ลูกผิวหน้าแห้งแดง ลอกเป็นขุย อาการไม่น่ายินดีที่มาพร้อมกับหน้าหนาว ทำให้เจ้าตัวน้อยไม่สบายตัวและอาจถึงขั้นผิวแห้งลอกจนมีผื่นคัน คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี วันนี้เรามีเคล็ดลับมาบอก
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี ? เรามีเคล็ดลับวิธีดูแลลูก ผิวหน้าแห้งแดง ลอกเป็นขุย ในช่วงหน้าหนาวมาฝากกันแล้ว
ผิวพรรณของเด็กบอบบางกว่าที่เราคิด อย่างเช่น ผิวทารกแรกเกิดจะบอบบางกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า ซึ่งโครงสร้างผิว รูขุมขน และต่อมเหงื่อของเด็กยังต้องใช้เวลาปรับสภาพประมาณ 1 ปีหลังคลอด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมนอกครรภ์มารดา ในช่วงนี้ผิวชั้นนอกของเด็กจะยังรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้ไม่ดี มีการสูญเสียน้ำในผิวได้รวดเร็ว จนแห้งลอกเป็นขุยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศค่อนข้างแห้ง ไม่ว่าจะเป็น...
อากาศนอกบ้าน : หากลูกต้องอยู่ในสถานที่กลางแจ้ง อากาศเย็นจัดหรืออากาศร้อนนาน ๆ จะทำให้ร่างกายและผิวลูกสูญเสียน้ำได้ง่ายมากขึ้น ยิ่งถ้าสวมเสื้อผ้าหรือผ้าอ้อมหนาเกินไป หรือดูดซับไม่ดีเพียงพอ ก็จะก่อให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย ส่งผลให้เกิดผดในเด็กได้
อากาศในบ้าน : หากลูกอยู่ในห้องแอร์ หรือที่ที่มีอากาศเย็นตลอดวัน ก็จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น เกิดผื่นแดง ผิวแห้งแตก ตัวลอก เป็นขุย และเมื่อลูกรู้สึกไม่สบายตัวก็จะแคะ แกะ เกา ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการติดเชื้อได้
การดูแลผิวลูกหน้าหนาวเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษ โดยมีเคล็ดลับการดูแลผิวลูกน้อยไม่ให้แห้งแดง ลอกเป็นขุย ดังนี้
อาบน้ำอุณหภูมิห้องแค่วันละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว โดยระวังอย่าอาบน้ำที่อุ่นหรือร้อนจนเกินไป เพราะจะยิ่งไปชะล้างไขมันธรรมชาติที่ช่วยเคลือบผิวให้ชุ่มชื้นออก ทำให้ลูกเกิดการสูญเสียน้ำ ผิวจึงแห้ง เกิดการระคายเคืองได้
คุณพ่อกับคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแชมพู สบู่ หรือครีมอาบน้ำ และควรเลือกสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ไม่มีน้ำหอม ไม่เจือสี ปราศจากสารกันเสีย และพาราเบน เพื่อป้องกันการแพ้สารเคมี เท่านั้นยังไม่พอ ควรเจาะจงผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งด้วย จากนั้นให้ผสมเบบี้ออยล์ลงไปในน้ำเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูก
ควรทาโลชั่นหลังอาบน้ำในขณะที่ผิวแห้งหมาด ๆ ภายใน 15 นาทียิ่งดี เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับและบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยทาแค่บาง ๆ ก็พอ แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับเด็กเท่านั้น หากลูกมีอาการคันผิว ไม่ควรเอาคาลาไมน์มาทาผิวลูก เพราะที่จริงแล้วกลุ่มยาประเภทนี้จะยิ่งทำให้ผิวหนังแห้งตึงมากยิ่งขึ้น
เสื้อผ้าช่วยให้ความอบอุ่นและลดการสูญเสียน้ำจากผิวได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกเสื้อผ้าสวมใส่สบายไม่รัดจนเสียดสีผิวลูก หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าประเภทขนเฟอร์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่คอและใบหน้าของลูกได้
สำหรับลูกน้อยที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน อย่าลืมให้ลูกดื่มน้ำเยอะ ๆ ซึ่งควรเป็นน้ำอุ่นจะเหมาะกว่า วิธีเลี่ยงน้ำในตู้เย็น ให้เอาน้ำอุ่นใส่กระติกน้ำของลูกไว้ให้ดื่มได้สะดวก การให้ลูกจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา ผิวและปากก็จะไม่แห้งแตกง่าย
ควรเสริมอาหารที่มีไขมันดีให้กับลูก เช่น อะโวคาโด ปลาแซลมอน ชีส เน้นให้กินผักและผลไม้ชนิดที่ไม่มียางในเปลือก ควรงดขนมขบเคี้ยว เพราะทำให้สูญเสียน้ำในร่างกายง่าย สำหรับคุณแม่ที่ต้องให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงอาหารจังก์ฟู้ดหรือฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ ส่วนเครื่องดื่ม นอกจากน้ำเปล่าแล้ว คุณแม่อาจคั้นน้ำผลไม้ให้ลูกดื่มเป็นประจำ งดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม การดื่มน้ำมาก ๆ นี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพผิวลูก
ฤดูหนาวที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง หรือฤดูร้อนที่จะทำให้มีเหงื่อออกมาก จะกระตุ้นให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้ลูกอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด และทำความสะอาดร่างกายลูกให้สดชื่นอยู่เสมอ
1. เมื่อลองเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากผิวที่แห้งมาก ๆ อาจเป็นอาการของโรคผิวหนังบางอย่างได้
2. เมื่อลูกผิวแห้งมาก คันมาก และเกาหนักมาก อาจมีผื่นร่วมด้วย
3. เมื่อเกามาก จนเป็นแผล ซึ่งทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้
เมื่อเราดูแลผิวลูกน้อยอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยสร้างเกราะปกป้องผิวลูกให้แข็งแรง ไม่แห้งลอกง่าย ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสบายตัว อารมณ์ดี ไม่งอแง ส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีต่อไป คราวนี้จะมาอีกกี่ลมหนาวก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : phyathai.com, rakluke.com, maerakluke.com, mamaexpert.com
สำหรับคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจชอบหน้าหนาว แต่ปัญหาที่ตามมาในช่วงอากาศแห้งแบบนี้ก็คือ ลูกผิวหน้าแห้งแดง ลอกเป็นขุย บางคนอาจเป็นมากถึงขั้นมีผื่นคัน ผิวลอก ปากแห้งแตกจนเจ็บอีกต่างหาก นั่นเพราะผิวเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า ซึ่งก่อให้เกิดอาการผิวหนังแห้งลอกได้ง่าย รวมถึงเกิดผดผื่น และหากเกาก็จะยิ่งทำให้เกิดแผลติดเชื้อหรือแผลเป็นตามมาได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี ? เรามีเคล็ดลับวิธีดูแลลูก ผิวหน้าแห้งแดง ลอกเป็นขุย ในช่วงหน้าหนาวมาฝากกันแล้ว
ทำไมลูกถึงผิวหน้าแห้ง ?
ผิวพรรณของเด็กบอบบางกว่าที่เราคิด อย่างเช่น ผิวทารกแรกเกิดจะบอบบางกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า ซึ่งโครงสร้างผิว รูขุมขน และต่อมเหงื่อของเด็กยังต้องใช้เวลาปรับสภาพประมาณ 1 ปีหลังคลอด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมนอกครรภ์มารดา ในช่วงนี้ผิวชั้นนอกของเด็กจะยังรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้ไม่ดี มีการสูญเสียน้ำในผิวได้รวดเร็ว จนแห้งลอกเป็นขุยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศค่อนข้างแห้ง ไม่ว่าจะเป็น...
อากาศนอกบ้าน : หากลูกต้องอยู่ในสถานที่กลางแจ้ง อากาศเย็นจัดหรืออากาศร้อนนาน ๆ จะทำให้ร่างกายและผิวลูกสูญเสียน้ำได้ง่ายมากขึ้น ยิ่งถ้าสวมเสื้อผ้าหรือผ้าอ้อมหนาเกินไป หรือดูดซับไม่ดีเพียงพอ ก็จะก่อให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย ส่งผลให้เกิดผดในเด็กได้
อากาศในบ้าน : หากลูกอยู่ในห้องแอร์ หรือที่ที่มีอากาศเย็นตลอดวัน ก็จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น เกิดผื่นแดง ผิวแห้งแตก ตัวลอก เป็นขุย และเมื่อลูกรู้สึกไม่สบายตัวก็จะแคะ แกะ เกา ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการติดเชื้อได้
วิธีดูแลผิวลูกน้อยแห้ง ลอกเป็นขุย
การดูแลผิวลูกหน้าหนาวเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษ โดยมีเคล็ดลับการดูแลผิวลูกน้อยไม่ให้แห้งแดง ลอกเป็นขุย ดังนี้
1. อาบน้ำอุ่นอุณหภูมิห้องวันละ 1 ครั้งก็พอ
อาบน้ำอุณหภูมิห้องแค่วันละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว โดยระวังอย่าอาบน้ำที่อุ่นหรือร้อนจนเกินไป เพราะจะยิ่งไปชะล้างไขมันธรรมชาติที่ช่วยเคลือบผิวให้ชุ่มชื้นออก ทำให้ลูกเกิดการสูญเสียน้ำ ผิวจึงแห้ง เกิดการระคายเคืองได้
2. เลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยน และผสมเบบี้ออยล์เล็กน้อยตอนอาบน้ำ
คุณพ่อกับคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแชมพู สบู่ หรือครีมอาบน้ำ และควรเลือกสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ไม่มีน้ำหอม ไม่เจือสี ปราศจากสารกันเสีย และพาราเบน เพื่อป้องกันการแพ้สารเคมี เท่านั้นยังไม่พอ ควรเจาะจงผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งด้วย จากนั้นให้ผสมเบบี้ออยล์ลงไปในน้ำเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูก
3. ทาครีมหรือโลชั่นหลังอาบน้ำ
ควรทาโลชั่นหลังอาบน้ำในขณะที่ผิวแห้งหมาด ๆ ภายใน 15 นาทียิ่งดี เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับและบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยทาแค่บาง ๆ ก็พอ แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับเด็กเท่านั้น หากลูกมีอาการคันผิว ไม่ควรเอาคาลาไมน์มาทาผิวลูก เพราะที่จริงแล้วกลุ่มยาประเภทนี้จะยิ่งทำให้ผิวหนังแห้งตึงมากยิ่งขึ้น
4. สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น ไม่ก่อการระคายเคืองผิว
เสื้อผ้าช่วยให้ความอบอุ่นและลดการสูญเสียน้ำจากผิวได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกเสื้อผ้าสวมใส่สบายไม่รัดจนเสียดสีผิวลูก หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าประเภทขนเฟอร์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่คอและใบหน้าของลูกได้
5. ให้ลูกดื่มน้ำอุ่นแทนที่จะดื่มน้ำเย็น
สำหรับลูกน้อยที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน อย่าลืมให้ลูกดื่มน้ำเยอะ ๆ ซึ่งควรเป็นน้ำอุ่นจะเหมาะกว่า วิธีเลี่ยงน้ำในตู้เย็น ให้เอาน้ำอุ่นใส่กระติกน้ำของลูกไว้ให้ดื่มได้สะดวก การให้ลูกจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา ผิวและปากก็จะไม่แห้งแตกง่าย
6. เลือกให้ลูกกินอาหารที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น
ควรเสริมอาหารที่มีไขมันดีให้กับลูก เช่น อะโวคาโด ปลาแซลมอน ชีส เน้นให้กินผักและผลไม้ชนิดที่ไม่มียางในเปลือก ควรงดขนมขบเคี้ยว เพราะทำให้สูญเสียน้ำในร่างกายง่าย สำหรับคุณแม่ที่ต้องให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงอาหารจังก์ฟู้ดหรือฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ ส่วนเครื่องดื่ม นอกจากน้ำเปล่าแล้ว คุณแม่อาจคั้นน้ำผลไม้ให้ลูกดื่มเป็นประจำ งดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม การดื่มน้ำมาก ๆ นี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพผิวลูก
7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศแห้ง
ฤดูหนาวที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง หรือฤดูร้อนที่จะทำให้มีเหงื่อออกมาก จะกระตุ้นให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้ลูกอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด และทำความสะอาดร่างกายลูกให้สดชื่นอยู่เสมอ
ลูกผิวแห้งแบบไหน ที่ต้องไปพบแพทย์
1. เมื่อลองเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากผิวที่แห้งมาก ๆ อาจเป็นอาการของโรคผิวหนังบางอย่างได้
2. เมื่อลูกผิวแห้งมาก คันมาก และเกาหนักมาก อาจมีผื่นร่วมด้วย
3. เมื่อเกามาก จนเป็นแผล ซึ่งทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้
เมื่อเราดูแลผิวลูกน้อยอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยสร้างเกราะปกป้องผิวลูกให้แข็งแรง ไม่แห้งลอกง่าย ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสบายตัว อารมณ์ดี ไม่งอแง ส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีต่อไป คราวนี้จะมาอีกกี่ลมหนาวก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : phyathai.com, rakluke.com, maerakluke.com, mamaexpert.com