รับมือ...โรคหน้าร้อน (modernmom)
โดย : mamamia
แสงแดดที่แผดเผาเกือบทั้งวัน บอกให้รู้ว่าเดือนที่ร้อนที่สุดของปีได้มาเยือนอีกครั้ง นอกจากอากาศที่อบอ้าวจนเหงื่อแตกเม็ดแล้ว สิ่งที่ชวนกังวลของคนเป็นแม่คงหนีไม่พ้นเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของลูก..นั่นคือโรคหน้าร้อน
ร้อนอย่างนี้ ระวังให้ดี
เมืองไทยอยู่ในแถบเส้นศูนย์ที่มีอากาศร้อนชื้น ถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียชั้นดี จึงต้องดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวลูกให้ปลอดภัย ทั้งสัตว์เลี้ยงที่พร้อมจะงับลูกได้ในเวลาที่มันหงุดหงิดจากความร้อน สิ่งของ และอาหารการกินที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจบูดเน่าเสียได้ก่อนเวลาเพราะอุณหภูมิสูง
โรคหน้าร้อนดูแลอย่างไร
สำหรับเด็กเล็ก ๆ ด้วยแล้วคุณแม่ไม่ควรไว้วางใจ เพราะหน้าร้อนแบคทีเรียหรือเชื้อโรคบางชนิดนี่แหล่ะที่เหมาะกับการเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคนักเชียว แล้วโรคอะไรบ้างนะที่คุณแม่ควรระวัง มาดูกัน
ท้องเสีย
สาเหตุและอาการ : เกิดจากการรับสารพิษปนเปื้อน (Toxic) สร้างจากแบคทีเรียที่ตกค้างในน้ำดื่มหรืออาหาร ทำให้ลูกถ่ายเหลวเป็นน้ำ มากกว่า 3 ครั้งใน 1 วัน ไม่มีมูกเลือด ไม่มีไข้
การดูแล :
สำหรับลูกเล็กยังให้กินนมแม่ได้ตามปกติ แต่ถ้าถ่ายบ่อยครั้งอาจะป้อนน้ำเกลือแร่ชงดื่มเสริม โดยให้ประมาณ 2-3 ออนซ์ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
หากลูกอายุไม่ถึง 1 ขวบแล้วถ่ายเหลวนานเกิน 6 ชั่วโมงแล้วยังไม่หาย หรือถ่ายเป็นมูกเลือดเพียง 1 ครั้งหรือร้องไห้มากผิดปกติ ริมฝีปากแห้ง ซึม กระหม่อมบุ๋ม ควรรีบไปพบแพทย์
ควรดูแลเรื่องความสะอาด ของใช้ของลูก อุปกรณ์ที่ใช้ชงนม รวมถึงเช็ดความทำสะอาดเต้านม มือ ของคุณแม่ด้วย
ส่วนใหญ่อาการท้องเสียนี้ประมาณ 2-3 วันก็จะหายไปเอง
ผด ผื่น
สาเหตุและอาการ : เกิดจากการระคายเคืองของผิวหนังจากการเปียกชื้น หรือเหงื่อ และขี้ไคลไปอุดตันท่อเหงื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบเป็นผื่นแดงเล็กๆ ตรงกลางมีตุ่มน้ำใสๆ บางทีอาจเห็นเป็นหัว หนองเล็กๆ ได้
การดูแล :
อาบน้ำ หรือเช็ดตัวให้ลูกบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกอยู่ในอากาศร้อนอบอ้าว
สวมเสื้อผ้าที่บาง ๆ ให้ลูก และควรตัดผมของลูกให้สั้นจะได้ไม่อับเหงื่อ
ลดการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพื่อเลี่ยงการอับชื้นที่อาจจะเกิดขึ้น
หากลูกดูไม่สบายตัวเพราะคันมาก อาจจะใช้คาลาไมน์โลชั่นทาบริเวณที่เป็นผื่น
หมายเหตุ : อย่าลืมสังเกตถึงที่มาของผื่นที่ขึ้นด้วยว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด จุดไหน เพราะสาเหตุของผื่นอาจจะมาจากการแพ้อาหารเสริม แมลงสัตว์กัดต่อย ผื่นส่าไข้ หรืออาจเป็นอาการเบื้องต้นของหัด สุกใสได้
ร้อนใน
สาเหตุและอาการ : เป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือมาจากหลายสาเหตุรวมกันมักจะเป็นช่วงที่ภูมิต้านทานร่างกายของลูกอ่อนแอ เช่น เมื่อลูกไม่สบายช่วงอากาศร้อนจัด อาการร้อนในก็มักจะมาพร้อมกันด้วย โดยลูกจะมีแผลเริ่มจากตุ่มเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ กลายเป็นวงและมีขนาดใหญ่ขึ้น ตรงกลางจะมีเยื่อสีขาวแผลเล็ก ๆ มักจะเป็นที่ริมฝีปากด้านใน หรือกระพุ้งแก้มหรือบริเวณลิ้น ร่วมกับมีอาการไข้ต่ำ ๆ ปาก ลิ้น และเหงือกมีสีแดงเข้ม ลูกกินข้าวน้อยลง
การดูแล : จริง ๆ แล้วอาการมักจะหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ลูกน้อยอาจจะเจ็บมาก มีวิธีบรรเทาค่ะ
ใช้ยาป้ายแผลในปาก ประเภทยาสเตียรอยด์ เช่น Kenalog in Orabase หรือ Xylocaine Viscous ป้ายปาก ในปริมาณที่เบาบางมาก ๆ ถ้า 2 วันผ่านไปแล้วแผลไม่ดีขึ้น ควรพาไปหาคุณหมอดีกว่า
หากร้องไห้โยเยมาก ๆ คุณแม่ควรอุ้มกล่อม ระหว่างนี้อาจจะใช้น้ำแข็ง ก้อนเล็ก ๆ ประคบ ที่ปากลูก เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบลงได้บ้าง
ระหว่างวันให้ลูกจิบน้ำบ่อย ๆ
ไข้เลือดออก
สาเหตุและอาการ : เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรคนี้มาสู่คน หากได้รับเชื้อเข้าไป ลูกจะมีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้อง และมีจุดเลือดแดงใต้ผิวหนังขึ้นกระจายอยู่ทั่วร่างกาย หากทิ้งไว้อาจจทำให้ช็อคเพราะระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว และอาจเสียชีวิตในที่สุด
การดูแล :
เมื่อลูกมีไข้ควรดูแลใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา เช็ดตัวเพื่อลดไข้ลูกก่อน และให้ลูกดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อช่วยลดไข้ และช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
หากลูกมีไข้ติดต่อกันหลายวัน และสังเกตว่าซึม ปวดท้อง อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์
ระวังการใช้ยาลดไข้กลุ่มแอสไพริน เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
หลากโรคหน้าร้อน แค่คุณแม่ตั้งรับอย่างถูกวิธีก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
หลากเทคนิคดูแลลูกหน้าร้อน
ก่อนอุ้มหรือสัมผัสตัวเบบี๋ที่ยังเล็ก ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เพราะเด็กมีภูมิต้านทานต่ำ
หลีกเลี่ยงการให้ลูกเล่นของเล่นสาธารณะ เนื่องจากเป็นแหล่งเชื้อโรคอย่างแบคทีเรีย และไวรัสหลายชนิด
ระวังไม่ให้ลูกอยู่ในสภาพอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เช่น เพิ่งกลับจากนอกบ้านที่อากาศร้อนๆ แล้วเข้าบ้านมาเปิดแอร์ทันที เพราะจะทำให้ลูกเป็นไข้ได้
สวมเสื้อผ้าลูกให้เหมาะกับอากาศ และสถานที่ที่จะไป
ทำความสะอาดของใช้ลูกเป็นประจำ เช่น ผ้าห่ม ของเล่นผ้า ส่วนพี่(ตุ๊กตา)เน่า หรือหมอนเหม็น ถ้าลูกเผลอจะแอบเอาไปซักก็ได้ ไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก