วันที่ 13 ตุลาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลกำลังสนใจเรื่องราวของหนูน้อยวัย 1 ขวบ อย่าง น้องไม้ ด.ช.นวิน ไชยศร ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองตั้งแต่แรกเกิด โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกบอกเล่าจากคุณแม่ของน้อง ผ่านเฟซบุ๊ก น้องไม้ นวิน ว่า ตอนนี้ น้องไม้ อายุ 1 ปี 2 เดือนแล้ว ตอนที่ผ่าตัดคลอดน้องไม้ก็มีอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ โดยระหว่างการตั้งครรภ์ก็มีการตรวจร่างกายและอัลตราซาวด์กับคุณหมอตลอด ซึ่งผลตรวจทุกครั้งคือ ปกติดี
จนกระทั่งเมื่อน้องไม้ได้ออกมาลืมตาดูโลก ก็มีน้ำหนักเกือบ 4 กิโลกรัม ซึ่งคุณหมอก็ได้มาประเมินอาการน้องไม้ว่าดีมาก ตอนนั้นเราก็ดีใจว่าลูกสุขภาพแข็งแรง แต่พอเวลาผ่านไปประมาณ 10 ชั่วโมง น้องไม้มีอาการหยุดหายใจสั้น ๆ เพียงแค่ 10 วินาที โชคดีที่ได้พยาบาลที่มีความชำนาญคอยดูแล ทำให้รู้ว่าน้องไม้หยุดหายใจไป ซึ่งหลังจากรู้เรื่องนี้ คุณหมอก็ตรวจหาสาเหตุที่น้องไม้หยุดหายใจ ก่อนวินิจฉัยว่า อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการชักอย่างหนึ่งของเด็กเล็ก
ด้วยความเป็นห่วงลูก จึงได้ย้ายน้องไม้ไปที่โรงพยาบาลเด็ก เพื่อตรวจอีกครั้ง จนทำให้รู้ว่าน้องไม้มีก้อนเนื้องอกในหัว ขนาดใหญ่เกือบ 5 เซนติเมตร ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ พอได้ยินแบบนี้เราแทบล้มทั้งยืน ได้แต่คิดว่าเราดูแลตัวเองไม่ดีใช่ไหม ลูกถึงเป็นแบบนี้
แต่ด้วยความเป็นพ่อเป็นแม่ คงไม่มีใครยอมให้ลูกนอนรอความตายไปต่อหน้าต่อตา แม้คุณหมอจะฟันธงว่า ไม่มีทางรักษา แต่เราไม่ยอมแพ้ พยายามช่วยกันหาข้อมูลโรคนี้ เพื่อหาแพทย์ที่เก่งที่สุดมารักษาลูกของเรา ต่อมาเราได้ย้ายน้องไม้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และที่นี่เอง ที่น้องไม้ได้เริ่มการรักษาด้วยการผ่าตัดในวันที่ 8 กันยายน 2557 แม้ต้องใช้ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 8 ชั่วโมง แต่น้องไม้ ที่อายุเพียง 1 เดือน 5 วัน ก็สามารถต่อสู้กับการผ่าตัดครั้งนี้สำเร็จ ถึงจะไม่สามารถเอาก้อนเนื้องอกออกไปได้ทั้งหมดก็ตาม
หลังผ่าตัดปรากฏว่า น้องไม้ ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดทำให้ตาขวามองไม่เห็น หนังตาตกปิดตลอดเวลา รูม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสงเลย แต่เราคิดว่าไม่เป็นไรได้ชีวิตลูกคืนมาก็ดีแล้ว อะไรจะเสียไปบ้างก็ต้องยอมแลก แม้ตาขวามองไม่เห็น แต่ยังมีตาซ้าย
เมื่อผลชิ้นเนื้อออกมาก็เป็นอย่างที่คาดไว้ น้องไม้เป็นมะเร็งสมองเกรด 4 คุณหมอต้องให้รักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด เพื่อยับยั้งมะเร็งไม่ให้โตขึ้น และจะรักษาด้วยการฉายแสง เมื่ออายุครบ 3 ขวบ โดยน้องให้ยาคีโมประมาณ 3 เดือน ทั้งหมด 7 คอร์ส คอร์สหนึ่ง 3-5 วัน และทำ MRI อีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่า ก้อนมะเร็งมันโตขึ้นอีก ถ้าไม่ผ่าจะไปเบียดเนื้อสมองแกนสมองและตาซ้ายที่เหลือเพียงข้างเดียวจะบอด เราจึงตัดสินใจให้น้องไม้เข้ารับการผ่าตัดครั้งที่ 2 ด้วยอายุ 5 เดือน 17 วัน เพื่อยื้อชีวิตลูกไว้
ในการผ่าตัดครั้งที่ 2 สามารถตัดเนื้อร้ายออกไปได้ถึง 90% โดยหลังผ่าตัดน้องไม้ยังต้องได้รับการรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลข้างเคียงจากการผ่าตัดครั้งนี้ คือ ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง และตาซ้ายที่ว่ามองเห็นนั้นน่าจะเห็นเพียงครึ่งเดียว ขณะที่การรักษาด้วยยาคีโมสูตรใหม่ถือว่าได้ผลดี
และเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2558 น้องไม้เข้ารับการตรวจด้วย MRI ปรากฏว่า ก้อนมะเร็งเล็กลงเหลือไม่ถึง 1 เซนติเมตร และไม่มีการกระจายตัว นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเรา 2 คนมาก หลังจากนี้ น้องไม้ยังต้องให้ยานอกอีก 13 คอร์ส รวมทั้งหมด 20 คอร์ส และการรักษาต่อไปคือ การปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งจะทำเร็ว ๆ นี้ คาดว่าอาจเป็นช่วงต้นเดือนตุลาคม 2558
แม้น้องไม้จะมีโอกาสหายดีไม่มาก แต่เราก็เชื่อว่า จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และแม้ว่าน้องไม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่เราก็ขอให้เขามีชีวิตอยู่ และดูแลตัวเองได้ก็พอแล้ว
ส่วนเรื่องราวของน้องไม้ เราก็หวังว่าจะเป็นเรื่องเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ให้คอยเฝ้าสังเกตลูกดี ๆ ด้วยเชื่อว่า หากเรารู้อาการป่วยเร็ว โอกาสรักษาหายก็มีสูงขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้เราเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนไม่อยากเห็นลูกเจ็บป่วยแบบนี้แน่ ๆ เพราะมันคือสิ่งที่บีบหัวใจพ่อแม่ให้เจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร
ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องราวของน้องไม้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจ น้องไม้ และคุณพ่อคุณแม่อย่างมากมาย แม้กระทั่งคุณแม่มือใหม่อย่างสาวโอปอล์ ปาณิสรา ที่โพสต์ข้อความลง Instagram opalpanisara เพื่อให้กำลังใจ และเชิญชวนซื้อปฏิทินบุญรักษา 2559 เพื่อสมทบทุนค่าปลูกถ่ายไขกระดูกของน้องไม้
นอกจากนี้ ทีมงาน FM. 91 Trafficpro ก็ได้โฟนอินเข้าไปคุยกับ คุณอาคม ไชยศร คุณพ่อของน้องไม้ พร้อมโพสต์บอกเล่าการพูดคุยครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊ก FM. 91 Trafficpro ว่า ขอเชิญผู้มีสุขภาพแข็งแรง ร่วมบริจาค "เลือด และเกล็ดเลือด กรุ๊ป โอ" หรือกรุ๊ปอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนทดแทนให้กับน้องไม้
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เฟซบุ๊ก น้องไม้ นวิน, เฟซบุ๊ก FM. 91 Trafficpro, Instagram opalpanisara