เป็นเรื่องปกติของคุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์มักมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ แพ้ท้องเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีรับมืออาการแพ้ท้อง มาแนะนำคุณแม่มือใหม่กัน พร้อมแล้วไปดูเกร็ดน่ารู้อาการแพ้ท้องจากนิตยสาร MODERNMOM มาฝากคุณแม่กันค่ะ ^_^
อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย พบได้ประมาณร้อยละ 80 เลยทีเดียว ภายหลังตั้งครรภ์ได้ไม่นาน จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกรวม ๆ กันว่า "แพ้ท้อง" ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า "Morning Sickness" (อาการเจ็บป่วยตอนเช้า) เพราะเดิมทีเคยมีผู้สังเกตว่าอาการสารพัดที่ว่าของคุณแม่ตั้งครรภ์ มักจะเกิดตอนเช้า จากประสบการณ์ที่ดูแลคุณแม่ไม่น้อย ผมว่าอาการแพ้ท้องเป็นได้ตลอดไม่เลือกเวลาหรอกครับ บางคนเป็น Afternoon Sickness หรือ Night Sickness ก็มี
3 ระดับความรุนแรงของอาการ
ความรุนแรงของการแพ้ท้องที่พบในคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนไม่เท่ากันหรอกครับ หรือแม้แต่ในคุณแม่ตั้งครรภ์คนเดียวกัน แต่เป็นการตั้งครรภ์คนละครั้ง การแพ้ท้องยังไม่เท่ากันเลยครับ
ในทางการแพทย์เราแบ่งอาการแพ้ท้องออกเป็น 3 ระดับง่าย ๆ คือแพ้ท้องเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง
แพ้ท้องเล็กน้อย
กรณีนี้คุณแม่อาจมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อยเวียนศีรษะบ้าง แต่ก็ยังพอรับประทานอาหารได้ แม้ว่าน้อยลงไปบ้างก็ตาม กรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้การดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่แนะนำให้รับประทานอาหารให้ถูกวิธีก็พอ
แพ้ท้องปานกลาง
คุณแม่ในกลุ่มนี้จะคลื่นไส้มากกว่ากลุ่มแรกอาจมีอาการอาเจียนเป็นครั้งคราว รับประทานอาหารไม่ได้เป็นช่วง ๆ ปัสสาวะสีเข้มขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ กลุ่มนี้บางทีอาจต้องรับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือและยาแก้อาเจียน รวมทั้งการแนะนำให้ปรับวิธีรับประทานอาหาร อาการแพ้ท้องจะบรรเทาลงได้
แพ้ท้องรุนแรง
คุณแม่ในกลุ่มนี้จะรับประทานอะไรไม่ได้เลย รับประทานเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด จนร่างกายขาดทั้งน้ำและอาหาร ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการตรวจพบสภาพร่างกายดูทรุดโทรม ตาลึก ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยว ปัสสาวะสีเข้มเป็นสีขมิ้น ถ้าพบว่าคุณแม่อยู่ในกลุ่มนี้ล่ะก็ หนีไม่พ้นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ต้องได้รับน้ำเกลือ และน้ำอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นจะเป็นอันตราย เพราะถ้าร่างกายขาดน้ำมาก ๆ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวาย ฯลฯ คุณแม่ในกลุ่มนี้บางคนอาเจียนจนหลอดเลือดที่อยู่บริเวณหลอดอาหารมีการฉีกขาด ทำให้เวลาอาเจียนจะเห็นเลือดปนมากับเศษอาหาร บางคนอาเจียนน้ำสีเหลือง ๆ ออกมา และรู้สึกขมคอมากก็มี อาการหลังสุดที่ว่านี้เกิดจากการอาเจียนมากจนไปกระตุ้นให้น้ำดีทะลักออกมาด้วย
แพ้ท้อง...อันตรายไหม ?
คุณแม่หลายคนกังวลว่า มีอาการแพ้ท้องโดยเฉพาะการแพ้ท้องที่รุนแรงจะทำให้ตัวเองและลูกในครรภ์เป็นอันตรายหรือไม่ ผมอยากเรียนว่าถ้าการแพ้ท้องนั้นเกิดกับคุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์ปกติ ผมยังไม่เคยเห็นคุณแม่คนไหนแพ้ท้องจนเป็นอันตราย เช่นเดียวกับลูกในครรภ์ ต่อให้แม่อ้วกแตกอ้วกแตนจนน้ำหนักลดไป 5-10 กิโลกรัม ลูกในครรภ์ก็ยังอยู่ได้ปกติดี เนื่องจากลูกจะดึงเอาสารอาหารในตัวแม่จากไขมัน ตับ กล้ามเนื้อ มาใช้แทนอาหารที่ขาดแคลนไป ซึ่งปริมาณอาหารจากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้เหลือเพียงพอที่จะเลี้ยงลูก เพราะในช่วงไตรมาสแรกที่แพ้ท้องทารกในครรภ์ยังตัวเล็กมาก แค่ประมาณปลายเล็บเท่านั้นเองจึงไม่ได้ใช้อาหารอะไรมากมาย
รับมืออาการแพ้อย่างไรดี ?
อาการแพ้ท้องไม่ใช่โรค มักจะเป็นมากตอนช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อการตั้งครรภ์เลยระยะ 3 เดือนแรกไปแล้ว อาการแพ้ท้องของคุณแม่ก็มักจะดีขึ้นได้เอง แต่ในระยะที่ยังมีการแพ้ท้องอยู่นั้น เราสามารถบรรเทาอาการแพ้ท้องที่เกิดขึ้นได้หลายวิธีครับ
ปรับเรื่องอาหารการกิน
หากรับประทานครั้งละมาก ๆ ร่างกายจะทำงานไม่ไหว เนื่องจากระบบการทำงานของลำไส้คุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์จะทำงานได้ช้า ย่อยอาหารยาก จึงทำให้ยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนวิธีรับประทานอาหาร เป็นรับประทานครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้งขึ้น เพื่อให้ร่างกายปรับตัวย่อยอาหารให้ทัน และควรเลือกอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ไม่ควรกินของดอง น้ำอัดลมที่ทำให้เกิดกรดมาก เพราะจะยิ่งทำให้คลื่นไส้มากขึ้น
ใช้ยาช่วย
มียาหลายชนิดที่จะบรรเทาอาการแพ้ท้อง ได้แก่ ยาแก้แพ้ท้องในกลุ่มต่อต้านฮิสตามีน (anthistamine) ซึ่งจะไประงับหรือบรรเทาอาการคลื่นไส้ให้ลดลงมีทั้งแบบยาฉีดและยารับประทาน ซึ่งคุณหมอพิจารณาให้ตามความรุนแรง เพราะยากลุ่มนี้รับประทานแล้วทำให้ง่วงนอน ถ้ารับประทานมากก็อาจทำให้คุณแม่ทำงานไม่ได้
นอกจากนั้นคุณแม่ยังท้องอืดง่าย มีลมในท้องมาก คุณหมออาจจะให้ยาขับลม ยาช่วยย่อย ให้รับประทานคู่กันก็จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องให้ดีขึ้น รวมถึงอาจจะใช้วิธีจิบน้ำขิงก็ช่วยได้
ให้น้ำเกลือ
ในกรณีที่ป็นรุนแรงอาจจะต้องให้อาหารผ่านทางน้ำเกลือ ซึ่งอาจจะเป็นวิตามินหรือยาแก้แพ้ผสมเข้าไปด้วย เช่น วิตามินบี 6 ที่มีความเข้มข้นสูง จะช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เป็นต้น
ฝังเข็ม
เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่า ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ ผมเคยส่งคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องมากไปให้คุณหมอที่ทำงานด้านฝังเข็มเพื่อทำการรักษา พบว่าได้ผลดีพอควรเลยทีเดียวครับ
ดูแลจิตใจ
คนที่รับประทานอาหารไม่ได้ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ย่อมจะอารมณ์ไม่ค่อยดี หงุดหงิด เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะฉะนั้นผู้ที่ดูแลคุณแม่ สามี และครอบครัวควรให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือในการดูแลสนับสนุนทางจิตใจ ก็จะช่วยให้อาการดีเร็วขึ้น จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้องแล้วถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวหรือต้องทำงานหนัก ก็จะทำให้อาการยิ่งรุนแรงขึ้นได้
แพ้ท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่อย่าวิตกกังวลมากจนเกินไป ลองใช้วิธีดูแลตัวเองดังที่แนะนำไปข้างต้น ก็จะช่วยให้คุณแม่สบายตัวมากขึ้นครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.20 No.232 กุมภาพันธ์ 2558