แก้นิสัย ลูกชอบเถียง (รักลูก)
โดย : อ.รุ่งรวี กนกวิบูลย์ศรี
ขอวิธีแก้นิสัยลูกชอบเถียง และดื้อ กลัวลูกติดไปใช้ที่โรงเรียน
Q : ลูกชายอายุ 4 ขวบ เป็นเด็กช่างพูด แต่ก็แอบดื้อ เวลาบอกให้เขาทำอะไรจะชอบเถียงตลอด กลัวว่าถ้าไปโรงเรียนแล้วจะเถียงครูและเถียงเพื่อน กลัวเขาจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ จะปรับนิสัยหรือแก้ไขอย่างไรดีคะ
คุณแม่น้องโจ/กทม.
A : เด็กช่างพูดเป็นคนที่มีเสน่ห์นะคะ ผู้ใหญ่ที่ได้พูดคุยกับเด็ก จะเกิดความรู้สึกรักและเอ็นดู
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ถ้ามีลูกหลานที่ช่างพูดช่างคุยอยู่ด้วยจะมีความสุขมากเลยค่ะ เรื่องช่างพูดส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย แต่ก็ไม่แปลกที่เด็กผู้ชายบางคนมีนิสัยช่างพูด เพราะส่วนหนึ่งของการเป็นเด็กช่างพูดเกิดจากสิ่งแวดล้อมและบุคคลที่อยู่รอบตัวเด็ก
3-4 ขวบ เป็นวัยที่เริ่มมีความคิดและเหตุผลเป็นของตนเอง เด็ก ๆ มักจะพูดจะทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก เริ่มด้วยคำปฏิเสธขึ้นต้น "ไม่" "หนูไม่ทำ" "หนูไม่อาบน้ำ" "หนูไม่อยากกิน" หลังจากพูดคำว่าไม่ ภาษาของเด็กจะพัฒนาและเริ่มเรียนรู้มากขึ้น ประกอบกับมีเหตุผลของตนเองเพิ่มมากขึ้น เด็กจึงถ่ายทอดความคิดความต้องการ และความรู้สึกมาเป็นภาษาพูด ถึงตอนนี้การปรับตัวจะมี 2 รูปแบบ คือการพูดแบบมีเสน่ห์ กับ การพูดที่ผู้ใหญ่เรียกว่าเถียง ลูกคงไม่ใช่เด็กดื้อหรอกค่ะ ครูหมูเข้าใจว่าลูกกำลังมีความคิดมีเหตุผล คุณแม่ต้องใจเย็นถ้าลูกเถียงเวลาที่คุณแม่พูดคุยด้วย อย่าดุหรือลงโทษด้วยการตีเพราะลูกยังไม่เข้าใจว่าการพูดต่อปากต่อคำ การพูดปฏิเสธคุณแม่นั้น ทำไมเขาจึงทำไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าลูกเถียงแล้วคุณแม่หัวเราะชอบใจแล้วพูดโต้เถียงกลับ ลูกก็จะคิดว่าเขาสามารถทำพฤติกรรมนี้กับคุณแม่ได้ค่ะ การปรับหรือแก้ไขนิสัย ครูหมูขอแนะนำดังนี้ค่ะ
ลูกเป็นเด็กช่างพูด คุณแม่ควรส่งเสริมจัดหากิจกรรมเกี่ยวกับการพูดให้เด็กได้ทำบ่อย ๆ เช่น ให้ลูกได้พูดเล่าเรื่อง เล่านิทาน ให้คนใกล้ชิดฟัง ลูกจะได้มีโอกาสได้พัฒนาคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่เขาอยากใช้ และถือโอกาสสอนลูกถึงมารยาทในการพูด บอกลูกให้รู้ว่าคำพูดใดที่ไม่ควรใช้กับผู้ใหญ่ การใช้น้ำเสียงพูดกับผู้อื่นอย่างไรจึงจะน่าฟัง
เวลาที่ลูกเถียง คุณแม่ควรหยุดฟัง โดยมีสีหน้าและท่าทางปกติไม่ต่อปากต่อคำกับลูก เพื่อให้ลูกรู้ว่า พฤติกรรมที่ทำอยู่ไม่ควร เมื่อลูกหยุดเถียงจึงบอกวิธีว่าควรพูดอย่างไร
เมื่อใดที่ความคิดของคุณแม่และลูกไม่ตรงกัน ควรใช้วิธีชวนกันพูดคุยให้ลูกได้แสดงความรู้สึกความคิดเห็นอย่างอิสระ และคุณแม่ควรพูดคุยถึงความคิด ความรู้สึกให้ลูกได้รับรู้ด้วย เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก