ปัญหาที่พบบ่อยในคนท้อง มักหนีไม่พ้นอาการปวดหลัง โดยเฉพาะเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์มากขึ้น จะยิ่งปวดหลังช่วงล่าง ตึงกล้ามเนื้อและเอ็นที่ช่วยพยุงด้านหลังอยู่ ทำให้ขยับร่างกายได้ไม่สะดวกและรู้สึกปวดมากเวลาก้มไปข้างหน้า ซึ่งอาการแม่ท้องปวดหลังจะมีมากหรือน้อยแตกต่างกันไป บางครั้งอาจปวดหลังจนกระทั่งหลังคลอดนานเป็นเดือน ๆ เลยทีเดียว แล้วรู้ไหมคะว่า ผู้หญิงที่มีอาการปวดหลังช่วงล่างในการตั้งครรภ์ลูกคนแรกจะมีโอกาสปวดหลังมากขึ้นเมื่อตั้งครรภ์ลูกคนต่อไปอีกด้วย
ถึงแม้ปัญหานี้จะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเจ็บปวดก็ทำเอาหนักใจไม่น้อย แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์จะรับมืออย่างไรดี วันนี้เราจะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้คนท้องปวดหลังและวิธีที่จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้กันค่ะ
คนท้องปวดหลัง เกิดจากอะไร
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นและการถ่วงของครรภ์ที่อยู่ด้านหน้าส่งผลให้กระดูกสันหลังของคุณแม่แอ่นเป็นเวลานาน หลังต้องแบกรับน้ำหนักตัวมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดหลังขึ้นได้
- ฮอร์โมนเปลี่ยน
ช่วงตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนรีแลกซิน (Relaxin) ซึ่งถูกหลั่งออกมาเพื่อให้กระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการคลอดลูกขยายตัวและทำให้คลอดง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีผลทำให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแอลง ทำให้ไม่สามารถพยุงน้ำหนักได้ดี จึงกลายเป็นอาการปวด รวมถึงเมื่ออายุครรภ์ 5 เดือนเป็นต้นไป ทารกจะดึงแคลเซียมจากกระแสเลือดคุณแม่ไปใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน เป็นเหตุให้เกิดการกร่อนของกระดูก นำมาซึ่งอาการปวดหลังในที่สุด
- กล้ามเนื้อส่วนกลางของลำตัวแยกตัว
เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกเจริญเติบโต มดลูกขยายใหญ่ขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อตรงส่วนกลางของลำตัวเกิดการแยกตัว ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังตามมา
- การทรงตัวและท่าทางต่าง ๆ
คุณแม่ที่มีหน้าท้องใหญ่มากขึ้น มักเดินตัวแอ่นไปข้างหลังเพื่อพยุงตัว แต่หารู้ไม่ว่าการแอ่นตัวรวมถึงการนั่งหรือก้มหยิบสิ่งของไม่ถูกวิธี ก็เป็นสาเหตุให้คุณแม่ปวดหลังได้
- ความเครียดขณะตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีความกังวลและความเครียดซ่อนอยู่ ทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกายเกิดการตึงตัว และมีผลต่ออาการปวดหลังด้วยเช่นกัน
คนท้องปวดหลังตรงไหนบ้าง
- คนท้องปวดหลังข้างขวา ข้างซ้าย หรือทั้งสองข้าง
ในช่วงที่ตั้งครรภ์ กล้ามเนื้อส่วนหลังของคุณแม่จะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษเพื่อพยุงท้องส่วนหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้า ยึด หรือตึง จนส่งผลให้มีอาการคนท้องปวดหลังตามมาได้
- คนท้องปวดบั้นเอวช่วงล่าง
สรีระที่เปลี่ยนแปลงไปของคุณแม่ และร่างกายที่ต้องรองรับน้ำหนักตัวมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนัก อาจเกิดอาการตึง จนมีอาการปวดเมื่อยได้บริเวณบั้นเอวช่วงล่าง
- คนท้องปวดหลัง ปวดขา
เป็นอาการปวดที่พบเจอได้มากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยจะมีอาการปวดเมื่อยบริเวณสะโพก ร้าวลงไปถึงขาทั้งสองข้าง ซึ่งก็เป็นผลมาจากขนาดของลูกน้อยในท้องที่เจริญเติบโตมากขึ้นจนใกล้คลอดนั่นเอง
คนท้องปวดหลังนวดได้ไหม
คำถามยอดฮิตสำหรับแม่ท้องหลาย ๆ คน ที่มักกังวลว่าคนท้องนวดได้ไหม ต้องระวังหรือหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่าการนวดสำหรับคนท้องสามารถทำได้ค่ะ แต่ควรขอคำแนะนำจากสูติแพทย์เพื่อความปลอดภัยก่อน และจะต้องเน้นไปที่การนวดผ่อนคลาย ลงน้ำหนักเบา เพราะมีการศึกษาส่วนหนึ่งพบว่าการนวดช่วยลดความปวดเมื่อย ลดอาการบวม ตะคริว ปวดศีรษะ คลายความเครียด ทำให้หลับสบายขึ้น และอารมณ์ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรกนั้นไม่ควรนวด เนื่องจากเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงในการแท้งง่ายที่สุด รวมถึงในช่วงอายุครรภ์ 6 เดือนขึ้นไปก็ไม่ควรนวดเช่นกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่มดลูกขยายใหญ่จนไปกดทับเส้นเลือดและอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งการนวดที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
สิ่งที่อยากแนะนำคุณแม่ในการนวดช่วงตั้งท้อง
- ควรเลือกการนวดสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ เพราะวิธีการนวดจะไม่เหมือนปกติทั่วไป หรืออาจเข้าสปาเพื่อนวดเฉพาะช่วงคอ บ่า ไหล่ แทนได้
- ผู้นวดควรเป็นผู้ที่ผ่านการรับรอง มีความรู้และทักษะการนวดสำหรับหญิงตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณท้อง เพราะอาจจะกระทบต่อเด็กในครรภ์ได้
- การลงน้ำหนักและเทคนิคการนวด ควรเป็นไปตามความเหมาะสม ไม่หนักจนเกินไป
- อุปกรณ์การนวด เช่น เตียง หมอน ควรใช้แบบที่ทำมาเพื่อหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ
- ควรเลือกใช้น้ำมันที่ไม่มีกลิ่น เพราะกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยบางตัวจะมีผลต่อการตั้งครรภ์
- ห้ามนวดแผนไทยกับผู้นวดที่ไม่รู้วิธีการนวดหญิงตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้
- หากมีภาวะแท้งคุกคาม ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดขอดหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือปรึกษาแพทย์ก่อน
หากคุณแม่บางท่านไม่อยากเสี่ยงนวดจริง ๆ ก็ยังมีวิธีอื่นที่จะช่วยยืดกล้ามเนื้อแบบเบา ๆ ให้คุณแม่ได้ผ่อนคลายขึ้นเช่นกัน ตามไปดูเลย
วิธีแก้อาการปวดหลังขณะตั้งครรภ์
1. คุมน้ำหนักตัวให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนดไว้ ควรคุมไม่ให้ครรภ์ใหญ่เกินไป จนเกิดการถ่วงจนกระดูกสันหลังแอ่น
2. เลือกที่นอนที่ไม่อ่อนยวบจนเกินไป โดยเฉพาะที่นอนที่ยุบไปตามน้ำหนักตัว จะทำให้คุณแม่ปวดหลังมากยิ่งขึ้น
3. ท่านอนช่วยลดอาการปวดหลังของแม่ตั้งครรภ์ได้ ลองเปลี่ยนจากนอนหงายเป็นนอนตะแคง โดยงอเข่าและวางขาลงบนหมอนข้างที่มีความแข็งและหนา พอให้ทิ้งน้ำหนักได้พอดี ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักตัวและครรภ์ถูกถ่ายลงไปยังหมอนข้าง ลดภาระการทำงานของกล้ามเนื้อหลังได้มากขึ้น
4. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงมากเกินไป ตามหลักการแพทย์แล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ควรใส่รองเท้าที่มีส้นไม่เกิน 1–2 นิ้ว เพื่อให้น้ำหนักอยู่ในช่วงกลางลำตัวและมีความสมดุล
5. หากมีความจำเป็นต้องยกของหนักหรืออุ้มเด็ก คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฝึกให้ถูกวิธี โดยยืนแยกเท้าออกเท่าช่วงสะโพก ให้ปลายเท้าเฉียงออกเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ งอเข่า หย่อนตัวลงตรง ๆ พยายามให้น้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางและบริเวณสะโพก ใช้กำลังจากแขนและไหล่ยกของ สุดท้ายจึงใช้ขาพยุงตัวขึ้น โดยไม่ใช้แรงหลังเด็ดขาด แต่ถ้ามีอาการปวดหลังหรือไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรยกของหนักหรืออุ้มเด็กจากพื้น
6. หลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ และการยืนบนพื้นแข็ง ๆ โดยควรหาผ้าหรือพรมเช็ดเท้ามารองพื้น และมีเก้าอี้เตี้ย ๆ รองขาข้างหนึ่งไว้
7. ฝึกท่านั่งให้ถูกต้อง หลังตรง เอนพิงพนักเก้าอี้เล็กน้อย และควรมีเก้าอี้เตี้ย ๆ รองรับเท้า ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลังและเบาะไม่นุ่มเกินไป และไม่ควรนั่งไขว่ห้าง รวมถึงไม่ควรนั่งนาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
8. การทาครีมแก้ปวด สามารถบรรเทาอาการได้บ้าง แต่ไม่ได้รักษาอาการปวดให้หายเด็ดขาด
9. สวมใส่อุปกรณ์ช่วยพยุง เช่น สายเข็มขัดคาดพยุงช่วงท้องที่จะช่วยพยุงน้ำหนักของลูกน้อยให้กระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ วิธีนี้แม้ว่าปัจจุบันอาจยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพจริง แต่คุณแม่หลายคนที่สวมใส่กลับรู้สึกได้ว่าสบายหลังมากขึ้น
10. ควรออกกำลังกายเป็นประจำระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเบา ๆ ว่ายน้ำ โยคะ ที่จะช่วยให้คุณแม่ได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสมรรถนะของกล้ามเนื้อต่าง ๆ และช่วยให้คลอดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งระหว่างออกกำลังกาย หากรู้สึกเจ็บควรหยุดกิจกรรมทันทีและเปลี่ยนไปออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น เนื่องจากหากฝืนอาจทำให้อาการแย่ลงได้
อาการปวดหลังของคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเป็นเรื่องที่สามารถทนได้ แต่หากมีอาการปวดรุนแรงจนทนไม่ไหว ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด เพราะยาบางประเภทอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ รวมถึงหากมีอาการปวดร้าวไปถึงก้นและขาอย่างรุนแรง ปวดไปถึงน่อง นิ้วมือ นิ้วเท้า หรือมีอาการเหมือนกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : samitivejhospitals.com, chulalongkornhospital.go.th