4 เรื่องฝากครรภ์ ที่แม่ท้องต้องรู้

ตั้งครรภ์



4 เรื่องฝากครรภ์ ที่แม่ท้องต้องรู้ (Mother&Care)


          เมื่อคุณแม่รู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว สิ่งแรกที่คุณแม่จะต้องทำก็คือ การไปพบคุณหมอและฝากครรภ์ ซึ่งควรจะรีบไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้อยู่ในความดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิดค่ะ
 
1. ฝากครรภ์...เรื่องสำคัญของแม่ท้อง

          การฝากครรภ์ไม่ควรเกิน 3 เดือนนับจากมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งการฝากครรภ์จะทำให้คุณแม่ได้พบคุณหมอเพื่อรับการตรวจร่างกายสม่ำเสมอ และคุณหมอยังสามารถตรวจสอบและรักษาได้ทันหากเกิดความผิดปกติในครรภ์หรือมีโรคแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน เป็นต้น

          การทราบล่วงหน้าว่าแม่หรือทารกมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจะทำให้คุณหมอสามารถแก้ปัญหาและดูแลได้อย่างเหมาะสม เช่น ดูแลครรภ์อย่างใกล้ชิด กำหนดวิธีคลอด และระยะเวลาที่จะคลอด รวมถึงการดูแลหลังคลอด ซึ่งคุณหมอจะให้คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้คุณแม่ดูแลสุขภาพของตนเองและลูกในท้องให้แข็งแรงตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์
 
2. ฝากครรภ์...ตรวจอะไรบ้าง?

          ในการตรวจครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะถามข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับคุณแม่ ครอบครัว โรคประจำตัว โรคที่เคยเป็น มาก่อน การแพ้ยา ประวัติการแท้ง หรือการตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้ จากนั้นคุณหมอจะตรวจร่างกายและตรวจครรภ์เพื่อตรวจว่ามีโรคที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ การตรวจร่างกายโดยละเอียดจะทำให้คุณหมอได้ทราบถึงสุขภาพของแม่ท้อง ซึ่งข้อมูลการตรวจทั้งหมดจะถูกเก็บไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการตรวจครั้งต่อไป
 
          นอกจากนี้ ยังมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการบางอย่างที่จำเป็นสำหรับการตรวจครรภ์ เช่น การตรวจปัสสาวะเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ ตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ และตรวจไข่ขาวในปัสสาวะเพื่อหาความ ผิดปกติของไตหรือภาวะครรภ์เป็นพิษ การตรวจความเข้มข้นของเลือด เพื่อตรวจว่ามีภาวะโลหิตจางหรือไม่ การอัลตราซาวด์เพื่อดูอายุครรภ์ที่แน่นอน การเต้นของหัวใจ และดูความผิดปกติของทารก รวมถึงการตรวจหาโรคอื่น ๆ ที่อาจถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูก

          หลังจากตรวจครรภ์ครั้งแรกแล้ว คุณหมอจะนัดตรวจครรภ์อีกเป็นระยะ เพื่อดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หรืออาการแทรกซ้อนต่า งๆ ในคุณแม่ ซึ่งในช่วงการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 12 - 28 คุณหมอจะนัดตรวจครรภ์ทุก 4 สัปดาห์ หรือเดือนละครั้ง หลังจากนั้นในระหว่างสัปดาห์ที่ 28 - 36 ของการตั้งครรภ์ จะนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์ และในช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จะนัดตรวจสัปดาห์ละครั้ง จนถึงกำหนดคลอด ทั้งนี้ตารางการพบคุณหมอ อาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอที่ดูแล ซึ่งแม่ท้องแต่ละคนอาจมีการนัดหมาย ที่แตกต่างกัน ถ้าการตั้งครรภ์ผิดปกติ เช่น มีโรคแทรกซ้อน อาจนัดตรวจบ่อยกว่าที่กำหนด

          หากคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำหรือรับการรักษา
 

3. ฝากครรภ์...เลือกหมออย่างไรดี?

          การเลือกสถานที่ฝากครรภ์ไม่ใช่เรื่องยาก คุณแม่ควรเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัย เมื่อคุณแม่ไปฝากครรภ์ครั้งแรกแล้ว ควรพิจารณาและสอบถามคุณหมอ ดังนี้

        ความสะดวกในการเดินทางของสถานพยาบาลที่คุณแม่ไปพบคุณหมอ

        ตารางวันและเวลาของโรงพยาบาลหรือคลินิกที่คุณหมอออกตรวจในแต่ละวัน

        ในการตรวจจำเป็นต้องนัดล่วงหน้าทุกครั้งหรือไม่

        หากคุณหมอไม่ออกตรวจ หรือเกิดกรณีฉุกเฉิน สามารถพบคุณหมอได้ที่ไหน หรือจะฝากให้คุณหมอท่านไหนดูแลแทน

        เมื่อคุณแม่มีข้อสงสัย ทุกคำถามได้รับคำตอบจากคุณหมอหรือไม่

        การไปตรวจครั้งนี้เป็นไปอย่างละเอียดและได้รับการเอาใจใส่หรือไม่

        ควรถามคุณหมอว่ามีความชำนาญด้านใดเป็นพิเศษ เช่น สูติ-นรีเวช หรือการตั้งครรภ์

        อัธยาศัยของคุณหมอดีหรือไม่

          คุณแม่ควรเปิดใจรับหลักการและวิธีการตรวจและรักษาของคุณหมอที่ไปหา แต่หากไม่ถูกใจที่ไปฝากครรภ์ครั้งแรกก็อย่าลังเลใจที่จะเปลี่ยนคุณหมอคนใหม่ เพราะคุณหมอจะต้องดูแลคุณแม่ไปจนถึงการคลอดและช่วงหลังคลอด

4. ฝากครรภ์...แม่กับหมอต้องเข้าใจกัน

          ในการฝากครรภ์ คุณหมอแต่ละท่านมีความชำนาญและประสบการณ์หรือวิธีการที่ต่างกัน และคุณแม่แต่ละคนก็มีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้น คุณแม่ควรพยายามสื่อสารให้ดีที่สุดและพูดคุยกับคุณหมอบ่อย ๆ เพื่อที่คุณแม่และลูกจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดตลอดการตั้งครรภ์

          การปรับความคิดเห็นของคุณแม่กับคุณหมอเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีการพูดคุย ขอความคิดเห็น และซักถามข้อสงสัยทุกครั้งที่พบคุณหมอ จะช่วยให้คุณแม่และคุณหมอเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น
 
          จดบันทึกข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติทุกครั้งเพื่อปรึกษาคุณหมอ และจดบันทึกคำแนะนำในการพบกันแต่ละครั้ง
 
          อย่าลังเลที่จะถามข้อสงสัย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย หากปล่อยให้เกิดข้อสงสัยในใจโดยไม่ซักถาม หรือหาข้อมูลที่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างคุณแม่และคุณหมอที่ดูแล

          หากสงสัยว่าคุณหมอทำอะไรผิดพลาด ต้องอย่านิ่งเฉย ควรซักถามเพื่อจะได้ตรวจสอบอีกครั้ง การโต้แย้งควรทำในลักษณะนุ่มนวลและจริงใจ ซึ่งเป็นการแสดงความสนใจและมีส่วนร่วมในการรักษาด้วย




                        



ขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
4 เรื่องฝากครรภ์ ที่แม่ท้องต้องรู้ อัปเดตล่าสุด 12 ตุลาคม 2555 เวลา 15:48:48 79,841 อ่าน
TOP
x close