เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เวลาลูกร้องไห้งอแงไม่หยุด จะปลอบหรือจะปรามก็ยังไม่หาย คงทำให้พ่อแม่หงุดหงิดใจไม่น้อย แต่เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากลงไม้ลงมือตีแกสักเท่าไร หลายคนจึงเลือกใช้วิธี ไทม์เอาท์ หรือวิธีการแยกให้เขาไปนั่งสงบสติอารมณ์ตามลำพังเป็นการลงโทษเขาแทน เพราะคิดว่าวิธีนี้ดูจะเหมาะกับเด็กที่สุด แถมไม่ต้องลงไม้ลงมือให้เจ็บตัวกันอีกต่างหาก แต่วันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลดี ๆ มาให้ได้ทบทวนกัน ว่าการลงโทษด้วยวิธีนี้ดีจริง ๆ หรือ ?
ลูกอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้น
ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนย่อมไม่อยากอยู่ตัวคนเดียว ยิ่งเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ด้วยแล้ว การได้อยู่ใกล้พ่อแม่หรือพี่เลี้ยง เป็นสิ่งที่จะทำให้เขาอุ่นใจมากที่สุด ดังนั้นการลงโทษเขาด้วยวิธีนี้ จะทำให้เขารู้สึกแย่ที่ต้องโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว และอาจจะยิ่งทำให้พฤติกรรมเขาก้าวร้าวขึ้น จากความโกรธที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกด้วยค่ะ
ลูกอาจไม่เชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไป
เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่าไปคาดหวังว่าการปล่อยให้เขานั่งเงียบ ๆ เพียงลำพังจะทำให้เขาสงบสติอารมณ์ด้วยตัวเองได้ เพราะในเวลาที่เด็ก ๆ กำลังมีอารมณ์เกรี้ยวกราดเช่นนี้ เขาต้องการพ่อแม่มาปลอบให้อารมณ์เขาสงบลงต่างหาก การทิ้งให้เขาอยู่ลำพังคนเดียวก็ไม่ต่างอะไรจากการบอกให้เขารับรู้ว่า พ่อแม่ทนพฤติกรรมเกรี้ยวกราดของเขาไม่ได้ และอยากให้เขาจัดการกับอารมณ์แย่ ๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง และยังเป็นการแสดงด้วยว่า พ่อและแม่ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะรับมือกับอารมณ์ของเขาได้ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เมื่อโตขึ้น เขาอาจจะไม่เชื่อฟังพ่อแม่อีกเลยก็ได้ค่ะ
เพิ่มความตึงเครียดในครอบครัว
เด็กที่โดนทำโทษด้วยวิธีนี้จะเกิดความเครียด และถ้าโดนทำโทษในลักษณะเช่นนี้บ่อย ๆ เด็กจะคิดว่าไม่มีใครสนใจและรักเขา ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เขามีพฤติกรรมแปลกแยก และก้าวร้าว นอกจากนี้อาจจะทำให้เขาไม่ไว้ใจพ่อแม่อีกต่อไป
แล้วควรลงโทษด้วยวิธีไหนดี ?
เมื่อลูกทำผิด สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรจะทำก็คือการอธิบายถึงเหตุผล ว่าความผิดที่เขาทำนั้นคืออะไร แล้วทำไมถึงต้องโดนลงโทษ เพราะฉะนั้นพูดกับเค้าดี ๆ โดยไม่มีอารมณ์โกรธมาเกี่ยวข้อง จะทำให้เด็ก ๆ สนใจฟังมากขึ้น และยอมรับเหตุผลที่พ่อแม่พูดมาได้อย่างไม่ขัดขืนหรือต่อต้านเลยค่ะ
ไม่ว่าจะลงโทษลูกด้วยวิธีไหน ก็อยากให้พ่อและแม่ลงโทษเขาด้วยความรักมากกว่าความโกรธ เพราะลองคิดตามหลักความจริงแล้ว ถ้ามีใครมาทำโทษเราด้วยอารมณ์ เราก็คงไม่เชื่อฟังและต่อต้านเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ น่าจะเป็นการลงโทษที่ได้ผลที่สุดนะคะ