
Aromatherapy for Pregnancy (modernmom)
เรื่อง : วันสุข
ต้องยอมรับนะคะว่า เมื่อตั้งครรภ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับผู้หญิงเราหลายอย่าง ไหนจะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ปวดหลัง ผิวเป็นผื่น เป็นตะคริว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่สวิงขึ้น ๆ ลง ๆ สารพัดอย่างดาหน้ากันเข้ามาโจมตีว่าที่คุณแม่ให้เพียบ การใช้กลิ่นบำบัดจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งตัวเลือกที่จะนำมาบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยค่ะ

กลิ่นบำบัดหรือจะเรียกกันแบบเก๋ ๆ ว่า Aromatheraph เป็นการใช้น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติเข้ามาปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ กลิ่นหอมจะเข้ามาบำบัดให้คุณแม่ผ่อนคลายสดชื่นหายเมื่อยล้า แถมทำให้จิตใจเบิกบาน กระปรี้กระเปร่าช่วยให้วันหนัก ๆ ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากการตั้งครรภ์กลายเป็นวันสบาย ๆ ได้ แถมกลิ่นที่ได้รับยังมีผลดีต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก เพราะการที่คุณแม่ได้รับอากาศสดชื่น ถ่ายเท หายใจโล่งสะดวก จะช่วยบรรเทาในเรื่องอาการปวดศีรษะ วิงเวียน อาเจียน หายใจอึดอัด ซึ่งจะส่งผลทำให้จิตใจสบายขึ้น ประโยชน์จากการที่คุณแม่อารมณ์เบิกบานก็จะส่งถึงลูกในท้องแบบเต็ม ๆ







Aromatherapy ส่วนใหญ่จะมาในรูปของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งคุณแม่จำเป็นจะต้องศึกษาวิธีใช้ก่อนนะคะ เพื่อความปลอดภัย







คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลี่ยงน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นแรงเกินไป รวมถึงกลิ่นที่ออกฤทธิ์แรง เพราะจะทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน หายใจไม่ออกได้
กลิ่นที่คุณแม่ไม่ควรใช้ ได้แก่ กลิ่นเปปเปอร์มินต์ กลิ่นกุหลาบ กลิ่นไทม์ กลิ่นวินเทอร์กรีน กลิ่นมาร์โจแรม กลิ่นชินนามอน
ถึงแม้กลิ่นบำบัดจะมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แต่ก่อนการใช้ทุกครั้งคุณแม่อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยในครรภ์ด้วยนะคะ

กลิ่นบำบัดอาจจะช่วยให้อารมณ์คุณแม่ตั้งครรภ์ผ่อนคลาย แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะบางกลิ่นก็มีอันตรายต่อคุณแม่และลูกในครรภ์
กลิ่นโหระพา : ห้ามใช้ในขณะตั้งครรภ์ และช่วงให้นมลูก เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองผิวหนัง
กลิ่นคาโมไมล์ : ปกติกลิ่นนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนจึงมีฤทธิ์ต่อระบบภายใน จึงห้ามใช้ในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
กลิ่นโรสแมรี่ : มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรใช้ในช่วงกำลังตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.18 No.213 กรกฎาคม 2556