
หมอเด็ก เผย "ลัทธิต้านวัคซีน" แพร่ถึงไทยแล้ว พบแปลข้อความต่างชาติแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเด็กไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ย้ำหากผู้ปกครองหลงเชื่อ อาจทำให้เด็กเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน พร้อมแนะผู้ปกครองให้เด็กรับวัคซีนตามเกณฑ์
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด โรงพยาบาลบีเอ็นเอช และอนุกรรมการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีแนวคิดต้านวัคซีนเข้ามาในประเทศไทยแล้ว โดยพบว่ามีการแพร่แนวคิดไม่ฉีดวัคซีนผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งแปลมาจากข้อมูลของแพทย์บางคนในสหรัฐฯ ที่ต่อต้านการให้วัคซีน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะหากมีผู้ปกครองบางกลุ่มหลงเชื่อข้อความดังกล่าว และไม่พาเด็กไปรับวัคซีนตามเกณฑ์ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น อาจจะส่งผลโดยตรงต่อเด็กรวมถึงโรคระบาดที่เคยควบคุมไปได้แล้วก็จะกลับมา ทั้งโรคฝีดาษ, โรคคอตีบ, โรคไอกรน และโรคโปลิโอ เป็นต้น อย่างไรก็ดี อยากฝากให้ผู้ปกครองทุกคนหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหลงเชื่อข้อมูลต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย
พญ.สุธีรา กล่าวต่อว่า แนวคิดต้านวัคซีนถือว่าเป็นความเชื่อที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะการไม่ฉีดวัคซีน แม้ครอบครัวตัวเองจะไม่เดือดร้อน แต่ก็อาจทำให้ครอบครัวอื่นเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งเคยมีกรณีเกิดขึ้นแล้วในชุมชนแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้น โดยครอบครัวที่ไม่ยอมพาลูกไปฉีดวัคซีนนั้น แม้ลูกจะติดโรค แต่เนื่องจากเป็นเด็กโต อาการจึงไม่รุนแรง แต่กลับเอาโรคมาติดเด็กเล็กอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่มีความตั้งใจจะพาลูกไปฉีดวัคซีน แต่ด้วยอายุของลูกยังไม่ถึงเกณฑ์ จึงยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้เด็กเล็กป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด
นอกจากนี้ พญ.สุธีรา ยังแนะอีกว่า วิธีสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดแก่เด็กทารก คือ การให้นมแม่เพียงอย่างเดียว เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นจึงให้อาหารเสริมอื่น ๆ ควบคู่กับนมแม่ โดยเด็กที่รับประทานนมแม่จะมีโอกาสติดโรคอาการรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่ไม่รับประทานนมแม่ และการพาลูกไปรับวัคซีนพื้นฐานตามระยะเวลาที่กำหนด ก็มีผลให้เด็กที่รับประทานนมแม่ มีภูมิคุ้มกันจากการวัคซีนสูงกว่าเด็กที่ไม่รับประทานนมแม่อีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
