รับมือลูกไปโรงเรียน กับ 8 วิธีเตรียมพร้อมที่คุณแม่ควรทำความเข้าใจ

          รับมือลูกไปโรงเรียน อย่างไรให้ลูกรู้สึกดีที่ต้องเข้าเรียน รวมถึงคุณแม่มือใหม่จะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง ถึงจะสมกับเป็นคุณแม่สายแกร่งสุดสตรอง มาดูกัน

รับมือลูกไปโรงเรียน

          ในช่วงที่ลูกมีอายุได้ 1-3 ขวบแรก เหล่าคุณแม่ มือใหม่หลายคนอาจจะรู้สึกเหนื่อยล้า จนเอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่หนาที่เจ้าตัวน้อยจอมซนคนนี้จะได้ไปโรงเรียนกับใครเขาสักที ภาระงานบ้านที่คุณแม่เคยมีจะได้ลดลงเสียบ้าง เผื่อเอาเวลาว่างนั้นมาพักผ่อนหรือทำงานแบ่งเบาภาระของสามีได้สักนิดก็ยังดี

          แต่การส่งลูกไปโรงเรียนไม่ใช่จุดสิ้นสุดของภาระนั้นเสมอไป เพราะในแต่ละวันที่ลูกเข้าเรียนนี่แหละ ที่จะชักนำปัญหา 108 อย่างมาสู่คุณแม่ได้ทุกวี่วัน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมรับมือเมื่อลูกถึงวัยที่ต้องไปเรียนหนังสือนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เหล่าคุณแม่มือใหม่ต้องตั้งรับให้ได้

          วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอเอาเคล็ดลับและเทคนิคที่จะช่วยคุณแม่ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปแบบสตรอง ๆ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลย 

รับมือลูกไปโรงเรียน

1. พาลูกน้อยไปสำรวจโรงเรียนและเข้าพบคุณครูก่อนเปิดเทอม

          ถึงแม้ว่าโรงเรียนนั้นจะเป็นโรงเรียนที่เหล่าคุณแม่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าตั้งอยู่แถวบ้านหรือเคยผ่านการเป็นศิษย์เก่ามาก่อนก็ตาม แต่การพาลูกของเราไปสำรวจสถานที่เรียนพร้อมแนะนำว่าอาคารนี้คืออะไร กินข้าวได้ตรงไหน จะช่วยให้เขาคุ้นเคยกับการมาเรียนมากขึ้นและไม่รู้สึกตื่นกลัวในสถานที่แปลกใหม่อีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว การพาเด็กไปเข้าพบคุณครูผู้สอนก่อนเข้าเรียนจริง ยังจะช่วยสร้างความคุ้นเคย และให้เขารู้สึกไว้วางใจในตัวครูผู้ดูแลได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก

2. เล่ากิจวัตรในโรงเรียนให้ลูกฟัง


          การปล่อยให้ลูกน้อยไปโรงเรียนแบบไม่เคยรู้อะไรมาก่อน อาจทำให้เขานอนไม่หลับด้วยรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว เพราะไม่รู้ตัวว่าการไปเรียนครั้งนี้จะต้องเจอกับสิ่งใดบ้าง ทางที่ดีคุณแม่ควรเล่ากิจวัตรในแต่ละวันที่ลูกจะได้ทำในโรงเรียนให้เขาฟังก่อน ตามด้วยการเล่าเรื่องบุคคลที่เขาจะต้องพบเจอในมุมมองที่สนุกสนาน พร้อมแทรกเรื่องการวางตัวเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงไปสักนิด ลูกรักจะได้คิดถึงแต่แง่ดีของการเรียน และอยากเข้าเรียนเองแบบไม่มีงอแง

รับมือลูกไปโรงเรียน

3. พาลูกไปซื้ออุปกรณ์เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม

          การพาลูกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อการเรียน นอกจากจะช่วยฝึกให้เขารู้จักตัดสินใจเองแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เขารู้สึกตื่นเต้น จนอยากจะเห็นว่าอุปกรณ์เหล่านี้เอาไปใช้ที่โรงเรียนได้อย่างไรอีกด้วย ถ้าในวันเปิดเรียนลูกน้อยของเราพากเพียรตื่นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมของก่อนใครก็ไม่ต้องแปลกใจ นั่นเพราะเขาอยากรีบออกไปใช้ของที่ตัวเองซื้อไว้เร็ว ๆ นั่นเอง

4. เตรียมรับมือกับไข้หวัดต่าง ๆ นานา ที่หลายคนนำพามาติดลูกน้อย

          ในวันที่ลูกต้องไปโรงเรียนเพื่อหัดอ่านเขียนกับเด็กคนอื่นมากหน้าหลายตา เวลาเรียน กิน นอน ก็ต้องอยู่ในห้องเดียวกันกับเพื่อนฝูงเหล่านั้นแทบทั้งวัน แล้วถ้าลูกของเราดันเป็นเด็กดีจนมีเพื่อนฝูงรายล้อม ก็ย่อมต้องติดไข้หวัดจากเพื่อนตัวน้อยมาบ้างเป็นธรรมดา ถ้ารู้ว่าลูกรักมีภูมิคุ้มกันอันอ่อนแอกว่าใครเพื่อน คงต้องขอเตือนให้คุณแม่เตรียมรับมือดี ๆ เพราะคราวนี้อาจจะต้องมีการพาลูกไปพบแพทย์ทุกสัปดาห์ แถมได้คอยป้อนยาลูกทุกวันจนเป็นกิจวัตรอย่างแน่นอน

รับมือลูกไปโรงเรียน

5. ลูกติดเหาจากเพื่อนที่โรงเรียน

          ปัญหาเรื่องการติดเหามาจากเพื่อนคือเรื่องยุ่งยากสุดคลาสสิกที่เหล่าคุณแม่ทั่วโลกต้องเผชิญ ยิ่งมีลูกสาวผมยาวด้วยแล้วก็ยิ่งเจอกับเรื่องเหา ๆ นี้มากกว่าใคร เพื่อไม่ให้เหาบนหัวลูกกระโดดเข้ามาเกาะบนหัวคุณแม่จนคันศีรษะกันทั้งบ้าน ก็ควรทำการตรวจดูเส้นผมและหนังศีรษะของเขาทุกวัน ถ้าเกิดเจอเหาครั้งใด ควรไปร้านขายยาซื้อยากำจัดเหามาใช้ทันที รับรองว่าเรื่องเหา ๆ เหล่านี้จะหมดไปแบบสบายใจหายห่วงเลย

6. รับมืองานวันเกิดเพื่อนของลูกแทบทุกสัปดาห์

          ยิ่งลูกเราเป็นเด็กดีมีเพื่อนฝูงมากมายเท่าไร คุณแม่มือใหม่ก็รับรู้ไว้เลยว่า ทุกสัปดาห์เว้นสัปดาห์จะต้องได้พาเขาไปงานวันเกิดของเพื่อน ๆ จนแม่อย่างเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน ตอนมีเวลาว่างแบบนี้คุณแม่ที่เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์อย่างเรา ควรหาซื้อของขวัญสุดน่ารักอย่างตุ๊กตามาติดบ้านไว้หลาย ๆ ตัวจะดีมาก หากถึงเดือนเกิดเพื่อนลูก ก็ดึงของขวัญชิ้นนั้นมาห่อใส่กล่องอย่างสวยงาม พร้อมส่งต่อสร้างความสุขได้แบบทันท่วงที คราวนี้จะได้ไม่ต้องหนักใจเรื่องการไปวันเกิดเพื่อนของลูกอีกแล้ว

รับมือลูกไปโรงเรียน

7. ลูกมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน

          ปัญหาของลูกน้อยกับเพื่อนที่โรงเรียนมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ทั้งลูกไปโรงเรียนไม่ยอมเล่นกับเพื่อน, ลูกทะเลาะกับเพื่อนจนมีเรื่องบาดหมาง, ลูกโดนเพื่อนแกล้งจนเขาหวาดกลัวไม่กล้าเข้าสังคม ปัญหาอมทุกข์เหล่านี้มีผู้ใหญ่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เห็นว่าจะต้องคอยเอามาใส่ใจ แต่รู้หรือไม่ นั่นคือปัญหาใหญ่แรก ๆ ที่เด็กหลายคนต้องแบกเอาไว้ ซึ่งบางทีก็อาจทำให้เป็นปมด้อยในอนาคตเลยก็มี ดังนั้นแล้ว คุณแม่มือใหม่ควรใส่ใจเรื่องเพื่อนฝูงของลูกรักให้มากขึ้น ถามไถ่เขาบ้างสัปดาห์ละครั้ง พอลูกมีปัญหากับเพื่อนจริง ๆ ก็จะได้รับมืออย่างทันท่วงที ไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ส่งผลต่อความอยากเข้าเรียนของลูกได้อีกต่อไป

8. ลูกไม่อยากไปโรงเรียน

          จริง ๆ แล้วปัญหาเรื่องลูกไม่อยากไปโรงเรียนน่าจะเจอได้กับเด็กทุกวัย ตั้งแต่ในระดับอนุบาลจนถึงปริญญาตรีเลยก็มี เพียงแค่ช่วงวัยที่เข้าเรียนใหม่อย่างเด็กอนุบาลนี้อาจจะเป็นปัญหายุ่งยากกว่าวัยอื่นสักนิด ทั้งการงอแงไม่ยอมตื่นนอน, งอแงไม่ยอมแต่งตัว หรือพยายามแกล้งป่วยเพื่อที่จะได้อ้อนขอไม่ต้องไปโรงเรียน ดังนั้นถ้าคุณแม่ท่านใดไม่อยากให้มีปัญหานี้เกิดขึ้นตอนลูกเข้าโรงเรียนครั้งแรกแล้วละก็ ควรหานิทานเกี่ยวกับการไปโรงเรียนมาเล่าให้เขาฟังก่อนนอนจะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว หรือจะแต่งเรื่องเล่าสนุกสนานเกี่ยวกับการไปเรียนให้เขาฟัง รับรองว่าลูกน้อยต้องชอบและอยากไปโรงเรียนตามนิทานนั้นบ้างแน่นอน

          ทั้งนี้ การสอนลูกและเตรียมความพร้อมให้แก่เขาก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนอย่างจริงจัง พ่อและแม่ต้องปลูกฝังแต่ความคิดที่ดี คุยกับลูกอย่างมีเหตุผล ว่าที่เขาต้องไปโรงเรียนนั้นเป็นเพราะอะไร ต่อไปเขาจะได้รู้สึกดีกับการเรียน ส่วนคุณแม่ก็จะได้หายห่วงแล้วเอาเวลาว่างเหล่านั้นไปทำอย่างอื่นที่เราสนใจได้อีกเยอะเลย

ข้อมูลจาก : care.com, evoke.ie, parents.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รับมือลูกไปโรงเรียน กับ 8 วิธีเตรียมพร้อมที่คุณแม่ควรทำความเข้าใจ อัปเดตล่าสุด 21 พฤษภาคม 2562 เวลา 18:10:18 21,400 อ่าน
TOP
x close