3 ทางเลือก เรื่องยาบำรุงครรภ์



3 ทางเลือก เรื่องยาบำรุงครรภ์
(Mother & Care)
Highlight mother แม่ออมจัง

           นอกจากสารอาหารจำเป็นต่าง ๆ ที่เน้นให้แม่ตั้งครรภ์กินครบ 5 หมู่ กินแบบพอดีเป็นหลักแล้ว ยาบำรุงครรภ์ ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลครรภ์ที่ถูกนำมาใช้ ทั้งนี้ยาบำรุงครรภ์สำหรับแม่ตั้งครรภ์นั้น มีรูปแบบวิธีการใช้สรรพคุณในการบำรุงที่แตกต่างกัน

           ฉะนั้น เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณแม่ได้ศึกษาเข้าใจถึงรูปแบบ และวิธีการใช้ มาดูข้อมูลเรื่องยาบำรุงครรภ์ในแต่ละชนิดต่อไปนี้ค่ะ

ยาจีน

           เป็นวิธีการบำรุงครรภ์ ที่ชาวจีนนิยมให้คุณแม่ตั้งครรภ์กินยาบำรุงตามความเชื่อที่ว่า ตัวยาดังกล่าวมีสรรพคุณเสมือนเป็นตัวช่วยให้ร่างกายคุณแม่ ปรับสมดุลได้ดี สุขภาพแข็งแรงขึ้น พร้อมรับมืออีกชีวิตหนึ่งอยู่ในร่างกาย รวมถึงเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงดูลูก เมื่อหลังคลอด มีชื่อเรียกว่า "จับซาไท้เป้า" (แปลเป็นไทยได้ว่า 13 องครักษ์) ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรจีน 13 ชนิดที่ใช้ร่วมกัน นำมาต้มแล้วกรองดื่ม เพื่อบำรุงให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี มีพลัง แก้อาการปวดข้อ ปวดเอว ขับพิษเลือดลม

           ปัจจุบันมีรูปแบบที่ทำให้กินได้ง่ายในแบบยาลูกกลอน กระทั่งเป็นเม็ดแคปซูลก็มีค่ะ โดยส่วนมากแล้วยาในกลุ่มเหล่านี้มักมาจากสมุนไพรจีน เช่น โสม เป็นต้น และมักจะให้แม่กินในช่วงหลังอายุครรภ์ 5 เดือนครึ่งขึ้นไป เพราะคุณสมบัติของยาจีนมีทั้งข้อดีและข้อด้อย มีผลต่อเด็กโดยตรง เพราะในตำราแพทย์แผนจีน มีการบันทึกเหมือนแพทย์แผนปัจจุบันว่า ยากลุ่มใดมีผลต่อแม่ ยากลุ่มไหนมีผลต่อลูก แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ

            กลุ่มที่ 1 ยาที่มีผลต่อแม่โดยตรง

            กลุ่มที่ 2 ยาที่มีผลต่อลูกในครรภ์

            กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีผลต่อการคลอด

            กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่มีผลต่อทารกแรกเกิด

           การเลือกใช้ยาบำรุงครรภ์แบบยาจีน คุณแม่ต้องมั่นใจได้ถึงข้อมูลในศาสตร์นี้ ได้ผู้เชี่ยวชาญมีความรู้เป็นผู้จ่ายยา เพราะยาจีนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มที่มีผลต่อการกระจายของเลือดที่อุดตันหรือคั่งอยู่ ซึ่งมีผลต่อระบบการไหลเวียนของเลือดในมดลูก ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กในท้องได้ อีกกลุ่มมีคุณสมบัติตรงกันข้าม ทำให้เลือดไหลช้าลงหรือไม่ต้องการให้เลือดไหล ก็ส่งผลรบกวนการไหลเวียนของเลือดในมดลูก อาจทำให้เด็กเติบโตไม่เต็มที่ และอาจเกิดภาวะแท้งได้

ยาแผนไทย

           ก็คือสมุนไพรไทยในบ้านเรานั่นเอง ปัจจุบันมีการนำสมุนไพรมาสกัด และแปรรูปเพื่อให้กินได้ง่ายขึ้นอีกด้วย สมุนไพรหลายชนิดกินแล้วดีได้ประโยชน์ในช่วงตั้งครรภ์ก็มี เพราะสรรพคุณทางยาสามารถบำรุงครรภ์ และมีประโยชน์อื่น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพในแบบธรรมชาติ และขอหยิบยกตัวอย่างง่าย ๆ มาบอกเล่าค่ะ

เกสรดอกบัวขาว

           หรือที่เรียกว่าบัวหลวงก็ได้ จะเกสรแบบแห้งหรือสด ก็สามารถชงกับน้ำร้อน รอให้อุ่นแล้วดื่มกิน เพราะตามตำราแพทย์แผนไทย เกสรดอกบัวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้อาการใจสั่น ทำให้ธาตุในร่างกายสมดุล เป็นยาบำรุงครรภ์

กล้วยน้ำว้าสุก

           เป็นผลไม้ที่ย่อยง่าย ช่วยบำรุงร่างกายได้ดีเสมือนยาระบายอ่อน ๆ ควรกินครั้งละ 2-3 ลูกก็พอ ถ้าให้ดีป้องกันอาการท้องอืด เรื่องกล้วยไม่ย่อยก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียด หรือจะเลือกมะละกอสุกก็เป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

ขิง

           ใช้วิธีต้มน้ำกินประมาณ 1 แก้ว ใช้ไฟอ่อนๆ ต้ม เวลากินอาจเติมน้ำตาลนิดหน่อยค่อย ๆ จิบ ก็ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ลดอาการแพ้ท้อง

มะขาม

           ช่วยแก้อาการแพ้ท้องได้ โดยใช้เนื้อมะขามละลายน้ำอุ่นแล้วจิบ หรือจะใช้มะขามเปียกจิ้มกับเกลือ กินพอรู้สึกดีก็หยุด หรือของเปรี้ยวที่คุณแม่ชอบ เช่น มะนาว มะดัน ฯลฯ ก็ใช้แก้อาการแพ้ท้องได้ แต่ต้องระวัง เพราะถ้ามากเกินไปจะทำให้เสาะท้องได้

           ไม่ว่าจะเลือกกิน เลือกใช้ยาบำรุงครรภ์แบบสมุนไพรแนวธรรมชาติก็ตาม ต้องมั่นใจถึงความปลอดภัยสำหรับตัวคุณแม่และลูกในครรภ์เป็นสำคัญ ไม่ควรกินสมุนไพรและยาไทยที่มีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะยาสตรีหรือยาบำรุงเลือด เช่น ว่านชักมดลูก กวาวเครือ ดอกคำฝอย แห้วหมู เพราะสมุนไพรกลุ่มนี้มีคุณสมบัติทำให้มดลูกบีบตัวมาก อาจกระทบกระเทือนต่อครรภ์ ทำให้ตกเลือด สมองหรือร่างกายของทารกไม่สมบูรณ์หรือแท้งได้

ยาแผนปัจจุบัน

           เมื่อคุณแม่ฝากครรภ์ คุณหมอจะจ่ายยาบำรุงครรภ์ เช่น ยาบำรุงเลือด แร่ธาตุหรือวิตามินเสริม เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แคลเซียมหรือยาบำรุงกระดูก โฟเลทเม็ด ทั้งนี้ การให้ยาบำรุงครรภ์ อาจขึ้นอยู่กับภาวะของคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนด้วย เช่น ตั้งครรภ์แฝด มีโรคประจำตัว ก็อาจต้องได้สารอาหารเพิ่ม

เพื่อบำรุงครรภ์

           ยาแผนปัจจุบัน เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากอะไรมาก อยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอที่ฝากครรภ์อยู่แล้ว แต่ก็ต้องระวังเรืองการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์ ฉะนั้น เพื่อให้คุณแม่รับรู้ เข้าใจได้ทั่วกัน มาดูข้อมูลกลุ่มยาประเภทต่างๆ ที่คุณควรรู้จักค่ะ

ยากลุ่ม A

           รับรองว่าปลอดภัย 100% ผ่านการวิจัยและทดลองมาแล้ว ยากลุ่มนี้ก็คือพวกวิตามิน ซึ่งกินแล้วมักไม่มีปัญหา

ยากลุ่ม B

           เป็นกลุ่มยาที่ผ่านการทดลองในสัตว์ พบว่าปลอดภัยไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ นำมาใช้ในมนุษย์เป็นระยะนานพอสมควร ยากลุ่มนี้คือยาปฏิชีวนะที่ใช้กันทั่วไป ทางการแพทย์ถือว่าปลอดภัยประเภทแอมพิซิลิน และกลุ่มยาสามัญประจำบ้าน เช่น พาราเซตามอล ยาลดไข้ต่างๆ

ยากลุ่ม C

           คือกลุ่มยาที่ผลิตออกมาและทดลองในสัตว์แล้ว พบว่าปลอดภัย แต่ไม่ 100% เต็ม เป็นกลุ่มที่ให้กินด้วยความระมัดระวัง ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะ ที่คนไข้บางกลุ่มใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม B ไม่ได้ เช่น แพ้เพนิซิลิน จึงต้องมาใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม C แทน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ภายใต้การดูแลของคุณหมอ

ยากลุ่ม D

           มีรายงานว่า ยากลุ่มนี้ทำให้เกิดความพิการหรือความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น ยารักษาวัณโรคมีโทษกับเด็กในครรภ์ ทำให้เกิดความพิการ แต่ถ้าแม่เป็นวัณโรค เป็นมาลาเรียแล้วไม่รักษา ก็อาจเสียชีวิต ฉะนั้น ยากลุ่มนี้จึงมีประโยชน์กับคุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา ต้องกินด้วยความระมัดระวัง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอว่ามีความจำเป็นเพียงใด

ยากลุ่ม X


           เป็นยาที่มีผลกระทบกับทารก ทำให้เกิดความพิการ เช่น กลุ่มยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง ยากลุ่มนี้ เป็นยาต้องห้ามในสตรีครรภ์ ดังนั้น ถ้าเป็นโรคร้ายแรงที่ต้องรักษา คุณหมอจะตรวจร่างกายว่า ตั้งครรภ์หรือไม่ก่อนเสมอ

           ดังนั้นการใช้ยาแผนปัจจุบันนั้น มีหลักการง่ายมาก นั่นก็คือ เลี่ยงการกินยาที่ไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ทารกกำลังก่อร่าง สร้างอวัยวะ ถ้ามีโรคประจำตัว จำเป็นต้องได้รับยาบางชนิดในขณะตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้คุณหมอที่ดูครรภ์รับทราบ เพื่อที่คุณหมอจะได้พิจารณาถึงผลดีผลเสียในการรับยานั้น ๆ

บทสรุปเรื่องยาบำรุงครรภ์

           การใช้ยาบำรุงครรภ์ที่บอกมานั้น มีหลักการคล้ายกันก็คือ ต้องใช้อย่างงระมัดระวังที่จะเลือกกิน เลือกใช้ ภายใต้การแนะนำของคุณหมอในศาสตร์นั้น ๆ เช่น ยาจีน ก็ควรเป็นแพทย์จีนที่สั่งยาที่ปลอดภัย ผลที่เกิดขึ้นทั้งในแง่บวกและลบ เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรกินอาหารหรือยาที่ไม่รู้จัก หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ยาก็ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอเป็นหลัก ก่อนจะรับยาใด ๆ

           เรื่องสำคัญที่ต้องจดจำก็คือ แม่ต้องดูแลเรื่องการพักผ่อน เรื่องจิตใจ เรื่องอาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะมีสุขภาพที่ดีและสมบูรณ์ได้

   


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.7 No.78 มิถุนายน 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
3 ทางเลือก เรื่องยาบำรุงครรภ์ อัปเดตล่าสุด 27 กรกฎาคม 2554 เวลา 14:14:34 7,698 อ่าน
TOP
x close