ท้องแล้วมีเพศสัมพันธ์ได้ถึงกี่เดือน ปัญหายอดฮิตที่คุณแม่ตั้งครรภ์กับคุณพ่อทุกคนสงสัย ท้องแล้วควรร่วมรักกันไหม มีอะไรกันตอนท้องเป็นอันตรายกับลูกน้อยหรือเปล่า มาหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ
แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์จะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของมนุษย์ แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นแม่ พอท้องหรือตั้งครรภ์เมื่อไรก็รู้สึกวิตกกังวลไปหมดว่าการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ออกกำลังกาย ยกของหนัก รวมถึงการร่วมรักบนเตียง จะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพหรือการเจริญเติบโตของลูกน้อย แต่บางครั้งความต้องการทางเพศก็เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ โดยเฉพาะกับคุณพ่อที่อาจเกิดอารมณ์ได้ง่ายกว่า จึงเกิดเป็นคำถามต่อมาว่า คนท้องสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม หากได้จะมีได้ถึงกี่เดือน และจะส่งผลกระทบอันตรายอะไรหรือเปล่า ?
วันนี้ทุกปัญหาจะหมดไป เพราะกระปุกดอทคอมขออาสาพาไปไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำท่าร่วมรักที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง รวมถึงข้อควรระวังขณะทำกิจกรรมบนเตียง ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรศึกษากันเอาไว้ให้ดี หากอยากเห็นเจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัยหายห่วงค่ะ
ท้องแล้วมีเพศสัมพันธ์ได้ถึงกี่เดือน ?
ในความเป็นจริงแล้ว คนท้องสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดระยะการตั้งครรภ์ 9 เดือน หากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอารมณ์ร่วมพร้อมทำกิจกรรมกับคุณพ่อ หากเพียงแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้งดเว้นในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ไว้ก่อน เพราะคุณแม่จะมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ เวียนศีรษะได้ง่าย อาจจะไม่สะดวกสบายหากต้องยกแข้งยกขานั่นเอง ดังนั้นเราจะพาไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า ช่วงตั้งครรภ์แต่ละไตรมาสคุณแม่จะท้องโตขนาดไหน และมีอาการอะไรที่อาจทำให้ไม่สะดวกตอนมีเพศสัมพันธ์หรือไม่
ไตรมาสแรก (สัปดาห์ที่ 1 - สัปดาห์ที่ 13)
ในช่วงนี้ครรภ์ของคุณแม่จะยังไม่โตจนอุ้ยอ้าย ทำให้สามารถทำกิจกรรมได้ทุกท่วงท่า ไม่ต้องกลัวจะอึดอัดหรือหนักท้องแต่อย่างใด แต่ต้องระมัดระวังเรื่องท่วงท่าที่ใช้ร่วมรักเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงท่าที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ขอบเตียง หรือขอบโต๊ะ รวมถึงสังเกตให้ดีว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดหรือไม่ มีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงหรือเปล่า ทั้งนี้คุณแม่ส่วนใหญ่มักมีอาการแพ้ท้องอย่างหนักในช่วงนี้ คุณพ่อควรถามความสมัครใจของคุณแม่ก่อนทำกิจกรรมทุกครั้ง อย่าบังคับฝืนใจโดยเด็ดขาด เพราะความเครียด ความกดดันของคุณแม่ จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์เอาได้
ไตรมาสที่สอง (สัปดาห์ที่ 14 - สัปดาห์ที่ 28)
เมื่อท้องของคุณแม่เริ่มโตขึ้นในระดับหนึ่ง คุณพ่อควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อนว่า ช่องคลอดและปากมดลูกแข็งแรงพอที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ มีความดันโลหิตสูง หรือมีความเครียดอะไรหรือเปล่า หากคุณหมออนุญาตไฟเขียวก็สามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ แต่ควรหลีกเลี่ยงท่าที่มีการกดทับหน้าท้องของคุณแม่เอาไว้ก่อน เพราะในช่วงไตรมาสนี้มีโอกาสเกิดภาวะเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนดสูง
ไตรมาสที่สาม (สัปดาห์ที่ 29 - สัปดาห์ที่ 42)
ด้วยความที่หน้าท้องขยายตัวอย่างเต็มที่ตามการเจริญเติบโตของเด็ก ท่าทางในการร่วมรักจึงไม่ควรให้คุณแม่ออกแรงมาก เพราะจะเหนื่อยง่าย และอาจมีอาการปวดหลังร่วมด้วย แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นช่วงที่เกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย ควรตรวจครรภ์ก่อนการร่วมรักทุกครั้งอย่าให้ขาด ต้องสังเกตให้ดีว่ามีของเหลวสีคล้ำ หรือเลือดปะปนระหว่างร่วมรักหรือไม่ หลังเสร็จสิ้นภารกิจมีอาการท้องแข็งไม่หายหรือเปล่า หากมีต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำคร่ำรั่ว ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
ท่าร่วมกิจกรรมบนเตียงที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง
หลังจากรู้กันไปแล้วว่าคุณแม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ในขณะตั้งครรภ์ เราจึงมีท่าร่วมรักที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับแม่ท้องมาฝาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เติมความหวานกันเรื่อย ๆ แถมหายห่วงเรื่องอันตรายต่อร่างกายได้ด้วยค่ะ
![ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน]()
1. คู่ช้อนส้อม (Spooning Position) เป็นท่านอนตะแคงข้างให้คุณพ่อโอบกอด และร่วมรักกับคุณแม่จากทางด้านหลัง ซึ่งเอื้ออำนวยช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องแบกน้ำหนักท้องมาก นอนได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องรับแรงกระแทกมาก ทั้งเป็นท่าที่เหมาะสมและปลอดภัยหากต้องการมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดใหม่อีกด้วย
![ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน]()
2. จับคู่ช้อนส้อมแบบนั่ง (Sweet Spooning Position) คล้ายท่าช้อนส้อมแบบนอนท่าแรก แต่เปลี่ยนมาเป็นท่านั่งให้คุณแม่นั่งตักของคุณพ่อ เหมาะสำหรับช่วงเดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะจะสะดวกต่อการออกแรงลงจังหวะ แต่หากรู้สึกสะดวกสบาย ไม่ขัดข้องตอนท้องโต ก็ถือเป็นท่าที่ปลอดภัยตลอดการอุ้มท้องเช่นเดียวกัน
![ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน]()
3. ตะแคงกอดรัก (Side by side position) ให้คุณพ่อคุณแม่ร่วมรักโดยนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน โอบกอดกันจนเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งเป็นท่าที่ทำให้ทั้งสองสัมผัสกันได้อย่างทั่วถึง และไม่มีการกดทับหน้าท้อง แต่ไม่ควรให้คุณแม่ยกแข้งยกขามากเกินไป เพราะจะกระทบถึงช่องคลอด และไม่สะดวกสบายสำหรับคุณแม่ท้องใหญ่ค่ะ
![ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน ท้องแล้วมีเพศสัมพันได้ถึงกี่เดือน]()
4. ผู้หญิงอยู่ข้างบน (Girl on Top) ท่าร่วมรักที่ใช้ได้ตลอดการตั้งครรภ์ โดยให้คุณแม่นั่งคร่อมอยู่ข้างบนตัวคุณพ่อที่นอนราบอยู่ข้างล่าง เพื่อให้คุณแม่เป็นผู้คุมจังหวะ และความหนัก-เบาได้ด้วยตัวเอง ส่วนคุณพ่อก็สามารถร่วมออกแรงไปพร้อม ๆ กันได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการกดทับบริเวณหน้าท้องแต่อย่างใด
ข้อควรระวังระหว่างมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์
แม้ว่าจะมีท่าร่วมรักที่เอื้ออำนวยสำหรับแม่ท้องอยู่มาก แต่ระหว่างทำกิจกรรมก็มีข้อควรระวังอยู่ไม่น้อย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคุณแม่และคุณลูก ตามเราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ
1. ตรวจร่างกายและสุขภาพของคุณแม่ให้พร้อม : ควรเช็กดูให้มั่นใจว่าคุณแม่กายพร้อม ใจพร้อม ไม่มีการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีอารมณ์ร่วมไปกับคุณพ่อ ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพและปรึกษาแพทย์ทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพราะช่วงตั้งครรภ์สุขภาพร่างกายของคุณแม่จะไม่สมบูรณ์คงที่ วันนี้คึกคัก แต่พรุ่งนี้อาจทรุดลงได้ชั่วข้ามคืนเช่นกัน
2. เช็กให้มั่นใจว่าปากมดลูกของคุณแข็งแรง : ควรพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัดว่าปากมดลูกของคุณแม่แข็งแรงหรือไม่ ถ้าแข็งแรงปกติดีก็พร้อมร่วมรักได้ไม่มีปัญหา แต่หากอ่อนแอ เปิดง่าย ปิดไม่สนิท ควรงดเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ และเปลี่ยนไปใช้วิธีออรัลเซ็กส์ หรือกระตุ้นอารมณ์ด้วยวิธีอื่นแทน เพราะภาวะปากมดลูกอ่อนแอนั้นเสี่ยงแท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดมากกว่าปกติ
3. งดเว้นออรัลเซ็กส์เมื่อคุณพ่อเป็นโรคเริมที่ริมฝีปาก : หากมีการติดเชื้อเริม หรือเคยมีอาการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปากมาก่อน
คุณพ่อไม่ควรทำออรัลเซ็กส์ให้คุณแม่
เพราะเป็นการนำเชื้อไปสัมผัสกับช่องคลอดโดยตรง
และถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้เป็นไข้ คอบวม
และเป็นตุ่มใสทั่วบริเวณ
4. ห้ามคุณพ่อเป่าลมเข้าช่องคลอดเด็ดขาด : เพราะลมที่เป่าเข้าไปจะทำให้เกิดกลุ่มฟองอากาศ และส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือดของคุณแม่ ซึ่งเสี่ยงเกิดภาวะช็อกและโรคแทรกซ้อนกะทันหัน เป็นอันตรายถึงชีวิตของทั้งคุณแม่และคุณลูกได้ทันที
5. งดเว้นการใช้เซ็กส์ทอยหรือของใช้อื่น ๆ ในช่องคลอด : อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดอาจทำให้ติดเชื้อ แต่ถ้าต้องการจริง ๆ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ด้วยว่าน้ำเกลือชนิดไหนที่สามารถใช้กับช่องคลอด และไม่ทำให้ระคายเคืองหรือแพ้ได้
6. ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ทำกิจกรรม : แม้การหลั่งในช่องคลอดจะไม่ส่งผลอันตรายถึงแม่และเด็ก แต่คุณพ่อควรสวมถุงยางอนามัยขณะร่วมรักทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากคุณแม่มีอาการช่องคลอดแห้งขณะตั้งครรภ์ ควรใช้เจลหล่อลื่นเพื่อความสบายตัวของคุณแม่ด้วย
7. หากเสร็จกิจแล้วมีอาการปวดไม่หายควรพบแพทย์ : เนื่องจากการสอดใส่ หรือท่วงท่าบางท่าอาจทำให้ปากช่องคลอดเปิดก่อนกำหนด หรือกระทบต่อการบีบตัวของมดลูก ถ้ารู้สึกปวด บีบ อึดอัดภายในท้อง คุณแม่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจอาการทันที
8. คุณแม่ที่เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนควรงดกิจกรรมบนเตียงเอาไว้ก่อน : ทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์แฝด
คุณแม่ที่มีประวัติแท้งโดยธรรมชาติ มีประวัติคลอดก่อนกำหนด
รวมถึงคุณแม่ที่เกิดอาการผิดปกติขณะอุ้มท้อง อาทิ ถุงน้ำคร่ำแตก,
เลือดออกทางช่องคลอด, ปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด, ปากมดลูกปิดสนิท
และภาวะรกเกาะต่ำ เนื่องจากเสี่ยงติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
อาจเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และคุณลูกในอนาคต
ทั้งนี้ สิ่งที่ดีต่อร่างกายของคุณแม่มากที่สุดก็คือให้คุณพ่ออดใจรอสักนิด เชื่อสิคะว่าพอได้เห็นว่าสุขภาพของคุณแม่และเจ้าตัวเล็กสมบูรณ์แข็งแรงดีหลังการคลอด คุณพ่อจะเข้าใจเลยว่าการอดทนรอนั้นคุ้มค่าขนาดไหน ^^
ข้อมูลจาก : parents.com, babycenter.com, pobpad.com
วันนี้ทุกปัญหาจะหมดไป เพราะกระปุกดอทคอมขออาสาพาไปไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำท่าร่วมรักที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง รวมถึงข้อควรระวังขณะทำกิจกรรมบนเตียง ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรศึกษากันเอาไว้ให้ดี หากอยากเห็นเจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัยหายห่วงค่ะ
ท้องแล้วมีเพศสัมพันธ์ได้ถึงกี่เดือน ?
ในความเป็นจริงแล้ว คนท้องสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดระยะการตั้งครรภ์ 9 เดือน หากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอารมณ์ร่วมพร้อมทำกิจกรรมกับคุณพ่อ หากเพียงแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้งดเว้นในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ไว้ก่อน เพราะคุณแม่จะมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ เวียนศีรษะได้ง่าย อาจจะไม่สะดวกสบายหากต้องยกแข้งยกขานั่นเอง ดังนั้นเราจะพาไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า ช่วงตั้งครรภ์แต่ละไตรมาสคุณแม่จะท้องโตขนาดไหน และมีอาการอะไรที่อาจทำให้ไม่สะดวกตอนมีเพศสัมพันธ์หรือไม่
ไตรมาสแรก (สัปดาห์ที่ 1 - สัปดาห์ที่ 13)

ในช่วงนี้ครรภ์ของคุณแม่จะยังไม่โตจนอุ้ยอ้าย ทำให้สามารถทำกิจกรรมได้ทุกท่วงท่า ไม่ต้องกลัวจะอึดอัดหรือหนักท้องแต่อย่างใด แต่ต้องระมัดระวังเรื่องท่วงท่าที่ใช้ร่วมรักเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงท่าที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ขอบเตียง หรือขอบโต๊ะ รวมถึงสังเกตให้ดีว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดหรือไม่ มีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงหรือเปล่า ทั้งนี้คุณแม่ส่วนใหญ่มักมีอาการแพ้ท้องอย่างหนักในช่วงนี้ คุณพ่อควรถามความสมัครใจของคุณแม่ก่อนทำกิจกรรมทุกครั้ง อย่าบังคับฝืนใจโดยเด็ดขาด เพราะความเครียด ความกดดันของคุณแม่ จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์เอาได้
ไตรมาสที่สอง (สัปดาห์ที่ 14 - สัปดาห์ที่ 28)
ไตรมาสที่สาม (สัปดาห์ที่ 29 - สัปดาห์ที่ 42)
ด้วยความที่หน้าท้องขยายตัวอย่างเต็มที่ตามการเจริญเติบโตของเด็ก ท่าทางในการร่วมรักจึงไม่ควรให้คุณแม่ออกแรงมาก เพราะจะเหนื่อยง่าย และอาจมีอาการปวดหลังร่วมด้วย แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นช่วงที่เกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย ควรตรวจครรภ์ก่อนการร่วมรักทุกครั้งอย่าให้ขาด ต้องสังเกตให้ดีว่ามีของเหลวสีคล้ำ หรือเลือดปะปนระหว่างร่วมรักหรือไม่ หลังเสร็จสิ้นภารกิจมีอาการท้องแข็งไม่หายหรือเปล่า หากมีต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำคร่ำรั่ว ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
ท่าร่วมกิจกรรมบนเตียงที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง
หลังจากรู้กันไปแล้วว่าคุณแม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ในขณะตั้งครรภ์ เราจึงมีท่าร่วมรักที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับแม่ท้องมาฝาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เติมความหวานกันเรื่อย ๆ แถมหายห่วงเรื่องอันตรายต่อร่างกายได้ด้วยค่ะ





5. กวางเหลียวหลัง (Doggy Style) ท่าที่สะดวกสบายมากอีกท่าหนึ่งตลอดการตั้งครรภ์ โดยให้คุณแม่ทำท่าคลาน 4 เท้า และให้คุณพ่อร่วมรักจากทางด้านหลัง โดยสามารถโก้งโค้งได้ตามความสะดวกสบาย แต่เป็นท่าที่เอื้ออำนวยต่อการสอดใส่ให้ลึกมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นคุณพ่อต้องระวังอย่าออกแรงกระแทกมากเกินพอดี และหลีกเลี่ยงการกอดรัดบริเวณหน้าท้องของคุณแม่ด้วยนะคะ
แม้ว่าจะมีท่าร่วมรักที่เอื้ออำนวยสำหรับแม่ท้องอยู่มาก แต่ระหว่างทำกิจกรรมก็มีข้อควรระวังอยู่ไม่น้อย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคุณแม่และคุณลูก ตามเราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ

1. ตรวจร่างกายและสุขภาพของคุณแม่ให้พร้อม : ควรเช็กดูให้มั่นใจว่าคุณแม่กายพร้อม ใจพร้อม ไม่มีการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีอารมณ์ร่วมไปกับคุณพ่อ ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพและปรึกษาแพทย์ทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพราะช่วงตั้งครรภ์สุขภาพร่างกายของคุณแม่จะไม่สมบูรณ์คงที่ วันนี้คึกคัก แต่พรุ่งนี้อาจทรุดลงได้ชั่วข้ามคืนเช่นกัน
2. เช็กให้มั่นใจว่าปากมดลูกของคุณแข็งแรง : ควรพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัดว่าปากมดลูกของคุณแม่แข็งแรงหรือไม่ ถ้าแข็งแรงปกติดีก็พร้อมร่วมรักได้ไม่มีปัญหา แต่หากอ่อนแอ เปิดง่าย ปิดไม่สนิท ควรงดเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ และเปลี่ยนไปใช้วิธีออรัลเซ็กส์ หรือกระตุ้นอารมณ์ด้วยวิธีอื่นแทน เพราะภาวะปากมดลูกอ่อนแอนั้นเสี่ยงแท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดมากกว่าปกติ
4. ห้ามคุณพ่อเป่าลมเข้าช่องคลอดเด็ดขาด : เพราะลมที่เป่าเข้าไปจะทำให้เกิดกลุ่มฟองอากาศ และส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือดของคุณแม่ ซึ่งเสี่ยงเกิดภาวะช็อกและโรคแทรกซ้อนกะทันหัน เป็นอันตรายถึงชีวิตของทั้งคุณแม่และคุณลูกได้ทันที
5. งดเว้นการใช้เซ็กส์ทอยหรือของใช้อื่น ๆ ในช่องคลอด : อุปกรณ์ที่ไม่สะอาดอาจทำให้ติดเชื้อ แต่ถ้าต้องการจริง ๆ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ด้วยว่าน้ำเกลือชนิดไหนที่สามารถใช้กับช่องคลอด และไม่ทำให้ระคายเคืองหรือแพ้ได้

6. ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ทำกิจกรรม : แม้การหลั่งในช่องคลอดจะไม่ส่งผลอันตรายถึงแม่และเด็ก แต่คุณพ่อควรสวมถุงยางอนามัยขณะร่วมรักทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากคุณแม่มีอาการช่องคลอดแห้งขณะตั้งครรภ์ ควรใช้เจลหล่อลื่นเพื่อความสบายตัวของคุณแม่ด้วย
7. หากเสร็จกิจแล้วมีอาการปวดไม่หายควรพบแพทย์ : เนื่องจากการสอดใส่ หรือท่วงท่าบางท่าอาจทำให้ปากช่องคลอดเปิดก่อนกำหนด หรือกระทบต่อการบีบตัวของมดลูก ถ้ารู้สึกปวด บีบ อึดอัดภายในท้อง คุณแม่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจอาการทันที
ทั้งนี้ สิ่งที่ดีต่อร่างกายของคุณแม่มากที่สุดก็คือให้คุณพ่ออดใจรอสักนิด เชื่อสิคะว่าพอได้เห็นว่าสุขภาพของคุณแม่และเจ้าตัวเล็กสมบูรณ์แข็งแรงดีหลังการคลอด คุณพ่อจะเข้าใจเลยว่าการอดทนรอนั้นคุ้มค่าขนาดไหน ^^
ข้อมูลจาก : parents.com, babycenter.com, pobpad.com