3 สารเคมี ที่แม่ท้องต้องระวัง (Mother & Care)
ในการใช้ชีวิตประจําวัน คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสารเคมีที่มากับเครื่องอุปโภค บริโภค และ มลภาวะต่าง ๆ รอบตัว จึงจำเป็นจะต้องป้องกันตัวเองให้ห่างจากสารเคมีที่อันตราย โดยเฉพาะในช่วงที่ตั้งท้องด้วยแล้ว สารเคมี ที่คุณแม่ได้รับจะส่งผลไปสู่ลูกน้อยด้วย ดังนั้น คุณแม่จึงต้องหลีกเลี่ยง และป้องกันตัวเองจากสารเคมีเหล่านั้น เพื่อสุขภาพของตัวคุณแม่และลูกน้อยในท้องค่ะ
สารตะกั่ว
มักพบในสีทาบ้าน หรืออาจปนเปื้อนมาในอาหาร อากาศ และน้ำ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม
หากแม่ท้องสูดอากาศที่มีสารตะกั่วเข้าไป จะเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ เพราะสารตะกั่วจะสะสมอยู่ในกระดูกและเม็ดเลือดได้นาน สามารถซึมผ่านรกไปสู่ทารกในท้องได้ โดยระดับตะกั่วในสายสะดือจะมีค่าเท่ากับระดับตะกั่วในเลือดของแม่ ซึ่งพิษของสารตะกั่วจะทําลายสมองและระบบประสาท ตับ ไต หัวใจ ทางเดินอาหาร ทําให้ทารกแรกเกิดมีอาการพิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก หรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ สารตะกั่วยังไปทําลายอวัยวะต่าง ๆ หรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะบางส่วนของทารกด้วย
นอกจากทารกในท้องจะสามารถรับสารตะกั่วจากแม่ได้ทางสายสะดือแล้ว เด็กอาจได้รับสารตะกั่ว จากการหยิบสิ่งที่มีสารตะกั่วปนเปื้อนเข้าปาก หรือรับจากน้ำนมแม่ที่มีสารตะกั่วได้เช่นกัน คุณแม่ท้องจึงต้องระมัดระวังไม่ไปในสถานที่หรือกินอาหารในที่ที่ใกล้กับแหล่งที่มีควันพิษจากรถยนต์ หรือโรงงานอุตสาหกรรม และควรพกผ้าปิดจมูกติดตัวไว้เพื่อป้องกันมลพิษเสมอ
สารปรอท
พบปนเปื้อนอยู่ในอากาศ น้ำ และดินจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การเผาขยะ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตามบ้านเรือน ปนเปื้อนในเครื่องสําอาง และอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลจะพบมากในสัตว์ทะเลตัวใหญ่
สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรงจากการหายใจ การสัมผัสทางผิวหนัง การกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนสารปรอท นอกจากนี้ สารปรอทที่อยู่ในรูปของเหลวยังสามารถระเหยเป็นไอได้ ซึ่งอยู่ในปรอทวัดไข้ ในกรณีทีเทอร์โมมิเตอร์แตกและหายใจเอาไอปรอทเข้าไป สารปรอทจะดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดทันที แล้วกระจายไปยังสมองและส่วนอื่นของร่างกายอย่างรวดเร็ว ปรอทจะจับยึดเม็ดเลือดแดงแล้วกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ไปทําลายเนื้อเยื่อสมองส่วนควบคุมการมองเห็นและความรู้สึก สารปรอทยังสามารถผ่านทางรกไปยังทารกในท้องได้ด้วย
คุณแม่ท้องสามารถหลีกเลี่ยงสารปรอทได้ ด้วยการไม่เข้าใกล้สถานที่ที่มีการเผาไหม้ของขยะหรือเชื้อเพลิงต่าง ๆ เลือกใช้เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมหรือผลิตจากธรรมชาติ แทนการใช้เครื่องสําอางที่เป็นสารเคมี, ล้างอาหารทะเลให้สะอาดทุกครั้งก่อนนํามาปรุงอาหาร และไม่กินอาหารทะเลที่ปรุงไม่สุก
สารหนู
มักพบปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ น้ำดื่ม อาหารทะเล เครื่องสําอาง ยาแผนโบราณ และยากําจัดศัตรูพืช หากร่างกายได้รับสารหนูทางการหายใจ หรือจากการกินอาหารที่ปนเปื้อน เมื่อสารหนูเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือด ก่อนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และจะถูกขับออกทางปัสสาวะ อุจจาระ แต่บางส่วนจะสะสมอยู่ในเลือด เล็บ และเส้นผม
ทารกที่ได้รับสารหนู ที่ปนเปื้อนในน้ำนมแม่ จะทําให้มีระดับสารหนูในเลือดสูง เกิดภาวะโลหิตจาง มีจํานวนเม็ดเลือดขาวน้อยลง และการเต้นของหัวใจผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีอาการผิวหนังลอกและโปรตีนขับออกมาในปัสสาวะด้วย ซึ่งคุณแม่ท้อง สามารถป้องกันได้โดยล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนนําไปปรุงอาหาร
ขอบคุณข้อมูลจาก