x close

เรื่องเล่าจากแม่ท้อง



เรื่องเล่าจากแม่ท้อง
(Mother & Care)
Highlight mother แม่ออมจัง

         แม่และพ่อตื่นเต้นมาก กับการมีสมาชิกใหม่ตัวน้อยในครอบครัว แต่คำถามความกังวลต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของบันทึกนี้ ในแต่ละช่วงของความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจของแม่ ระหว่างที่รอหนูออกมาลืมตาดูโลก และแม่ก็เตรียมคำตอบเรื่องลูกไว้แล้วด้วยจ้ะ เชิญ...พบความเปลี่ยนแปลง เรื่องย่อของแม่มือใหม่ได้แล้วจ้า

ทำไมปวด...จัง

         หลังฟังผลยืนยันเรื่องลูกจากคุณหมอที่บอกให้รู้ถึงความพร้อม การเป็นคุณแม่มือใหม่แล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา (เดือนแรก) ความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ คืออาการปวดปัสสาวะ แม่ต้องเช้าๆ ออกๆ ห้องน้ำเป็นว่าเล่น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะอะไร

+ คุณหมอบอกว่า...

         การปวดปัสสาวะบ่อย ๆ ที่เกิดขึ้น มีอยู่ด้วยกัน 2 เหตุผล อย่างแรกก็เพราะปริมาณน้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้น สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือด และการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายไหลเวียนได้ดีนั่นเอง ส่วนข้อ 2 คือมดลูกขยายตัว (เหมือนลูกโป่ง) กดทับอุ้งชิงกราน ทำให้เบียดพื้นที่ของกระเพาะปัสสาวะ (มีพื้นที่ความจุน้อยลงกว่าเดิม) ด้วยเหตุนี้ แม่ถึงต้องเข้าห้องน้ำบ่อยโดยปริยาย

อาหาร...แพ้ตลอด (ภาค 1)

         ปกติแล้วแม่เห็นแต่ในละคร ฟังเขาเล่ามา ว่าคนแพ้ท้องมีอาการอะไรบ้าง สำหรับแม่เองพะอืดพะอม มีน้ำลายอยู่ตลอดเวลา มาพร้อม ๆ กับอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ศีรษะ กินอะไร กินทีไร เป็นต้องออกทุกที เข้าข่ายอาการแพ้ท้องแน่เลย

+ คุณหมอบอกว่า...

         ฮอร์โมนเอสซีจี ที่สร้างขึ้นหลังจากประจำเดือนขาดไปมีปริมาณที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ร่วมกับฮอร์โมนเพศขณะที่ตั้งครรภ์ จึงมีผลต่อการคลายตัวของกล้ามเนื้อในร่างกาย เป็นตัวกระตุ้นระบบการย่อยอาหารทั้งระบบ ก็เลยเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือมีน้ำลายอยู่ในปากตลอด แต่อาการแพ้ของแม่ท้อง จะมากน้อย อยู่ระดับไหน อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย

         และความสำคัญ การดูแลรักมือกับเรื่องนี้คือ ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอเข้าไว้ ยิ่งเรื่องกิน ก็ขอให้กินน้อยหน่อย แต่กินบ่อย ๆ อย่าให้ท้องว่างเป็นดี ข้อนี้ คุณหมอฟันธงมาแล้วจ้ะ

อาหาร...แพ้ตลอด (ภาค 2)

         เฮ้อ...ช่วง 3 เดือนแรก แม่มีปัญหาเรื่องกินมากหน่อย ก็อาการแพ้ท้องเรื่องเดมิ เพราะร่างกายแม่ต่อต้านแคลเซียมจากนม ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญของแม่ท้องเลยนะ กินเข้าไปเป็นต้องออก ทำเอาแม่กังวลกับเรื่องกิน เรื่องสุขภาพของลูกอย่างมาก

+ คุณหมอบอกว่า...

         ความกังวลเรื่องนี้หายไป เพราะคำแนะนำของคุณหมอ ที่ว่าถ้ากินไม่ได้กินแล้วฝืนก็ปล่อยไป เพราะยังกินอาหารชนิดอื่นที่มีแคลเซียม ทดแทนกันได้ เช่น กินปลาหรือกุ้งตัวเล็กตัวน้อย ผักใบเขียวก็มีแคลเซียม มีคุณค่าทางโภชนาการเช่นกัน

ไม่ได้ตั้งใจดำ...

         ความเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณ เป็นส่วนที่แม่เห็นชัดมาก เพราะผิวหนังตามลำคอ ข้อพับ รักแร้ จะมีสีเข้มกว่าปกติ แม้แต่ผิวหน้าท้องก็มีเส้นดำๆ เป็นแนวทางยาว เห็นแล้วยังสงสัยว่าจะเป็นตลอดไปหรือเปล่า ต้องรีบหาคำตอบโดยเร็ว กับความสงสัยเรื่องนี้

+ คุณหมอบอกว่า...

         ไม่ต้องกังวลมากไป เพราะอาการเหล่านี้จะหายไปเอง ส่วนสาเหตุก็มาจากอิทธิพลความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นเดิม ที่ทำให้ผิวหนังส่วนต่างๆ มีสีเข้มขึ้น แต่ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร สามารถดูแลหรือปกป้องเรื่องผิวได้ เช่น ทาครีมบำรุงผิวหรือให้ดีก็หลีกเลี่ยงแสงแดดด้วย ...คำตอบออกมาแบบนี้แล้ว แม่ก็สบายใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติสร้างมาแท้  ๆ เพียงรู้ทัน ดูแล ป้องกันไว้ ก็คงไม่เสียหายแต่อย่างใด

โอมเพี้ยงตะคริว...จงหายไป

         คิดว่าต่อเนื่องจากเรื่องน้ำหนักตัว การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแน่ๆ (สมมติฐานของแม่) พอแม่นั่งนาน ๆ ทำอะไรนาน ๆ จะรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด ไล่ตั้งแต่คอยันหลัง ยิ่งอาการปวดน่อง เป็นตะคริว แม่ก็เป็นได้ง่าย เป็นได้บ่อยครั้ง

+ คุณหมอบอกว่า...

         อาการตะคริวเกิดได้จากภาวะขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัส ส่วนอีกเรื่องคือ เป็นเพราะระบบการไหลเวียนของเลือดส่วนล่างในร่างกายไม่ค่อยดี พอมีการคั่งของหลอดเลือดดำมากเกินไป จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว และวิธีคลายความเจ็บปวดก็คือเหยียดขาให้ตรงเกร็งฝ่าเท้าให้ตั้งฉาก และโน้มมาข้างหน้าให้มากที่สุด จะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้ผลนัก

เอวแม่หายไป

         เข้าช่วงเดือนที่ 5 แม่เจริญอาหารดีแท้ (กินจุ กินบ่อย กินไม่แคร์สื่อ) ตั้งแต่อาการแพ้ท้องหายไปนั่นแหละ สมกับที่ใคร ๆ บอกว่ากินเผื่อลูก แต่พอรู้รอบเอว น้ำหนักตัวเอง ก็เริ่มหวิว ๆ กับรูปร่างที่เปลี่ยนไป กลัวว่าจะกลับมาสวย ดูดี เหมือนเดิมหรือเปล่า (เพราะพ่อของลูกล้อแม่เรื่องนี้อยู่บ่อย ๆ)

+ คุณหมอบอกว่า...

         เท่าที่มีข้อมูลบ่งบอก ถ้ากินห่วงลูกไม่หวงสวย น้ำหนักในช่วง 3 เดือนแรก ก็น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 กิโลกรัมก่อน จากนั้นจะเพิ่มอีกประมาณ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และไม่เกิน 10 กิโลกรัมกระทั่งคลอด ถือเป็นเกณฑ์ปกติทั่วไป แต่ถ้ากินผิดส่วน กินแบบไม่ออกกำลังกาย เน้นกินตามใจปาก อาจได้ของแถมเป็นน้ำส่วนเกินมาได้ง่าย ๆ

         ...เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา แม่เลยออกไปเดินเล่นรอบ ๆ บ้าน รับลมเย็น ๆ เป็นการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ สักหน่อยดีกว่า

เรื่องคัน...เรื่องจิ๊บ ๆ

         หนึ่งเรื่องในวงสนทนา กับประสบการณ์การตั้งครรภ์ที่เป็นเหมือน ๆ กันคือ อาการคันที่หน้าท้อง เรียกความหงุดหงิด รำคาญใจให้แม่ในช่วงนี้จัง ดีนะที่แม่ได้วิธีรับมือจากพี่ ๆ เพื่อน ๆ ผู้มีประสบการณ์มาก่อน นั่นก็คือ คาถาอย่าเกา ๆ ลูบเบา ๆ ก็พอ

+ คุณหมอบอกว่า...

         เพราะธรรมชาติออกแบบมาดีแล้ว ว่าเมื่อใดที่มดลูกขยายมากขึ้น ผิวหนังหน้าท้องก็ต้องยืดขยายตาม และสิ่งที่อาจตามมาด้วยคือ อาการคัน อาจจะใช้โลชั่นหรือน้ำมันทาหน้าท้องเพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ก็ช่วยบรรเทาอาการไปได้

สตรีมีครรภ์ โปรดใช้วิจารณญาณ

         วันนี้แม่มีอาการปวดท้อง คล้าย ๆ จะคลอดลูก (ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาคลอด) ใจคอไม่ดีเลย เพราะทั้งกลัวและกังวล ต้องรีบตัดสินใจไปให้ถึงมือคุณหมอจะดีกว่า และท้ายที่สุดเราสองคนก็ปลอดภัย อยากรู้มั้ยทำไม

+ คุณหมอบอกว่า...

         หลังตรวจร่างกาย พูดคุยกับคุณหมอ ก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติอะไร แต่การวิเคราะห์ของคุณหมอบอกว่า อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือภาวะความเครียดของแม่จากเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวโดยไม่รู้ตัวก็ได้เป็นตัวกระตุ้นทำให้มดลูกบีบตัว เกิดอาการปวดดังกล่าวได้

         ...นั่งนึก คิดดี ๆ แล้ว ก็น่าจะจริงอย่างทีห่มอบอก เพราะช่วงนี้แม่คิด และออกแรงกับเรื่องงานพอควร จากนี้จะพักผ่อนให้มาก ทำใจให้สบาย เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจ ดูแลลูกนะจ๊ะ

อาการบวมน้ำ...อาการเตือน

         เข้าเดือนที่ 8 แล้วแทบไม่เหลือเค้าโครงของตัวเองเท่าไหร่ เพราทั้งแขน ขา ลำตัว และเท้ามีอาการบวมมากขึ้น จะเคลื่อนไหวขยับร่างกายทำอะไรอุ้ยอ้ายเหลือเกิน และยังรู้สึกเหนื่อยหายใจไม่ค่อยออก เหมือนเป็นสัญญาณ อาการเตือน บอกให้รู้ว่าหนูเองก็อยากออกมาสำรวจโลกแล้วสินะ

+ คุณหมอบอกว่า...

         ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คุณหมอเรียกว่า อาการบวมน้ำเกิดจากน้ำที่สะสมอยู่ในเซลล์ร่างกาย ไม่ถือเป็นความผิดปกติ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาถึงตอนนี้ อาจทำให้เสียสมดุลการทรงตัวได้ง่าย ต้องระวังเรื่องหกล้ม โดยเฉพาะถ้ารู้สึกเหนื่อยหายใจไม่ออกขณะทำอะไรก็ตาม ควรงดกิจกรรมนั้น ๆ ไปก่อนดีกว่า

ใครครบกำหนดคลอด...

         ...ยิ่งช่วงใกล้คลอดอีกไม่กี่วันรอคอยพบลูก แม่ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก และคงไม่สามารถหยั่งรู้ เขียนความรู้สึกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ แต่ก็สามารถจดจำความสุขความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 9 เดือนที่ผ่านมาเอาไว้แล้วเจอกันนะจ๊ะ ลูกรัก


     


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.7 No.77 พฤษภาคม 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เรื่องเล่าจากแม่ท้อง อัปเดตล่าสุด 19 กรกฎาคม 2554 เวลา 13:53:30 8,239 อ่าน
TOP