หลังผ่าคลอด รู้ไหมว่าต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง ตามมาดูกัน ! เพราะกระปุกดอทคอมได้รวบรวมเรื่องน่ารู้ไว้ให้คุณแม่ที่นี่แล้ว
1. หลังผ่าคลอดนอนท่าไหน
หลังจากผ่าคลอดให้คุณแม่นอนด้วยท่าตะแคง จะช่วยลดอาการเจ็บแผลได้ และไม่ทำให้แผลปริค่ะ นอกจากนี้ควรปรับหัวนอนให้สูงเข้าไว้ หรือซ้อนด้วยหมอนนุ่ม ๆ หลาย ๆ ใบรองคอ จะช่วยให้แผลที่หน้าท้องไม่ตึงจนเกินไป และช่วยลดอาการเจ็บแผลได้ด้วย ทั้งนี้ เวลาจะลุกจะนั่งก็ให้ใช้มือค่อย ๆ พยุงตัว และลุกในท่าตะแคงข้างเช่นเดียวกันค่ะ
2. หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง
หลังผ่าคลอดคุณแม่ควรจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ซึ่งสามารถรับประทานได้เกือบทุกอย่าง แต่อาหารกลุ่มที่คุณแม่ควรเน้นเป็นพิเศษ ได้แก่ อาหารกลุ่มโปรตีน อย่างเช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา ซึ่งมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารประเภทผักใบเขียวและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอสุก ซึ่งผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซีสูง จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ที่มีส่วนช่วยให้แผลผ่าตัดหายไวขึ้นและป้องกันการเกิดแผลเป็นนั่นเองค่ะ
3. หลังผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง
อาหารที่คุณแม่ควรเลี่ยงหลังผ่าคลอด ได้แก่ อาหารประเภทปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างเช่น ส้มตำปูปลาร้า ลาบดิบ แหนมดิบ เป็นต้น เนื่องจากหลังผ่าตัดร่างกายของคุณแม่จะอ่อนแอลง อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างเช่น เหล้า เบียร์ ให้งดไปก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้แผลหายช้าหรือเกิดการอักเสบได้ค่ะ
นอกจากนี้หลังผ่าคลอดคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ห้ามกินไข่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า หรือเป็นแผลเป็น อันนี้ถือเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ ความจริงแล้วคุณแม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากหลังผ่าคลอดร่างกายจะเกิดการสึกหรอ การกินไข่ซึ่งมีโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี ที่สำคัญโปรตีนจากไข่ยังจะช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมได้อีกด้วยนะคะ
4. หลังผ่าคลอดกินน้ำเย็นได้ไหม
คนโบราณมักเตือนว่าหลังผ่าคลอดห้ามคุณแม่ดื่มน้ำเย็น เพราะจะไม่มีน้ำนมให้ลูก ซึ่งความจริงแล้วในหลักการแพทย์ไม่มีข้อห้ามให้คุณแม่ดื่มน้ำเย็นค่ะ แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างน้ำเย็นกับน้ำอุ่นแล้ว น้ำอุ่นจะมีข้อดีมากกว่า นั่นก็คือช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณแม่ที่เตรียมความพร้อมให้นมลูก เพราะจะช่วยให้น้ำนมไหลได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้หลังจากผ่าคลอดแนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำให้เยอะ ๆ เพราะการผ่าคลอดทำให้คุณแม่สูญเสียเลือดและน้ำในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณแม่จึงควรดื่มน้ำให้ได้มากกว่าวันละ 8 แก้ว จะช่วยไม่ให้หน้ามืดและอ่อนเพลียได้ค่ะ
5. ผ่าคลอด ต้องอยู่ไฟไหม
ในความเป็นจริงแล้วการอยู่ไฟหลังผ่าคลอดแพทย์จะไม่ค่อยแนะนำ เพราะไม่จำเป็นเท่าไร ส่วนใหญ่มักจะทำในกรณีที่คลอดเองตามธรรมชาติมากกว่า แต่ถ้าใครที่มีความเชื่ออยากจะอยู่ไฟหลังผ่าคลอดก็สามารถทำได้ค่ะ แต่แนะนำให้ทำหลังจากแผลเริ่มหายดีแล้วประมาณ 45 วันขึ้นไป เพราะการผ่าคลอดจะมีแผลเย็บ ซึ่งการอยู่ไฟมักจะมีการถูตัว นวดด้วยสมุนไพร บางครั้งการนวดการคลึงตัวก็อาจจะกระทบต่อแผลที่ผ่าตัดได้
6. หลังผ่าคลอดออกกําลังกายได้ไหม
เข้าใจว่าคุณแม่หลังผ่าคลอดใคร ๆ ก็อยากที่จะกลับมามีหุ่นดีไว ๆ แต่ทั้งนี้หลังผ่าคลอดยังไม่ควรออกกำลังกายทันทีนะคะ ควรรอให้แผลเริ่มสมานกันเสียก่อน ซึ่งหลังจากผ่าคลอดประมาณ 6 สัปดาห์ขึ้นไปแล้วถึงจะเริ่มออกกำลังกายได้ค่ะ แต่การออกกำลังกายในที่นี้ควรเป็นท่าออกกำลังกายแบบเบา ๆ และไม่ควรเกร็งหน้าท้องมากจนเกินไป ซึ่งหากออกกำลังกายแล้วรู้สึกเจ็บแผลให้รีบหยุดทันที อย่าฝืน เพราะไม่อย่างนั้นแผลอาจจะปริเอาได้ค่ะ
7. หลังผ่าคลอดประจําเดือนจะมาตอนไหน
สำหรับประจำเดือนหลังผ่าคลอดนั้นก็จะเหมือนกับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติค่ะ คือจะมาตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน หรือสุขภาพร่างกายของคุณแม่เอง ซึ่งโดยสถิติทั่วไปแล้ว คุณแม่หลังคลอดจะมีประจำเดือนมาปกติในช่วง 6-8 สัปดาห์ หลังคลอด ในกรณีที่คุณแม่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่วนคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะยังมีฮอร์โมนกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำนม ส่งผลให้ยังไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากเป็นในกรณีนี้ ประจำเดือนอาจจะมาช้าราว ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปีค่ะ
8. หลังผ่าคลอดมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
หลังผ่าคลอดในระยะแรก ๆ ยังไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ แต่ควรรอเมื่อพร้อม ซึ่งความพร้อมในที่นี้ก็คือเมื่อน้ำคาวปลาหมดแล้ว และคุณแม่ไม่เจ็บแผลผ่าตัดแล้ว โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากผ่าตัด แต่ในช่วงนี้ควรจะใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรือถ้าอยากจะรอให้น้ำคาวปลาหมดสนิทและแผลผ่าตัดหายสนิท ควรรอประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งช่วงนี้จะใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยหรือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ
และนี่ก็คือคำตอบของหลากหลายเรื่องราวน่าสงสัยที่คุณแม่หลังผ่าคลอดอยากรู้ วันนี้ได้เคลียร์ชัด ๆ กันไปแล้ว หวังว่าจะช่วยให้คุณแม่ทั้งหลายหายกังวลใจกันได้แล้วนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : mamaexpert.com, maerakluke.com, momjunction.com, th.theasianparent.com, motherandchild.in.th
สำหรับคุณแม่คนไหนที่กำลังจะมีกำหนดผ่าคลอดเร็ว ๆ นี้ คงจะเป็นกังวลไปซะหมดและทำตัวไม่ถูกเลยใช่ไหมล่ะคะ ว่าหลังผ่าคลอดจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง
เช่น กินอะไรได้บ้าง ต้องนอนท่าไหน ออกกำลังกายได้ไหม
มีเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่า หรือประจำเดือนจะมาตอนไหน ฯลฯ
ซึ่งคำถามเหล่านี้เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนจะต้องอยากรู้กันอย่างแน่นอน
และเพื่อให้คุณแม่หายกังวลใจ และเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาบอกกันแล้วค่ะ
อยากรู้เรื่องไหนก็ตามมาศึกษากันได้เลย...
หลังจากผ่าคลอดให้คุณแม่นอนด้วยท่าตะแคง จะช่วยลดอาการเจ็บแผลได้ และไม่ทำให้แผลปริค่ะ นอกจากนี้ควรปรับหัวนอนให้สูงเข้าไว้ หรือซ้อนด้วยหมอนนุ่ม ๆ หลาย ๆ ใบรองคอ จะช่วยให้แผลที่หน้าท้องไม่ตึงจนเกินไป และช่วยลดอาการเจ็บแผลได้ด้วย ทั้งนี้ เวลาจะลุกจะนั่งก็ให้ใช้มือค่อย ๆ พยุงตัว และลุกในท่าตะแคงข้างเช่นเดียวกันค่ะ
2. หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง
หลังผ่าคลอดคุณแม่ควรจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ซึ่งสามารถรับประทานได้เกือบทุกอย่าง แต่อาหารกลุ่มที่คุณแม่ควรเน้นเป็นพิเศษ ได้แก่ อาหารกลุ่มโปรตีน อย่างเช่น เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา ซึ่งมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารประเภทผักใบเขียวและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอสุก ซึ่งผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซีสูง จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ที่มีส่วนช่วยให้แผลผ่าตัดหายไวขึ้นและป้องกันการเกิดแผลเป็นนั่นเองค่ะ
3. หลังผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้าง
อาหารที่คุณแม่ควรเลี่ยงหลังผ่าคลอด ได้แก่ อาหารประเภทปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างเช่น ส้มตำปูปลาร้า ลาบดิบ แหนมดิบ เป็นต้น เนื่องจากหลังผ่าตัดร่างกายของคุณแม่จะอ่อนแอลง อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างเช่น เหล้า เบียร์ ให้งดไปก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้แผลหายช้าหรือเกิดการอักเสบได้ค่ะ
นอกจากนี้หลังผ่าคลอดคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ห้ามกินไข่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า หรือเป็นแผลเป็น อันนี้ถือเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ ความจริงแล้วคุณแม่สามารถรับประทานได้ เนื่องจากหลังผ่าคลอดร่างกายจะเกิดการสึกหรอ การกินไข่ซึ่งมีโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี ที่สำคัญโปรตีนจากไข่ยังจะช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมได้อีกด้วยนะคะ
คนโบราณมักเตือนว่าหลังผ่าคลอดห้ามคุณแม่ดื่มน้ำเย็น เพราะจะไม่มีน้ำนมให้ลูก ซึ่งความจริงแล้วในหลักการแพทย์ไม่มีข้อห้ามให้คุณแม่ดื่มน้ำเย็นค่ะ แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างน้ำเย็นกับน้ำอุ่นแล้ว น้ำอุ่นจะมีข้อดีมากกว่า นั่นก็คือช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณแม่ที่เตรียมความพร้อมให้นมลูก เพราะจะช่วยให้น้ำนมไหลได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้หลังจากผ่าคลอดแนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำให้เยอะ ๆ เพราะการผ่าคลอดทำให้คุณแม่สูญเสียเลือดและน้ำในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณแม่จึงควรดื่มน้ำให้ได้มากกว่าวันละ 8 แก้ว จะช่วยไม่ให้หน้ามืดและอ่อนเพลียได้ค่ะ
5. ผ่าคลอด ต้องอยู่ไฟไหม
ในความเป็นจริงแล้วการอยู่ไฟหลังผ่าคลอดแพทย์จะไม่ค่อยแนะนำ เพราะไม่จำเป็นเท่าไร ส่วนใหญ่มักจะทำในกรณีที่คลอดเองตามธรรมชาติมากกว่า แต่ถ้าใครที่มีความเชื่ออยากจะอยู่ไฟหลังผ่าคลอดก็สามารถทำได้ค่ะ แต่แนะนำให้ทำหลังจากแผลเริ่มหายดีแล้วประมาณ 45 วันขึ้นไป เพราะการผ่าคลอดจะมีแผลเย็บ ซึ่งการอยู่ไฟมักจะมีการถูตัว นวดด้วยสมุนไพร บางครั้งการนวดการคลึงตัวก็อาจจะกระทบต่อแผลที่ผ่าตัดได้
6. หลังผ่าคลอดออกกําลังกายได้ไหม
เข้าใจว่าคุณแม่หลังผ่าคลอดใคร ๆ ก็อยากที่จะกลับมามีหุ่นดีไว ๆ แต่ทั้งนี้หลังผ่าคลอดยังไม่ควรออกกำลังกายทันทีนะคะ ควรรอให้แผลเริ่มสมานกันเสียก่อน ซึ่งหลังจากผ่าคลอดประมาณ 6 สัปดาห์ขึ้นไปแล้วถึงจะเริ่มออกกำลังกายได้ค่ะ แต่การออกกำลังกายในที่นี้ควรเป็นท่าออกกำลังกายแบบเบา ๆ และไม่ควรเกร็งหน้าท้องมากจนเกินไป ซึ่งหากออกกำลังกายแล้วรู้สึกเจ็บแผลให้รีบหยุดทันที อย่าฝืน เพราะไม่อย่างนั้นแผลอาจจะปริเอาได้ค่ะ
สำหรับประจำเดือนหลังผ่าคลอดนั้นก็จะเหมือนกับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติค่ะ คือจะมาตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน หรือสุขภาพร่างกายของคุณแม่เอง ซึ่งโดยสถิติทั่วไปแล้ว คุณแม่หลังคลอดจะมีประจำเดือนมาปกติในช่วง 6-8 สัปดาห์ หลังคลอด ในกรณีที่คุณแม่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่วนคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะยังมีฮอร์โมนกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำนม ส่งผลให้ยังไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากเป็นในกรณีนี้ ประจำเดือนอาจจะมาช้าราว ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปีค่ะ
8. หลังผ่าคลอดมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม
หลังผ่าคลอดในระยะแรก ๆ ยังไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ แต่ควรรอเมื่อพร้อม ซึ่งความพร้อมในที่นี้ก็คือเมื่อน้ำคาวปลาหมดแล้ว และคุณแม่ไม่เจ็บแผลผ่าตัดแล้ว โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากผ่าตัด แต่ในช่วงนี้ควรจะใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรือถ้าอยากจะรอให้น้ำคาวปลาหมดสนิทและแผลผ่าตัดหายสนิท ควรรอประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งช่วงนี้จะใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยหรือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ
และนี่ก็คือคำตอบของหลากหลายเรื่องราวน่าสงสัยที่คุณแม่หลังผ่าคลอดอยากรู้ วันนี้ได้เคลียร์ชัด ๆ กันไปแล้ว หวังว่าจะช่วยให้คุณแม่ทั้งหลายหายกังวลใจกันได้แล้วนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : mamaexpert.com, maerakluke.com, momjunction.com, th.theasianparent.com, motherandchild.in.th