและจะไม่เป็นอันตรายควรอยู่ในปริมาณ 0.05 มิลลิกรัม ต่อ น้ำหนัก 1 กิโลกกรัม ต่อวัน
2. ความร้อนจะเป็นตัวเร่งให้พลาสติกปล่อยสาร BPA ออกมาได้ไว ง่ายมาก และเข้าสู่ร่างกายได้ทันที
3. การทิ้งขยะพลาสติกไม่เป็นที่ทำให้เกิดการแผร่กระจายของสาร BPA ในสภาพแวดล้อมได้เช่นกัน
4. หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับสาร BPA จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ความผิดปกติของโครโมโซม อาจทำให้เกิดโรคดาวน์ซินโดรม Hyperactivity หรือแท้ง นอกจากนี้ BPA ยังส่งผลถึงจิตใจซึ่งอาจจะทำให้แม่และลูกที่เกิดมาไม่มีความรู้สึกของสายสัมพันธ์ระหว่างกัน (Bonding)
5. นอกจากของใช้และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กแล้ว ยังพบ BPA ในปริมาณต่างๆ กันในผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันอีกมาก
แต่จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูตัวอย่างกันค่ะ
BPA 65% | BPA 30% | BPA 5% |
กระจกนิรภัย, แว่นตากันแดด | สารเคลือบภาชนะและบรรจุภัณฑ์ | สารประกอบในยาฆ่าแมลง |
แผ่นดิสก์ | สารเคลือบภายในกระป๋องอาหาร | น้ำยาเบรกรถยนต์ |
ชิ้นส่วนรถยนต์ | กระดาษกาว | ท่อน้ำพลาสติก |
ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ซ้ำ | สีทาบ้าน | วัสดุอุดเคลือบฟัน |
พลาสติกบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม | น้ำยาเคลือบเล็บ | ฉนวนไฟฟ้า |
ขอขอบคุณข้อมูลจาก