ป่วยไข้ยามตั้งครรภ์ (modernmom)
โดย: น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คนเราทุกคนก็อยากอยู่สุขสบายกันทั้งนั้นแหละครับ แต่คนก็คือคน ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันเป็นเรื่องธรรมดา จะไม่ป่วยไม่ไข้กันเลยในชีวิตนี้ หมออย่างผมคงต้องตกงานกันหมดแน่
บางทีความเจ็บป่วยนั้นก็มาของมันเอง ตอนไม่ตั้งครรภ์ก็เจ็บป่วยเป็นหวัด เป็นโน่นนี่ปีนึงตั้งหลายหน ตั้งครรภ์นานตั้ง 9 เดือนก็มีโอกาสเจ็บป่วยมากทีเดียวแต่โชคดีที่ความเจ็บป่วยพื้น ๆ ที่เกิดขึ้นโดยมากก็ไม่มีผลใด ๆ ต่อลูกในครรภ์...โล่งอกไป
หาหมอไว้ก่อน..แม่สอนไว้
หลักง่าย ๆ เมื่อเจ็บป่วยก็คือ ควรไปหาหมอเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง อาจไปพบสูติแพทย์ที่ฝากครรภ์ไว้ หรือหากไปพบหมออื่นก็ต้องบอกให้ทราบด้วยทุกครั้งว่าตั้งครรภ์อยู่ เพราะคุณหมอจะได้สั่งยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ โดยมากคุณหมอจะให้กินยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อผลกระทบต่อลูกในครรภ์น้อยที่สุด...คนไข้บางคนก็ไม่เข้าใจนะครับ เห็นหมอสั่งยาให้กินแค่สองอย่าง หาว่าหมอขี้เหนียวบ้างล่ะ เลี้ยงไข้บ้างล่ะ คนไข้บางคนชอบยาเยอะ ๆ ดูแล้วมันขลังดี แค่กินยาก็อิ่มแล้ว ยาน้อย ๆ กินแล้วไม่สบายใจ...กลัวไม่หายว่างั้นเถอะ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ห้ามซื้อยากินเองเด็ดขาด เพราะยาบางอย่างอาจมีอันตรายร้ายแรงต่อลูกในครรภ์ได้
ถามหมอให้แน่ใจ
เวลาไปหาหมออยากให้คุณแม่ถามคุณหมอให้แน่ใจเสมอนะครับ ที่ต้องถามก็คือ "เป็นอะไร..มีผลต่อลูกในครรภ์หรือเปล่า..ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร..จะมีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือเปล่า..แล้วประมาณอีกกี่วันหาย" ที่ต้องบอกให้ถาม เพราะหมอบางคนก็ช่างพูดเสียจริง ส่วนบางคนก็ไม่ค่อยพูด (ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนเรียนเก่งบางคนนะครับ) คนไข้ไปหาหมอกลับมา..ถามว่าเป็นอะไรยังไม่รู้เลย เลยไม่รู้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มีผลต่อลูกหรือเปล่า เสร็จแล้วก็มานั่งกังวล ยาก็ไม่ได้กินสักเม็ด ไม่รู้ไปหาหมอทำไมเสียตังค์เปล่า ๆ
คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย ก็มักจะมาจากโรคหวัด หรือไม่ก็ท้องเสียเป็นหลัก ทั้งสองโรคนี้พอสังเกตอาการดูแลตัวเองได้ครับ ส่วนโรคอื่นๆนอกเหนือจากนี้อย่าได้วินิจฉัยเอาเอง มาพบหมอเพื่อความปลอดภัย
หวัดมาเยือน
บ้านเราอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันแดดก็ร้อนเปรี้ยง เดี๋ยวก็ฝนตก คนจึงก็เป็นหวัดกันง่าย ๆ เป็นทีก็เป็นกันทั้งบ้าน คุณแม่ตั้งครรภ์ แม้จะระวังเต็มที่ก็ไม่รอด ติดหวัดเข้าจนได้
ไข้หวัดเป็นโรคที่สูติ-นรีแพทย์ต้องตรวจรักษา ให้คำแนะนำกันมากที่สุดจนหมอเองยังพลอยติดหวัดตามไปด้วย อย่างผมก็โดนว่าอยู่เรื่อย ๆ เป็นหมอได้ยังไงตัวเองไม่สบายอยู่เรื่อย...หมอก็เป็นคนเหมือนกันนี่ครับ ก็ต้องป่วยบ้างเป็นธรรมดา สงสัยเขาคงนึกว่าเป็นหมอแล้วเชื้อโรคกลัว ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้มั้ง
หวัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายมาก เพราะสามารถติดต่อได้ทางการหายใจ หากมีใครสักคนเป็นหวัดอยู่ ทั้งไอ ทั้งจาม ปล่อยละอองน้ำลายที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคกระจายเต็มไปหมด แล้วเราเดินเข้ามาในบริเวณนั้นพอดีเลยหายใจเอาอากาศที่เต็มไปด้วยเจ้าเชื้อโรคตัวนี้เข้าไป เชื้อเหล่านี้เมื่อล่องลอยผ่านโพรงจมูกเข้าไป ก็จะไปติดตรงบริเวณคอของเรา ซึ่งมีอาหารให้เชื้อโรคอย่างสมบูรณ์ เชื้อโรคจึงแพร่พันธุ์จนเต็มไปหมด ทำให้เกิดการอักเสบ มีไข้ ตัวร้อน เจ็บคอ พอคอมีการระคายเคืองก็จะสร้างมูกออกมาเป็นเสมหะ มีน้ำมูกไหล คัดจมูกหายใจไม่ออก
ไข้หวัดเกือบครึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรงอะไร สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องทานยาประเภทยาแก้อักเสบ หากมีอาการแค่คัดจมูก น้ำมูกไหลใส ๆ มีไข้ตัวร้อนไม่มาก ไม่เจ็บคอมาก ไม่มีเสมหะเขียว ๆ แค่กินยาพาราเซตามอล กินน้ำอุ่นเยอะ ๆ รักษาร่างกายให้อบอุ่น พักผ่อนเยอะ ๆ อาการก็มักจะดีขึ้นเองใน 2-3 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น เจ็บคอมากขึ้น มีอาการไอ เสมหะข้นเหนียว อย่างนี้ควรไปหาคุณหมอได้แล้วครับ ไข้หวัดนั้นตัวมันเองเป็นแค่การอักเสบของทางเดินหายใจส่วนต้นเท่านั้น กินพื้นที่แค่ 1-2 นิ้ว เหนือกล่องเสียงของเราเท่านั้น หากการอักเสบลุกลามไปถึงกล่องเสียง ก็จะทำให้เสียงแหบ การอักเสบเฉพาะที่แค่นี้ห่างไกลจากลูกในท้องของเราเยอะ..ที่ต้องระวังก็เรื่องยาที่กินนี่แหละครับ
ยาแก้อักเสบ หากใช้ยากลุ่มเพนนิซิลลิน เช่น แอมพิซิลลิน อม็อกซีซิลลิน ก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่มีประวัติแพ้ยาเหล่านี้มาก่อน
ยาแก้ไอ ก็เป็นยาที่ต้องเลือกใช้ให้ดี เพราะยาบางอย่างอาจมีสารกดการไอที่มีฤทธิ์เป็นยาเสพติดได้ บางอย่างก็มีแอมโมเนีย แอลกอฮอล์ ซึ่งก็ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างที่ตั้งครรภ์
สรุปก็คือ ต้องคุยกับคุณหมอจนมั่นใจเสมอว่ายาที่ใช้รักษาจะปลอดภัยต่อลูกในครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง
นอกจากกินยาตามที่คุณหมอให้มาแล้วก็ควรดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ จะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็ว เพราะน้ำอุ่น ๆ นี่แหละครับเป็นยาแก้ไอและช่วยขับเสมหะที่ดีที่สุด เพราะเสมหะมีคุณสมบัติคล้าย ๆ วุ้น ซึ่งเมื่อถูกความร้อนจะเหลวใส แต่ถ้าถูกความเย็นก็จะเหนียวข้น ดังนั้นยิ่งกินน้ำเย็น เสมหะก็จะยิ่งเหนียวติดแน่นคันในคอจะยิ่งไอมากขึ้นอีกต่างหาก
และก็ควรอยู่ในที่ที่อากาศไม่เย็น ร้อน ๆ นี่แหละดี ยิ่งร้อนจนเหงื่อแตกยิ่งหายเร็ว ยิ่งหนาวยิ่งกลับทำให้ไข้ขึ้น ถ้าต้องทำงานในห้องแอร์ต้องใส่เสื้อหนา ๆ เข้าไว้
ไข้หวัดมักจะดีขึ้นใน 3 วันหลังจากเริ่มกินยา อย่าไปคาดหวังนะครับว่า กินยาปั๊บ ต้องหายปุ๊บ กินยาวันแรกก็ยังเฉย ๆ วันที่ 2 ก็ดีขึ้นหน่อยนึง แต่วันที่ 3 นี่แหละที่เริ่มจะหาย เป็นอย่างนี้ทุกคนแหละครับ แต่คนเรามักคาดหวังเอาไว้สูง คราวนี้ไปหาหมอค่ายาแพงต้องหายเร็ว กินยาไป 2 วันยังไม่หาย ก็เริ่มหมดความอดทนแล้วล่ะครับ วันที่ 3 ก็เลยเปลี่ยนหมอ กินยาทีเดียวก็หาย ที่จริงมันก็จะหายอยู่แล้วล่ะครับ ตามวงจรของโรค...หมอคนหลังเลยสบายไป
ท้องเสีย..จู๊ด..จู๊ด
อีกโรคที่เจอบ่อยคือโรคท้องเสีย คนไทยเราสะดวกซื้อ สะดวกกิน ไม่มีมาตรฐานด้านความสะอาดเท่าไหร่หรอกครับ เลยเป็นโรคท้องเสียกันบ่อย ๆ แต่ที่จริงก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะทำให้คนไทยเรามีภูมิต้านทานโรคเยอะกว่าชาติอื่น ๆ พวกฝรั่งมาเมืองไทยนี่กินได้เฉพาะน้ำขวดบรรจุเสร็จเท่านั้นแหละ ให้มากินน้ำลำใย น้ำเขียว น้ำแดงข้างทางรับรองจู๊ด ๆ ทุกราย
คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดท้องเสีย ก็ใช่ว่าต้องกินยาทุกรายไป หากไม่มีไข้ตัวร้อน ไม่ปวดท้องรุนแรงมาก ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลือง ๆ ไม่มีมูก ไม่มีเลือดปน รอดูอาการไปก่อน หากถ่ายน้อยลง ๆ แล้วหาย ก็ไม่ต้องทานยาอะไร แต่ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป แต่หากมีอาการปวดท้องมากขึ้น ถ่ายเป็นมูกปนเลือด มีไข้ มีอาการอ่อนเพลีย เสียน้ำมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ อย่ารอช้า
ท้องเสียไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรงต่อลูกในครรภ์หรอกครับ เชื้อโรคทั้งหลายอยู่เฉพาะในลำไส้เท่านั้น จะมีผลแค่ทำให้ลูกดิ้นมากผิดปกติเท่านั้นเอง ก็มดลูกถูกรายล้อมรอบด้วยลำไส้นี่ครับ ตอนท้องเสีย ลำไส้จะบีบตัวเสียงดังโครกครากลูกซึ่งอยู่ในมดลูก คงรู้สึกเหมือนมีฟ้าร้องโครกครากอยู่รอบตัวไปหมด ไม่เป็นอันหลับอันนอนเท่านั้นเอง
หลักนี้....จำให้มั่น
เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ถือหลักง่าย ๆ ว่า โรคที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ไม่มีผลต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น เป็นหวัดก็แค่อักเสบที่คอนิดเดียว เป็นฝีที่นิ้วก็เป็นแค่บริเวณนั้นที่เดียว ไม่มีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ต้องระวังก็เรื่องการใช้ยา
โรคที่มีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ก็มีมากมาย แต่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลายอย่าง เป็นโรคทั้งตัว ไม่ได้เป็นแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคพวกนี้ต้องมีการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกเกิดรอดปลอดภัย และแม่มีสุขภาพที่ดีสามารถควบคุมโรคได้
อย่างไรก็ดี โรคต่าง ๆ ก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป เป็นมากเป็นน้อยแตกต่างกันไป ทางที่ดีควรสอบถามจากคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้เป็นดีที่สุด หากมีอาการมาก ก็รีบไปพบแพทย์เสีย อย่าได้นิ่งนอนใจ
ที่สำคัญอย่าได้ซื้อยากินเองเด็ดขาด...เดี๋ยวจะกลายเป็น "โรครู้เท่าไม่ถึงการณ์"..โรคฮิตของคนไทย
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก