เด็กในช่วงวัยเตาะแตะ (Toddler) ที่มีอายุ 1-3 ขวบ หรือช่วงวัยก่อนเรียน เป็นช่วงวัยที่ร่างกายเริ่มมีพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ เด็กจะเริ่มเดินได้ พูดได้ และเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เด็กสามารถไปไหนมาไหนได้เองมากขึ้น ทำให้มีอิสระ อยากทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น เลือกที่จะกินหรือไม่กินอะไร เริ่มหยิบหรือตักอาหารกินเอง ไม่ยอมให้ป้อน รวมไปถึงการเลือกเสื้อผ้า และของเล่นเอง นอกจากนี้เด็กวัยเตาะแตะจะชอบสำรวจศึกษาสิ่งรอบตัว มีความอยากรู้อยากเห็น อยากลองไปหมดเสียทุกอย่าง ช่างสงสัย ช่างซักช่างถาม ช่างสังเกตและจดจำ ชอบคิดชอบจินตนาการ หรือพูดง่าย ๆ เลยก็คือเป็นวัยที่กำลังซนนั่นเองค่ะ ซึ่งพฤติกรรมของเจ้าตัวน้อยอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนปวดหัวและเกิดความกังวล ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดี ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีทางแก้ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และส่งเสริมให้ลูกน้อยได้มีโอกาสใช้ความสามารถทางพัฒนาการของเขาตามศักยภาพที่มีอยู่ โดยควบคุมไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะจะเป็นการฝึกลูกน้อยให้มีความมั่นใจและมีความพยายามที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
เด็กในช่วงวัย 1-3 ขวบ เป็นวัยที่ลูกเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการเคลื่อนไหว อยากรู้อยากลองว่าตนเองสามารถทำอะไรได้แค่ไหน ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ยิ่งห้ามยิ่งอยากทำ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ ศึกษาค้นคว้า และทดลองทำอะไรด้วยตัวเอง ให้เขามีอิสระในการสำรวจสิ่งต่าง ๆ โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูอยู่ใกล้ ๆ พร้อมสอนให้ลูกรู้ว่าสิ่งไหนทำได้ ทำไม่ได้ ด้วยวิธีบอกกล่าวหรือห้ามอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้กฎกติกาและทักษะทางสังคมไปด้วยค่ะ ซึ่งจะช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกถึงอิสระในการใช้ชีวิตตัวเองได้มากขึ้น ได้ฝึกความกล้าหาญ สติปัญญา และความมั่นใจที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ เป็นการฝึกฝนให้เขาได้ลองใช้ความกล้าหาญของตัวเองอย่างเต็มที่
เนื่องจากเด็ก ๆ วัยนี้เป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็น อยากลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อท้าทายความสามารถของตัวเอง เช่น การเลือกทานข้าว หยิบจับอาหารเอง เลือกเสื้อผ้าที่ใส่ เลือกของเล่น รวมไปถึงการเลือกกิจกรรมว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ซึ่งหากเจ้าตัวน้อยเรียกร้องอยากลองทำสิ่งนั้นด้วยตัวเองแล้ว ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยงอันตรายมากจนเกินไป เช่น การทานอาหารเอง อาบน้ำเอง แต่งตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก็อาจให้ลูกลองทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือเฉพาะเมื่อลูกขอร้อง เมื่อเขาทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ นอกจากตัวเขาจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองแล้ว ยังช่วยเพิ่มพูนทักษะต่าง ๆ ในชีวิตเขาได้มากอีกด้วย
อย่างที่บอกว่าเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังซน เมื่อเขาเริ่มเดินเริ่มวิ่งได้ ก็จะชอบสำรวจสิ่งของและพื้นที่ในบริเวณต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่จึงควรมีพื้นที่ให้เขาได้วิ่งเล่น โดยอาจมีมุมส่วนตัวของลูกที่มีของเล่นเสริมพัฒนาการ เช่น ตัวต่อเลโก้ บ้านตุ๊กตา ห้องครัวจำลอง เป็นต้น ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อย ตรวจสอบความแข็งแรงของโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องเรือน เสียบที่อุดปลั๊กไฟ เก็บเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของอันตรายให้พ้นมือเด็ก รวมไปถึงกั้นเขตพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น บันได หรือระเบียงบ้าน เป็นต้น
เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเองของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยฝึกให้เขารู้จักตัดสินใจเลือกสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยกำหนดตัวเลือกมาให้แบบง่าย ๆ สัก 2-3 อย่าง เช่น ขนม เสื้อผ้า ของเล่น โดยที่คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของเขา วิธีนี้จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ทักษะชีวิตด้านความรับผิดชอบต่อตนเอง ทำให้เป็นคนกล้าคิด กล้าตัดสินใจ ทั้งยังทำให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ
เด็กวัยนี้ชอบทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และชอบที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิตตามผู้ใหญ่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจให้เขาช่วยงานแบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทำได้ง่ายตามวัย แม้ว่าผลงานที่ออกมาจะไม่เรียบร้อยสมบูรณ์เท่าไรนัก แต่ก็เป็นการฝึกให้เขาได้ใช้ความพยายามและความอดทน เช่น เก็บของเล่น เก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ช่วยทิ้งขยะ เช็ดโต๊ะ ล้างผัก ล้างผลไม้ เป็นต้น ซึ่งเมื่อลูกทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ เขาก็จะรู้สึกภูมิใจ รู้สึกมีค่าต่อตัวเองและต่อคนในครอบครัว เขาจะรู้สึกได้ว่าพ่อแม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขา แถมยังช่วยให้ลูกรู้ว่าตัวเองมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือครอบครัวอีกด้วย
การที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกในวัยเตาะแตะมีอิสระ รู้จักตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกเกิดความเชื่อมั่นในตัวคุณพ่อคุณแม่ มีความต้องการที่จะทดลองและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อเขาได้สำรวจหรือทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ก็จะเกิดความมั่นใจในตนเอง รู้จักคิด รู้จักทำ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งหากเด็กในวัยนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้องเหมาะสมจากคุณพ่อคุณแม่และคุณครู รวมไปถึงการได้รับความรักและกำลังใจอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้เขาเติบโตเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ สามารถช่วยเหลือตนเองในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ...
ข้อมูลจาก : everydayfamily.com, momtastic.com, candokiddo.com