อากาศเปลี่ยน ร่างกายลูกป่วย

 อากาศเปลี่ยนลูกป่วย

อากาศเปลี่ยน ร่างกายลูกป่วย
 (รักลูก)
เรื่อง : เกื้อกูล เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ.ศุภรัตนา คุณานุสนธิ์ กุมารแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเวชธานี

          ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มีทั้งร้อน ฝน หนาว ในวันเดียวกัน ขนาดที่ผู้ใหญ่อย่างเรายังป่วยเลย ฉะนั้นเด็กเล็ก ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ะ

อากาศร้อนควรระวัง

          โรคลมแดด หรือ Heat Stroke มักเกิดในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัด ซึ่งเด็กเล็ก ๆ มีโอกาสเสี่ยงได้ง่าย ดังนั้นหากพบว่าลูกมีผิวหนังแดงร้อน แห้ง และไม่มีเหงื่อให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกจิบน้ำสะอาดบ่อย ๆ เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายและป้องกันการขาดน้ำอย่างเฉียบพลัน ในช่วงที่อากาศร้อนควรงดกิจกรรมหนัก ๆ และควรแต่งกายให้ลูกอย่างเหมาะสมตามสภาพภูมิอากาศ ไม่คับแน่น หรืออึดอัดเกินไป

          ท้องร่วงอาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะอาหารที่ไม่สะอาดหรือเนื้อสัตว์ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ หากไม่ระวังให้ลูกกินเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้ เพราะอาหารที่ลูกกินอาจมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ โดยเฉพาะอาหารที่ไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็น หรืออาหารที่ทำล่วงหน้าเป็นเวลานาน ๆ

           โดยลักษณะอาการคือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางครั้งอาจมีอาการ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หากถ่ายอุจจาระมาก ๆ จะให้ร่างกายขาดน้ำจนอ่อนเพลียและหมดเรี่ยวแรง เพราะฉะนั้นก่อนให้ลูกกินอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจเช็กให้ดีเสียก่อน แต่ทางที่ดี กินอาหารสุกใหม่จะดีกว่าค่ะ

ฝนตก ความชื้นเป็นเหตุ

          ไข้เลือดออก นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงทำให้ เชื้อไข้เลือดออกมีอัตราการระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม จะเป็นช่วงฤดูกาลระบาดของไข้เลือดออก ทั้งภาวะโลกร้อนยังทำให้ยุงลายแพร่พันธุ์ได้มากขึ้น องค์การอนามัยโลกจึงได้ออกมาเตือนว่า ปัจจุบันนี้มีประชากรโลกถึงร้อยละ 40 ที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก

          โดยอาการที่แสดงออกในเด็กเล็กอาจมีเพียงไข้และเป็นผื่นคัน แต่ถ้าเป็นเด็กโตลูกจะมีไข้สูงเฉียบพลันและปวดศีรษะร่วมด้วย เด็กบางคนอาจมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ มีผื่นขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีภาวะช็อกหมดสติและเสียชีวิตได้

          ดังนั้นภายใน 1-2 วัน หากลูกมีไข้สูงไม่ยอมลด คุณพ่อคุณแม่ ควรรีบพาส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ

          ทอนซิลอักเสบ แม้อาการจะไม่รุนแรงมากนัก แค่ก็สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ฝนตกมีพายุกระหน่ำ เนื่องจากพายุที่เกิดขึ้นมีโอกาสที่จะพัดเอาฝุ่นละอองและความชื้นมาสู่ลูกน้อยได้ กลุ่มเชื้อไวรัสที่พบบ่อยที่สุดก็คือ Rhinovirus และ Coronavirus ซึ่งอาการมักไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็นเชื้อ Adenovirus อาจทำให้เด็ก ๆ มีอาการเจ็บคอและเป็นทอนซิลอักเสบ ไข้สูง หรือมีลักษณะเหมือนทอนซิลเป็นหนองได้

          ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลสุขอนามัยของลูกน้อยให้สะอาด อย่างสม่ำเสมอ หมั่นล้างมือให้ลูกบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่ไม่สบาย และถ้าลูกไม่สบายก็ไม่ควรปล่อยให้ไปโรงเรียนค่ะ เพราะอาการลูกอาจแย่ลงและมีโอกาสแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่นด้วย

          เราไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ก็จริง แค่เราสามารถป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเจ็บป่วย ด้วยการดูแลสุขอนามัยของลูกค่ะ






ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 31 ฉบับที่ 366 กรกฎาคม 2556

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อากาศเปลี่ยน ร่างกายลูกป่วย อัปเดตล่าสุด 11 มีนาคม 2557 เวลา 16:43:46 1,685 อ่าน
TOP
x close