ครอบครัวรัก “ดนตรี” ลีโอ พุฒ (modernmom)
เรื่อง : บุญธิดา / ภาพ : เอกรัตน์ ศรีพานิชย์
ลีโอ พุฒ ศิลปินหนุ่มที่แม่ยุคใหม่รู้จักกันดีนั้น ปัจจุบันเขารับบทบาทใหม่เป็นคุณพ่อของน้องคีต (คี-ตะ) ซึ่งคุณพ่อยังหนุ่มคนนี้ ก็ทำหน้าที่พ่อได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญยังได้ใช้ดนตรีที่เขารักเข้ามาผสมผสานในการเลี้ยงลูก รวมถึงสร้างความสุขในครอบครัวได้อย่างลงตัว
คุณพุฒ และภรรยา คุณเบส จันทร์พิมพ์ ราชวังเมือง ทั้งสองคนชื่นชอบดนตรีเหมือนกัน คุณพุฒนั้นเราทราบกันดีว่าเป็นทั้งนักแสดง นักร้อง และนักดนตรี รวมถึงเป็นดีเจ ส่วนคุณเบสนั้นก็เคยเป็นนักร้องออกอัลบั้ม ชื่อ เอริน-เบส ดังนั้นเมื่อมีลูกน้อยพวกเขาจึงตั้งชื่อหนูน้อยว่า คีต (คี-ตะ) ซึ่งแปลว่า ดนตรี
ครอบครัวดนตรี
เสียงเพลงเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ คุณเบสเล่าว่าตั้งแต่ตอนตั้งท้องเธอฟังเพลงได้อย่างไม่เบื่อเลย
ตอนท้องเบสจะชอบฟังเพลงมาก หาเพลงดี ๆ มาฟัง เพราะฟังแล้วผ่อนคลายสบายใจ ส่วนพี่พุฒ เขาไม่ได้ตั้งใจมาร้องเพลงหรือเล่นดนตรีให้ฟังนะคะ แต่เขาจะซ้อมเพลงเป็นปกติอยู่แล้ว ช่วงท้องเป็นช่วงที่ฟังเพลงเยอะ เปิดยูทูปหาเพลงมาฟัง หรือหาเพลงมาเปิดซีดีฟังไปเรื่อย ๆ
ด้านคุณพุฒนั้นก็เห่อลูกไม่น้อยกว่าใคร เมื่อน้องคีตเกิดมา เขาได้แต่งเพลงเตรียมไว้รับขวัญลูก ชื่อเพลง "ฝน" ที่เขาบอกว่า เนื้อหาของเพลงเปรียบลูกเป็นเสมือนฝน ที่นำความชุ่มชื้นและชีวิตชีวามาสู่ชีวิตที่เคยแห้งแล้ง เหมือนดินแตก ๆ ของเขา และเขาใช้เพลง "ฝน" ร้องกล่อมลูกในช่วงที่ลูกน้อยยังอยู่ในวัยแบเบาะอีกด้วย
ตอนเขาเล็ก ๆ ผมก็ใช้เพลง "ฝน" ที่แต่งให้เขาร้องกล่อมเขา แล้วก็มีเพลงอื่น ๆ ที่ใช้กล่อมสลับกันไป เช่น เพลง "ถ้าหากมีวันนั้น" แล้วก็เพลง "จันทร์ดวงเก่า" ของชีพชนก ศรียามาตย์ ส่วนคุณเบสก็จะร้องเพลงของพี่อัยย์ พรรณี ชื่อเพลง "หลับฝันดี" แล้วก็เพลง "ขอจันทร์" ของอาตุ๊ก วิยะดา ในช่วงแรกที่มีสมาชิกตัวน้อยในบ้าน คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ตั้งใจกับการเลี้ยงลูกมาก พวกเขาทุ่มเทเวลาทั้ง 24 ชั่วโมงให้แก่ลูก ตอนนี้น้องคีต วัย 1 ปี 8 เดือน เริ่มรู้ความและกำลังน่ารักซุกซน คุณพ่อเริ่มมีเวลามากขึ้น คุณพุฒเริ่มกลับมาเล่นกีตาร์จริงจังเหมือนเมื่อครั้งเป็นหนุ่มโสด และยังซื้อกีตาร์อูคูเลเล่ ซึ่งเป็นกีตาร์ตัวเล็ก ๆ มาให้น้องคีตด้วย
คุณพ่อของเบสก็เป็นนักดนตรีเหมือนกัน เวลาคุณพ่อของเบสมาซ้อมดนตรีกับพี่พุฒ คีตเขาก็จะเข้าไปดู แล้วตอนนี้เขามีกีตาร์อูคูเลเล่ คุณพ่อเขาซื้อมาให้ เวลาเห็นคนเล่นกีตาร์ในทีวีหรือในยูทูป เขาก็จะไปหยิบอูคูเลเล่ของเขามาดีดเล่นอย่างเมามัน เล่นไม่เป็นเพลงนะคะ แต่สนุกของเขามาก
จัดสรรเวลา เพื่อเวลาทองของลูก
ทั้งสองคนเลี้ยงลูกเองโดยไม่มีพี่เลี้ยง และให้เวลากับลูก 24 ชั่วโมง เพราะทั้งคู่มีความเห็นตรงกันว่านี่คือ ช่วงเวลาทองที่ลูกน้อยต้องการพ่อแม่มากที่สุด
เราโชคดีที่ทำงานที่ไม่ต้องเข้างานเป็นเวลาจึงดูแลลูกเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง คุณแม่เขาจะดูแลเป็นหลัก ส่วนผมตื่นเช้ามาจะออกกำลังกาย ร่างกายแข็งแรงถือเป็นงานของผม เพราะผมทำงานที่ต้องใช้เสียง ใช้ร่างกายที่ดี ส่วนแม่เขาก็จะเอาลูกมาอาบน้ำ ป้อนนม ป้อนข้าว ถ้าแม่เขาติดอะไร ผมก็จะไปช่วยทำแทนให้ได้ทุกอย่าง ชงนม ป้อนนม อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วพอตอนเย็นแม่เขาออกไปทำงาน ไปดูร้านเสื้อผ้าที่เขาทำร่วมกับเพื่อนผมก็จะดูแลลูกแทน หรือวันไหนผมออกไปทำงาน แม่เขาก็จะดูแล
ด้านคุณเบส เธอบอกว่า นี่คือช่วงเวลาทองที่เธอและคุณพุฒไม่อยากพลาดไป
เบสรู้ว่าจะมีแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่เขาติดพ่อแม่มาก เขาต้องการพ่อแม่มากที่สุด ร้องหาพ่อแม่ตลอดเวลา ถ้าเลยช่วงนี้ไป เขาก็จะไปเล่นกับเพื่อน จะไม่มาร้องหาพ่อแม่อย่างนี้อีกแล้ว เลยอยากให้ช่วงนี้เป็นเวลาของลูกจริง ๆ ซึ่งโชคดีที่งานเอื้อให้ทำได้ อย่างร้านเสื้อผ้าที่เบสทำกับเพื่อน เพื่อนก็จะเข้าใจว่า เข้าไปดูร้านตลอดเหมือนเดิมไม่ได้ อาจจะไปได้แค่ช่วงเย็น ๆ แต่ก็มีบางวันที่พาคีตไปที่ร้านด้วย เพื่อน ๆ ก็จะชอบมาก แต่เขาก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะคีตเขาจะวิ่งเล่นตลอด
ให้ความสำคัญด้านจิตใจมากกว่าวัตถุ
เมื่อมีลูกน้อยชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน โดยเฉพาะมุมมองต่อชีวิตและสังคม คุณพุฒบอกว่า นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต เขาเริ่มคิดว่า จะเลี้ยงลูกให้อยู่ในสังคมปัจจุบันอย่างมีความสุขได้อย่างไร
ให้ความสำคัญด้านจิตใจ อยากให้เขาเป็นคนดี จิตใจดี วัตถุไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สังคมเดี๋ยวนี้คนหลายคนมองเรื่องเงินทองวัตถุสำคัญ แต่เราคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ตัว เรื่องการเรียนเก่งหรือไม่เก่งก็เหมือนกัน เราคงไม่บังคับว่าลูกต้องเรียนเก่งที่สุด คงปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบและมีความสุข
นอกจากนี้สิ่งที่คุณพุฒหวังไว้คือ อยากให้ลูกน้อยเติบโตเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนโยน
มีอยู่วันหนึ่งอยู่ดี ๆ เขาก็โยนของใส่เรา เขาไม่ได้โกรธอะไรนะครับ เหมือนขว้างของใส่เราเล่น ๆ ผมก็กังวลมากเลย เอ๊ะลูกเราจะรุนแรงหรือเปล่า ไม่อยากให้เขาเป็นคนที่ใช้ความรุนแรง ก็โทรปรึกษาเพื่อน ปรึกษาพี่เจ เจตริน ปรึกษาหลายคนมาก ทุกคนก็ให้คำแนะนำต่าง ๆ กันไป ซึ่งเรื่องนี้ผมให้ความสำคัญมาก
ได้ฟังมุมมองความคิดของคุณพ่อคุณแม่ไปแล้ว เมื่อเรามองไปที่หนูน้อยคีต แม้จะซุกซนบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย แต่ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ดวงตาอ่อนโยนฉายแวว ขี้เล่นของหนูน้อย เด็กน้อยคนนี้คงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจงดงาม สมดังที่คุณพ่อและคุณแม่ วางรากฐานชีวิตไว้ให้ด้วยความรักและเสียงดนตรี
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.16 No.188 มิถุนายน 2554