Aholic & Over Mom ทราบแล้วเปลี่ยน!

แม่และเด็ก

Aholic & Over Mom ทราบแล้วเปลี่ยน!
(modernmom)
เรื่อง : พรดี จันทรเวชชสมาน

          มามี๊ที่รักรู้ดีใช่ไหมว่า การรับบทเป็นคุณแม่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ชีวิตมีโอกาสเสียสมดุลได้ง่ายเชียวละ นอกจากหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วสมดุลก็ยังเสียไปเพราะนิสัยเวอร์ ๆ คลั่งไคล้กับอะไรบางอย่างหรือติดหนึบ หรือคำในตระกูล Aholic ที่ออกลูกออกหลานไม่จบสิ้น

          มาสำรวจตัวเองดูหน่อยดีไหมว่ามาเฟียตระกูล Aholic เป็นเจ้าชีวิตคุณแม่อยู่หรือเปล่า รู้แล้วจะได้จัดการกำจัดซะ!

OVER Expectation

          มักต้องการความสมบูรณ์แบบทุกด้านไม่ค่อยยืดหยุ่น

          อะไรหรือใครทำอะไรไม่ได้ตามความคาดหวังจะเสียความรู้สึก

          มีกรอบขีดให้ตัวเองและคนรอบข้างต้องเดินตามเป๊ะผิดจากนี้มีเครียด

          ประโยคที่คิดไว้ในใจนักจะเป็น "เราต้องทำให้ดีที่สุดตลอดเวลา" "เราต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด" "ลูกต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น"

          ลูกหรือเราต้องดีที่สุด เวลาเปรียบเทียบกับเด็กอื่น

          คุณแม่มักจะเป็นคนเก่ง มีความสามารถเป็นพนักงานดีเลิศ ทะลุเพดานมาตรฐานของออฟฟิศ

          คุณแม่อาจจะหลงลืมไปว่า ควบคุมโลกรอบตัวให้มีมาตรฐานตามที่วางไว้ไม่ได้ จึงมักจะทุกข์ง่าย เครียดง่ายเกิดความรู้สึกอกหักเป็นประจำ มีความกดดัน และสร้างบรรยากาศความกดดันให้กับคนใกล้ตัว ลูกและสามีอยู่ใกล้มากก็รับไปมากหน่อย เพื่อน ๆ ในออฟฟิศหรือลูกน้อง ตอนคุณไม่อยู่ก็จะรู้สึกโล่งสบายใจ ตกลงว่ามีคนสบายใจน้อยมากรวมทั้งตัวคุณแม่เองล่ะค่ะ

          Solution : ฝึกหน่อยค่ะ แม้ว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา ฝึกจิตลดมาตรฐานตัวเองลงหยวน ๆ บ้าง ไม่เห็นจำเป็นต้องดีที่สุดไปทุกอย่าง ยอมรับความเป็นจริงของคนอื่น ๆ ให้ได้ รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ด้วยเนิร์สเซอรีที่ดีที่สุด โรงเรียนที่ดีที่สุด ครูพิเศษที่ดีที่สุด หมอที่ดีที่สุด หรืออาหารที่ดีที่สุด อาจจะไม่มีในโลก เพราะเมื่อได้เลือกแล้วกลับไม่ดีที่สุดดังคาดหวัง แถมยังมีข้อบกพร่องแปลก ๆ ก็มี พยายามอย่างเปรียบเทียบตัวเองหรือลูกกับใคร ๆ รู้จักยืดหยุ่นบ้าง ถ้าอะไรไม่เป็นไปตามที่วางไว้มีทางออกอื่น มีทางอื่นรองลงมาให้เลือกบ้าง

Workaholic

          ชอบทำงานมาก ยิ่งทำมาก ยิ่งมีความสุข

          ทำอะไรอยู่ที่ไหนจิตใจก็เฝ้าคิดวนเวียนถึงงานทั้งเช้าสายบ่ายเย็น เพิ่มรอบก่อนนอนครบสูตร

          ช่วงไหนงานซาแทนที่จะลิ้นลา กลับรู้สึกว่างโหวงอยากทำงานมากกว่า

          มีหลายสาเหตุที่ผลักดันให้คุณแม่เป็นคนบ้างาน อาจจะเพราะเป็นผู้หญิงทำงานเก่งฉกาจ ทำงานแล้วรู้สึกมีคุณค่า ประสบความสำเร็จ ก้าวหน้า และพอใจในสถานภาพทางสังคม บางคนอาจหลีกหนีปัญหาเรื่องอื่น ก็หันมาทุ่มเทกับงานจนไม่ต้องมีเวลาไปกลัดกลุ้มเรื่องอื่น การแข่งขันในที่ทำงาน ความต้องการสร้างฐานะอยากให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตดี ลูกสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนแพง ๆ ก็อาจเป็นตัวผลักดันให้คุณแม่เป็นคนบ้างานได้ทุกข้อ

          ถ้าคุณแม่บ้างานแล้วสามารถดูแลเอาใจใส่ด้านอื่น ๆ ในชีวิตให้ลงตัวได้ ไม่สะสมความเครียด ไม่เปลี่ยนจากคนน่ารักเป็นคุณแม่ขาวีนล่ะก็ คงจะบ้างานต่อไปอย่างสบายใจ แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ถ้าบ้างานแล้วส่วนสำคัญในชีวิตส่วนอื่น อย่างการดูแลลูก ความสัมพันธ์กับสามีและคนรอบตัวมักจะขาดตกบกพร่อง มีโอกาสเกิดปัญหาครอบครัวสูง สุขภาพจิตย่ำแย่ อารมณ์เสียตลอดเวลา เห็นอะไรขวางหูขวางตา

          ฝ่ายร่างกายยังนัดออกมาชุมนุมประท้วงด้วยอาการต่าง ๆ ตั้งแต่ปวดศีรษะ ปวดตา คอหลังไหลท้ายทอยปวดไปหมด เครียดจัดหรือทำงานจนลืมข้าวปลาอาจเป็นโรคกระเพาะอาหาร สมรรถภาพทางเพศเสื่อมก็เกิดได้ทั้งกับชายและหญิงค่ะ โหมงานหนักตอนยังสาวพลังสำรองดีอยู่ร่างกายอาจยังทนไหว พออายุถึงวัยกลางคนโรคที่เคยได้ยิน แต่ชื่อก็มีสิทธิ์ได้พบเห็นตัวจริงแล้วล่ะ ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ มะเร็ง ฯลฯ ร้าย ๆ ทั้งนั้นนะคะ

          Solution : คุณค่าของชีวิตไม่ได้มีแต่งานเพียงอย่างเดียวนะคะ ถึงแม้งานจะให้ผลตอบแทนที่จับต้องได้อย่างเงินเดือน ตำแหน่ง หรือการยอมรับนับถือ ถ้าเราลดความสำคัญของงานลงหน่อย เฉลี่ยความสำคัญไปยังส่วนอื่นบ้าง คุณแม่ก็ยังรู้สึกมีค่าอยู่ อาจต้องปรับตัวปรับใจไม่ตั้งเป้าหมายด้านการเงินไว้สูงมากนัก หันมาเน้นการประหยัดแทนการหาเพิ่ม คุณแม่จะทำให้เลอเลิศพร้อม ๆ กันทุกด้านในจังหวะที่ทุกอย่างประเดประดังเข้ามา เป็นการกดดันตัวเองมากเกินไปค่ะ ช่วงนี้ลูกยังเล็กต้องการความเอาใจใส่มากหน่อย อาจต้องชะลอเรื่องงานลง พอลูกโตเริ่มเข้าที่เข้าที่เข้าทางแล้วค่อยอัพปิดยังไหว เมื่อเกิดความเครียดขึ้นมาต้องรู้จักการคลายเครียดง่าย ๆ ระหว่างวัน หายใจลึก ๆ สักพัก อย่าทิ้งกิจกรรมคลายเครียดที่ชอบ และต้องพักผ่อนให้พอด้วยค่ะ

Shopaholic

          ห้ามใจตัวเองไม่ให้ซื้อไม่ได้ เห็นอะไรซื้อไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย

          ข้าวของบางอย่างไม่อยากได้หรือไม่ตั้งใจจะซื้อด้วยซ้ำ แต่กลับบ้านมาเงินเกลี้ยงกระเป๋า

          มีจิตใจห้าวหาญมาก สามารถซื้อของแพงเกินฐานะของตัวเองแบบหน้านิ่งใจไม่ไหวติง

          ทั้ง ๆ ที่สิ่งตัวเองก่อนออกจากบ้าน ว่าวันนี้จะเป็นผู้ชมเฉย ๆ ไม่ซื้ออะไรทั้งนั้น แต่ก็ซื้อจนได้

          เมื่อก่อนบ้าซื้อเสื้อผ้ารองเท้า เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวของลูกน่าซื้อน่าใช้ จัดเข้าหมวดหมู่ของใช้จำเป็นทั้งนั้น

          เวลาได้ของมาใหม่ ๆ รู้สึกว่าความสุขอิ่มเอิบอาบทั่ว ตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบสาวรีเบคก้า บลูมวู้ด ในเรื่อง คำสารภาพของสาวนักช้อป เปี๊ยบเลย สุขประเดี๋ยวประด๋าว แล้วใจก็วูบตกเพราะเงินหมดและพอกพูนหนี้สินกองโตคนที่รักและหวังดี ต่างพากันพูดจาเตือนสติหรือห้ามปรามให้ใช้เงินเพลา ๆ มือลง มันช่างขัดอกขัดใจคุณแม่เหลือเกิน

          ถ้าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือครบถ้วนที่ว่ามา ยอมรับเถอะค่ะว่าคุณแม่บ้าช้อปเข้าให้แล้ว

          การบ้าช้อปเป็นการเสพติดชนิดหนึ่ง เพราะซื้อของ แล้วมีความสุข ผ่อนคลาย มีอำนาจ รู้สึกอยู่เหนือคนอื่น มีคนรักและชื่นชม (ย่ำแย่ถึงกับต้องการความชื่นชมจากพนักงานขายของ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเชียวล่ะ) ก็น่าเห็นใจอยู่ค่ะ หันไปทางไหนก็กระตุ้นให้ซื้อ อยู่ในบ้าน ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เล่นเน็ต ออกไปนอกบ้านก็เห็นโฆษณาสินค้าเศรษฐกิจแย่ลงก็ชาไปหน่อย แต่คนบ้าช้อปหยุดยาก

          Solution : ถ้าคุณแม่สำรวจตัวเองว่าปัญหานี้เกิดจากความต้องการชดเชยความรัก อยากละลายความเครียด ขาดความสุขในชีวิต คงจะต้องต้นหาดูว่าต้นคอมาจากไหน ไปตั้งต้นแก้ตรงจุดนั้นด้วย อีกทางหนึ่งก็ คือการหลีกเลี่ยงแหล่งช้อปปิ้งทั้งหลาย จิตใจอ่อนแอไหลไปตามกระแสความต้องการอย่างนี้อย่าไปต่อสู้กันซึ่ง ๆ หน้าเลยค่ะแพ้และเจ็บใจอีก กำลังใจมีน้อยก็รู้จักหลบเลี่ยงซะ ไม่เห็นก็ช่วยลดความอยากลงได้

          ถ้าสัญญากับตัวเองแล้วยังสอบตกตลอดเวลาออกนอกบ้าน ลองพกเงินไปจำนวนจำกัดดูอาจช่วยได้ หรือถ้าต้องไปซื้อของก็จดรายการแล้วมุ่งมั่นซื้อเฉพาะของตามรายการ เท่านั้น แล้วหันมาดูสิว่าความสุขด้านอื่น ๆ ของคุณแม่มีอะไรบ้างที่ทำได้โดยไม่ต้องจับจ่ายใช้สอย ทำเถอะเพื่อจะได้ลืมการช้อปซะ

Techaholic

          ไม่ว่าทำงานหรือเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ก็เสียเวลาไปกับการท่องเว็บ เข้าสังคมออนไลน์ ติดโทรศัพท์

          เคยพูดกับตัวเองว่า เราจะไม่แชตตอนทำงานก็ทำอีก

          ว่าจะไม่เช็กเมล์เวลาอยู่บ้าน แล้วก็เช็กตลอด

          ว่าจะเล่นเกมเดี๋ยวเดียวปาเข้าไป 2 ชั่วโมง

          พยายามเลิกก็เลิกไม่ได้ ยิ่งพยายามลดหรือเลิกยิ่งหงุดหงิด

          Teachaholic นี้ขอรวมเหล่ามือถือ ไอโฟน บีบี อินเตอร์เน็ต เกม และบรรดาสิ่งไฮเทคทั้งหลายไว้ในหมวดหมู่เดียวกันนะคะ เพราะไม่ได้มีแต่วัยรุ่นซะแล้วที่ติดหนีบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ คุณแม่ก็ติดค่ะ

          แล้วมันน่ากลัวตรงไหนทราบไหมคะ ตรงที่เราเป็นผู้ใหญ่ ใครสามารถอบรมสั่งสอนคนวัยนี้ได้บ้าง ลูกติดเกมยังมีพ่อแม่คอยสร้างกฎกติกากำกับ สามีที่รักมากำกับบ่อย ๆ มีเหวี่ยงใส่กันมั่งล่ะ

          ของใช้ไฮเทคก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถาโถมใส่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่างชนิดตั้งรับไม่ทัน จะว่าไปมันก็เป็นของดี ๆ มีประโยชน์นี่แหละ แต่ก็เป็นของที่แย่ไปได้สำหรับคนจำนวนมาก เพราะหลงติดกับความสนุกสนานเพลิดเพลิน จนละเลยความรับผิดชอบ ขาดสติควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างนี้ก็เสียงานเสียการได้เหมือนกัน

          ในต่างประเทศยังมีข่าวพ่อแม่ติดเกมไม่ดูแลลูกจนสภาพลูกน่าสงสาร จึงถูกศาลสั่งจำคุก ตัวอย่างที่ยกมาอาจดูเป็นพาดหัวตัวไม้ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับเราแน่ แต่จะมีใครที่ติดเทคโนโลยีแล้วเท่าทันว่าเกิดความเสียหายด้านอื่น ๆ แล้วจิตใจเข้มแข็งพอตัดขาดบ้าง

          Solution : ลองใช้วิธีเดียวกับการควบคุมเด็ก ๆ ดู บอกกับตัวเองให้มีวินัย กำหนดเวลา ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้อาจต้องมีบทลงโทษ เลือกการลงโทษที่ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างสรรค์ ก็จะเป็นผลพลอยได้ไม่บั่นทอนความรู้สึก หันไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง กำหนดวันปลอดมือถือ ปลอดเกม ปลอดอินเตอร์เน็ต อาจติดข้อเตือนใจไว้ให้มองเห็นง่าย เพื่อเตือนสติตัวเองบ่อย ๆ ด้วยก็ได้

OVER Protection

          ทุ่มเทให้กับลูกจนหมดหัวใจ ถึงขั้นอุทิศชีวิตทุกนาทีให้ลูกจนไม่สนใจตัวเอง สามี คนอื่น หรือสิ่งอื่น ๆ เลย

          ไม่ปล่อยวางเลยเรื่องลูก ไข้ขึ้นท้องเสียนิด ก็เครียด หกล้มหน่อยก็ประสาทเสีย

          ไม่ให้ลูกได้หัดทำอะไรด้วยตัวเองตามวัยเลย

          คอยปกป้องทุกอย่าง เพื่อให้ลูกปลอดภัย

          ผู้ใหญ่คนอื่นห้ามอบรมสั่งสอน หรือดุว่าลูกเรา

          อยากทำอะไรยอมให้ทำ อยากได้อะไร ก็หามาให้ เอาอกเอาใจสารพัด

          คุณแม่ไม่น่าจะมีความสุขนะ คุณลูกก็เหมือนกัน น่าแปลกตรงที่เด็กคนไหนยิ่งถูกตามใจ จะยิ่งเอาแต่ใจและจะไม่มีความสุข อาละวาดตลอด เพราะจิตใจเขาไม่เคยฝึกฝนให้มีความอดทนกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตจริงทุกคนต้องเผชิญกับการไม่ได้ดังใจอยู่ตลอดเวลา การรักลูกมากเกินไปทุ่มเทให้ทุกอย่างหมด ก็อาจทำให้ลูกขาดความเห็นอกเห็นใจคนอื่น เพราะอะไรเขาก็ได้มาง่ายดาย เพราะแม่ตกอยู่ใต้อำนาจความรัก ขาดเรื่องระเบียบวินัย เป็นเด็กไม่น่ารักและอาจจะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าคบหา ลูกที่ได้รับการปกป้องมากก็จะไม่มีอิสระ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ดูแลตัวเองได้ไม่ดีเท่าเด็กที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองตามวัยของเขา

          Solution : อย่าเลี้ยงลูกในเรือนกระจกค่ะ ให้เขาเติบโตตามธรรมชาติบ้าง ธรรมชาติเป็นยังไงนึกไม่ออก ลองนึกถึงคุณแม่ในวัยเด็กดูก็ได้ว่า โดนดุบ้าง ถูกสั่งห้ามบ้าง ต้องช่วยเหลือผู้ใหญ่ บางครั้งต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่แม่สั่งให้ทำ จะร้องดิ้นจะเอาปลาโลมามีหวังเจอคทาวิเศษตราก้านมะยม รักลูกต้องให้ลูกเติบโตไปอย่างมีคุณภาพและเป็นคนมีคุณค่า อีกอย่างคืออย่าลืมตัวเอง เพราะการดูแลตัวเอง ให้ดีทั้งกายและใจก็จะมีพลังดูแลลูกด้วยล่ะ

Exercisaholic

          ออกกำลังกายอย่างหนัก และหักโหมวันละหลายชั่วโมงทุกวัน

          ยิ่งทำยิ่งรู้สึกดีมีความสุข

          ออกกำลังกายแล้วรู้สึกเจ็บปวด ก็ฝืนทำเพื่อให้หายเจ็บ

          บางทีเหนื่อยแทบขาดใจ หรือเจ็บป่วยไม่สบายไข้ขึ้นอยู่ ก็พยายามฝืนออกกำลังเพื่อจะให้ดีขึ้น

          อย่างนี้น่าจะเป็นปัญหา เพราะติดการออกกำลังกายและเข้าใจผิดว่าต้องทำมาก ๆ เพื่อจะได้แข็งแรงมาก ๆ เป็นคุณแม่สุขภาพดีเยี่ยม แต่จริง ๆ แล้วให้ผลตรงกันข้ามค่ะ

          การบ้าออกกำลังกายกลับเป็นผลเสียแทนที่จะดีค่ะ ร่างกายจะเหนื่อยล้า เพราะเราใช้งานกล้ามเนื้อหนักมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่โหมออกกำลังกายมากๆ ก็จะได้รับผลเสียมาก ข้อเสียยังมีอีกอย่างคือ แทนที่จะแข็งแรงภูมิต้านทานของร่างกายกลับลดลง โรคภัยไข้เจ็บมีโอกาสมาเยี่ยมเยียนง่ายขึ้น การใช้ร่างกายส่วนไหนมากเกินไป เช่น การวิ่งมาก ๆ และวิ่งเป็นระยะเวลานานหลายปีก็มีผลกับข้อเข่าเมื่ออายุมากขึ้น และต้องไม่ลืมว่า การออกกำลังกายมากจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายไปมากด้วย ถ้าไม่มีการดื่มน้ำเข้าไปชดเชยก็จะทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่

          Solution : ถ้าคุณแม่บ้าออกกำลังกาย ควรจะต้องดูหน่อยแล้วว่า ความเข้าใจของตัวเองที่ว่าดีต่อสุขภาพนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง เลือกวิธีที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดีกับสภาพร่างกาย ความจริงแล้วร่างกายเราต้องการพักบ้าง ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วัน มีวันให้ได้พักสัก 2 วัน เวลาออกกำลังกายก็ควรจะเป็นช่วงเช้าหรือบ่าย ไม่ใช่เวลาก่อนนอนหัวใจยังเต้นโครมครามอยู่จะหลับสบายได้อย่างไร สถานที่ก็สำคัญค่ะ ฟิตร่างกายอยู่ริมถนนรถเยอะ อบร่ำฝุ่นควันท่อไอเสียเป็นประจำ น่าจะได้รับสารพิษมากกว่าสร้างเสริมสุขภาพนะคะ

          อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดีค่ะทางที่ดี คือ "พอดี" หากคุณเป็นแม่ตระกูล Aholic & Over ค่อย ๆ แก้ไขไปนะคะ ทุกอย่างใช้เวลาอย่ายอมแพ้สู้เขาค่ะคุณแม่




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.16 No.186 เมษายน 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Aholic & Over Mom ทราบแล้วเปลี่ยน! อัปเดตล่าสุด 29 มิถุนายน 2554 เวลา 13:43:07 1,147 อ่าน
TOP
x close