วัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี ( Momypedia)
วัคซีนแนะนำสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
วัคซีนเสริมสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
การดูแลหลังฉีดวัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
การป้องกันการแพ้วัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
การรับวัคซีนเข้าสู่ร่างกายเป็นวิธีป้องกันโรคที่ได้ผลดีที่สุด ซึ่งก็มีทั้งแบบฉีดและแบบรับประทาน โดยต้องใส่ใจเตรียมตัวและเตรียมลูกให้พร้อมก่อนไปรับวัคซีนทุกครั้ง ด้วยวิธีต่อไปนี้
นำสมุดบันทึกการรับวัคซีนไปด้วยทุกครั้ง และเก็บสมุดเอาไว้จนลูกโต อย่างน้อย 15 ปี เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ว่าลูกเราได้รับวัคซีนตัวไหนไปบ้าง หรือต้องรับวัคซีนตัวไหนเพื่อกระตุ้นเป็นระยะ
ถ้าลูกกำลังไม่สบาย เป็นไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายดี ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าเลื่อนกำหนดไปเล็กน้อยแล้ววัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพหรือต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นแค่หวัดนิดหน่อยก็สามารถรับวัคซีนได้
ถ้าลูกเคยมีประวัติแพ้วัคซีน หรือมีอาการแทรกซ้อนหลังรับวัคซีน ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทุกครั้ง
แม้ลูกจะยังเล็กแต่ควรบอกให้เขารู้ด้วยว่า คุณกำลังจะพาเขาไปที่ไหน ไปทำอะไร เพื่อให้ลูกได้เตรียมพร้อม เรียนรู้ และไม่ตกใจจนเกินไป
คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ด้วยว่าคุณหมอกำลังจะฉีดวัคซีนอะไรให้กับลูก รวมทั้งเฝ้าสังเกตลูกอย่างใกล้ชิดหลังจากรับวัคซีน ว่ามีอาการอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ จากนั้นให้เก็บเป็นข้อมูลเพื่อแจ้งให้คุณหมอทราบเวลามารับวัคซีนครั้งต่อไป
วัคซีนแนะนำสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
อายุการรับวัคซีน | วัคซีนแนะนำโดยกระทรวงสาธารณสุข |
12-18 เดือน | ไข้สมองอักเสบเจอี#1 และ#2 (วัคซีนเชื้อตาย : ห่างกัน 1-4 สัปดาห์) |
18 เดือน | คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดปกติ#4 หยอดโปลิโอ#4 |
2 – 2 ½ ปี | ไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อตาย#3 |
4-6 ปี | คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดปกติ#5 หยอดโปลิโอ#5 หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม#2 |
วัคซีนเสริมสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
อายุการรับวัคซีน | วัคซีนเสริม |
12-18 เดือน | ไข้สมองอักเสบเจอีชนิดวัคซีนเชื้อมีชีวิต#1 และ#2 ห่างกัน 3 เดือน -1 ปี ไอพีดี#4 (ไม่สามารถรวมกับวัคซีนอื่นได้) อีสุกอีใส#1 ตับอักเสบเอ#1 และ #2 (ห่างกัน 6-12 เดือน) |
18 เดือน | คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์ โปลิโอชนิดฉีด ฮิบ#4 |
2 – 2 ½ ปี | ไม่ต้องฉีดไข้สมองอักเสบเจอี#3 หากใช้วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต หากยังไม่ฉีดอีสุกอีใสหรือตับอักเสบเอให้ฉีดได้เลย |
4-6 ปี | คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดชนิดไร้เซลล์สูตรเด็ก โปลิโอชนิดฉีด (หรือคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์สูตรผู้ใหญ่-โปลิโอชนิดฉีด)#5 อีสุกอีใส#2 |
การดูแลหลังฉีดวัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องปกติที่เด็กทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนทางเลือก เพื่อเป็นเกราะป้องกันซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงให้กับลูก แต่การฉีดวัคซีนนั้น อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับลูกบ้าง
เด็กที่มีอาการข้างเคียงเมื่อได้รับวัคซีน อาจไม่ได้มีอาการจากตัววัคซีนโดยตรง เนื่องจากในวัคซีนป้องกันโรค นอกจากจะประกอบด้วยสารที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคแล้ว ยังมีสารอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของวัคซีนด้วย เช่น
อลูมินัม พบในวัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบฮิบ, ไวรัสตับอักเสบเอ และบี
ยีสต์ พบในวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
ไข่ พบในวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
เจลาติน พบในวัคซีนป้องกันสุกใส, หัด หัดเยอรมันและคางทูม
ยาปฏิชีวนะนีโอมัยซิน พบในวัคซีนป้องกันสุกใส, หัด หัดเยอรมันและคางทูม
ดังนั้นถ้าเด็กที่มีอาการแพ้จากสารที่เป็นส่วนประกอบในวัคซีน ก็จะมีอาการข้างเคียงเมื่อได้รับวัคซีนได้
อาการและดูแลลูกหลังฉีดวัคซีน
อาการข้างเคียงของวัคซีนแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไป วัคซีนที่ผลิตจากเชื้อตาย เช่น วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรนและบาดทะยัก อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ภายในวันที่ฉีดวัคซีนและมักมีอาการไม่เกิน 2-3 วัน ส่วนวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อเป็น เช่น วัคซีนป้องกันโรคสุกใสหรือหัด หัดเยอรมันและคางทูม อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ไข้และผื่น ภายหลังฉีด 5-7 วัน นอกจากนี้วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมันและคางทูม ยังอาจทำให้มีอาการปวดข้อภายหลังฉีด 2-4 สัปดาห์ แต่มักพบในผู้ใหญ่มากกว่า
อาการข้างเคียงของวัคซีน
ปวดบวมแดงบริเวณรอยฉีดยา - อาจให้กินยาพาราเซตามอนแก้ปวดและใช้ผ้าเย็นประคบเบาๆ ไม่ต้องนวดคลึงและไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ
ไข้ ร้องกวน กินอาหารน้อยลง คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ มีผื่น ปวดข้อ - ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวลดไข้ อาจให้กินยาพาราเซตามอนแก้ไข้และให้เด็กดื่มน้ำบ่อย ๆ แต่ถ้าคลื่นไส้อาเจียนก็ไม่จำเป็นต้องให้กินยาแก้อาเจียน เพียงให้เด็กค่อย ๆ ดื่มน้ำและกินอาหารอ่อนครั้งละน้อย ๆ ส่วนใหญ่อาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรง มักหายภายใน 2-3 วัน
อย่างไรก็ตามอาการแพ้วัคซีนขั้นรุนแรงโดยมีผื่นลมพิษ, หน้า ปาก มือและเท้าบวม, หายใจหอบ, ความดันโลหิตต่ำและช็อก มีจำนวนไม่มากนัก อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังฉีดวัคซีนไม่กี่นาทีจนถึง 2-3 วัน ต้องนำเด็กไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วนและควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
การป้องกันการแพ้วัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
ทั้งนี้ วัคซีนพื้นฐานและวัคซีนทางเลือก ต่างก็ทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ทั้งนั้น ในกรณีที่มีอาการไม่รุนแรง ยังสามารถให้วัคซีนนั้น ๆ ซ้ำได้ แต่ถ้าลูกมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงมาก ไม่ควรให้วัคซีนนั้น ๆ อีก หากลูกที่มีไข้สูงหรือชักหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดสเต็มเซลล์ ควรให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไม่มีเซลล์ซึ่งมีราคาสูงกว่า
โดยทั่วไปคุณแม่ไม่จำเป็นต้องให้ยาลดไข้กับลูกก่อนฉีดวัคซีน แต่ถ้าลูกเคยชักมาก่อน อาจให้ยาลดไข้ก่อนให้วัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรนและบาดทะยัก ประมาณ 30 นาที รวมทั้งหลังได้วัคซีนแล้ว ก็อาจให้ยาลดไข้ต่อทุก 4-6 ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
ถึงแม้การฉีดวัคซีนในเด็กอาจทำให้มีอาการข้างเคียงบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นอาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ลูกของคุณแม่ยังคงได้รับประโยชน์จากการรับวัคซีนมากกว่าปล่อยให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
แม่และเด็ก การตั้งครรภ์ อาหารเด็ก นิทาน ตั้งชื่อลูก เรื่องน่ารู้คุณแม่ คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก