อาเจียนเรื้อรัง ไม่ร้ายแรง แต่ทรมาน (รักลูก)
เรื่อง : ไพริน เรียบเรียงจากากรสัมภาษณ์ นพ.ไพศาล เลิศฤดีพร กุมารแพทย์ด้านทางเดินหายใจ โรงพยาบาลกรุงเทพ ภาพ อุทัย ใยย้อย
เด็ก ๆ อาเจียนได้ง่าย เพียงแค่ไอหรือกินอิ่มเกินไปก็ทำให้อาเจียนได้แล้วค่ะ และบางครั้งสาเหตุของการอาเจียนก็มาจากโรคที่ค่อนข้างอันตราย เช่น อาหารเป็นพิษ หรือติดเชื้อในทางเดินอาหาร แต่ก็เป็นไปได้ที่เด็ก ๆ จะอาเจียนต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งถ้ามีอาการแบบเดียวกันซ้ำ ๆ บ่อย ๆ อาจสงสัยได้ว่าหนูน้อยเป็น "โรคอาเจียนเรื้อรัง\' ค่ะ
โรคอาเจียนเรื้อรัง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Cyclic Vomiting Syndrome ซึ่งอาการจะไม่ใช่แค่อาเจียนบ่อยเท่านั้นนะคะ แต่เป็นการอาเจียนที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ อาเจียนหลาย ๆ ครั้งต่อชั่วโมง อาจต่อเนื่องเป็นวัน หรือหลายวัน บางทีอาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะมีช่วงที่อาการหายไป ก่อนจะกลับมาเป็นใหม่ภายในหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนต่อมา เป็นวงจรและมีลักษณะเหมือนเดิม เด็กบางคนอาจมีอาการนำหรือสัญญาณเตือน เช่น ได้กลิ่นแปลก ๆ ได้ยินเสียงแปลก หรือคันตามตัว และด้วยลักษณะอาการที่เป็นเหมือนเดิมซ้ำ ๆ คุณพ่อคุณแม่ที่รู้อยู่แล้วว่าลูกเป็นโรคนี้จะสังเกตได้เมื่อลูกเริ่มมีอาการค่ะ
อาเจียนเรื้อรังมักเกิดในเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียน วัยอนุบาล และวัยประถม บางครั้งแม้เด็กอายุ 6-7 วัน ก็เป็นได้เช่นกันค่ะ ในสหรัฐอเมริกามีเด็กที่เป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 2.2 และในเมืองไทยก็พบเช่นกัน ส่วนมากอาการของโรคจะหายไปเองเมื่อโตขึ้น แต่เด็กบางคนอาจมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ และจากรายงานพบว่า มีคนเป็นโรคอาเจียนเรื้อรังจนอายุ 70 ปี เลยก็มีค่ะ
อาเจียนเรื้อรัง ไม่มีสาเหตุ ?
ความแปลกของโรคอาเจียนเรื้อรังคือต้องเป็นการอาเจียนที่หาเหตุไม่เจอเท่านั้นค่ะ เพราะถ้าเจอก็แสดงว่าเป็นโรคอื่น ดังนั้น เวลาที่คุณหมอพบว่าหนูน้อยมีอาการเข้าข่าย ก็จะตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะโรคที่มีลักษณะอาการคล้ายกัน เช่น โรคลมชักที่ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งต้องตรวจคลื่นสมอง โรคไมเกรนที่ระบบทางเดินอาหาร การแพ้นมวัว หรือแม้กระทั่งไข้หวัด ถ้าตรวจทุกอย่างแล้วพบว่าไม่ใช่สาเหตุของการอาเจียน คุณหมอจึงจะระบุว่าเป็นโรคอาเจียนเรื้อรัง ซึ่งหมายความว่าในครั้งแรกที่ลูกน้อยอาเจียน คุณหมอจะยังไม่สามารถสรุปได้ทันที แต่ถ้ามีประวัติว่าคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ก็จะช่วยให้คุณหมอหาคำตอบของอาการผิดปกติได้ง่ายขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ เก็บโรคอาเจียนเรื้อรังไว้เป็นคำตอบสุดท้ายนั่นเอง
วงจรอาเจียนเรื้อรัง
โรคอาเจียนเรื้อรังมีอาการแบบเดิมซ้ำ ๆ เป็นวงจรดังนี้
1. อาการนำ เช่น ได้กลิ่นแปลก ๆ ได้ยินเสียงแปลก ๆ หรือคันตามตัว
2. อาเจียน หลายครั้งใน 1 ชั่วโมง และต่อเนื่องเป็นวัน หลายวัน หรืออาจนานถึง 3-4 สัปดาห์
3. ช่วงพัก อาการจะหายไปเองระยะหนึ่ง อาจหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน
4. อาการนำกลับมา และจะวนกลับไปสู่ระยะอาเจียนและช่วงพัก เป็นวงจรจนกว่าจะหายไปเอง
ไม่ร้ายแรง แต่ทรมาน
แม้ว่าจะไม่ใช่อาการที่ทำให้เจ็บปวดมากนัก แต่การอาเจียนต่อเนื่องนาน ๆ ก็เป็นสิ่งที่ทรมาน โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่มักมีอาการปวดท้องและถ่ายเหลวร่วมด้วยสำหรับระดับความรุนแรงของการอาเจียนสามารถสังเกตได้จากสีของอาเจียนดังนี้ค่ะ
อาเจียนเป็นสีเหลือง มาจากน้ำย่อยในกระเพาะ
อาเจียนเป็นสีเขียว มาจากน้ำดี
อาเจียนมีเลือดปน เกิดจากการที่อาเจียนอย่างรุนแรงจนมีการฉีกขาดของหลอดอาหารหรือเส้นเลือดที่ผิวของกระเพาะ ซึ่งก็ถือว่าอันตรายค่ะ
Tips : การอาเจียนที่ไม่ใช่อาเจียนเรื้อรัง
โรคบางโรคอาจทำให้หนูน้อยอาเจียนบ่อยและต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ทางเดินอาหารติดเชื้อไวรัส การอุดตันของลำไส้หรือหลอดอาหาร หรือส่วนปลายของกระเพาะอาหาร จุดต่างของโรคเหล่านี้ก็คือ เด็กจะอาเจียนไม่หยุดโดยไม่มีช่วงพัก ในขณะที่โรคอาเจียนเรื้อรังจะมีช่วงที่อาการหายไป ก่อนจะวนกลับมาเป็นเหมือนเดมิอีกนั่นเอง
ดังนั้นถ้าพบว่าลูกอาเจียนมาก คุณพ่อคุณแม่ควรพาไปรักษาที่โรงพยาบาลนะคะ เผื่อกรณีที่ลูกสูญเสียน้ำหรือเกลือแร่มากเกินไป จะได้ให้น้ำเกลือและปรับให้กลับสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด บางทีถ้าอาเจียนมาก ๆ คุณหมออาจจะฉีดยาลดการอาเจียนให้ถ้ามีเลือดออกก็จะได้เช็คดูว่าซีดไหม ต้องเติมเลือดไหม และถ้ามีถ่ายเหลวก็ต้องดูเรื่องการติดเชื้อด้วยค่ะ
ทำอย่างไร ให้หนูหายดี
เนื่องจากโรคอาเจียนเรื้อรังไม่มีสาเหตุแน่ชัดและจะหายไปเองเมื่อโตขึ้น จึงต้องใช้วิธีรักษาตามอาการเป็นหลักค่ะ หลังจากที่สรุปแล้วว่าเป็นโรคนี้แน่นอน และหนูน้อยก็ยังมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ คุณหมออาจตัดสินใจให้ยาในกลุ่มของยานอนหลับ เพื่อให้เด็กได้พัก และจะมียากลุ่มที่แก้อาการอาเจียน สุดท้ายคือยาป้องกันลมชัก ซึ่งมีฤทธิ์กดประสาทนิด ๆ ยาเหล่านี้จะให้เมื่อเด็กมีอาการบ่อย และทนไม่ไหวจิรง ๆ เท่านั้นค่ะ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกดีขึ้นได้ด้วยการให้ลูกนอนพัก และจิบน้ำเรื่อย ๆ ถ้าอาเจียนมาก ๆ ก็ได้กินยาแก้อาเจียน และอย่าลืมสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดนะคะ ถ้าลูกดูเหมือนแห้งน้ำ ปากแห้ง ตาโหล ปัสสาวะไม่ค่อยออกควรรีบพาไปหาคุณหมอเพื่อให้น้ำเกลือ ที่สำคัญ ถ้าคุณหมอจ่ายยาให้ ไม่ควรปรับ หรือลดยาเอง ยกเว้นว่าคุณหมอจะอนุญาตนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 32 ฉบับที่ 374 มีนาคม 2557