
ลูกเป็นคนอ่อนไหวง่าย ! (รักลูก)
โดย อ.รุ่งรวี กนกวิบูลย์ศรี
Q : ลูกสาวอายุ 4 ขวบ เป็นเด็กอ่อนไหวมาก มักจะเสียใจกับอะไรง่าย ๆ เช่น สุนัขที่บ้านตาย ก็ร้องไห้ และเสียใจอยู่นานจนไม่ยอมไปโรงเรียน ตอนอยู่ที่โรงเรียน คุณครูก็เคยเล่าให้ฟังว่าลูกงอนง่าย โกรธง่าย เพียงแค่คุณครูตำหนินิดเดียว หรือเพื่อนพูดเล่นด้วย เขาก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ยอมพูดกับคนนั้นเลย กลุ้มใจมากค่ะ ดิฉันควรทำอย่างไรดี ให้ลูกมีจิตใจที่เข้มแข็ง และอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ อย่างเข้าใจค่ะ
คุณน้ำหนึ่ง / จ.แพร่
A : ถ้านึกถึงวัยเด็กเล็ก ๆ ผู้ใหญ่มักจะคิดถึงความสดใส ร่าเริง เป็นวัยแห่งความสุข วัยที่รู้สึกอย่างไร อารมณ์ที่แสดงออกจะตรงกับความรู้สึก ซึ่งเด็กในวัยนี้จะยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือความรู้สึกได้มากนัก ยังต้องมีการทำความเข้าใจเรื่องเหตุผลว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำครูหมูคิดว่าอารมณ์ของเด็กสามารถปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะของการอบรมเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเด็กได้ค่ะ
มีหลายสาเหตุที่ทำให้อารมณ์ของเด็กแตกต่างกันไป ครูหมูขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ดังนี้นะคะ มีคุณแม่หลายคนบอกว่าตอนที่ตั้งครรภ์มักมีอารมณ์หงุดหงิด ใจน้อย วิตกกังวลสูง เมื่อลูกเกิดมามีอารมณ์เหมือนคุณแม่ขณะตั้งครรภ์เลยค่ะ ไม่รู้ว่าถ่ายทอดกันมาได้อย่างไร
อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากการอบรมเลี้ยงดูแบบประคบประหงมแบบไข่ในหินไม่เคยให้เด็กผจญกับปัญหาและแก้ปัญหาด้วยตัวของเด็กเอง ไม่เคยถูกดุ แม้จะทำอะไรผิด เด็กก็อาจจะกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตนเอง ขี้งอนหรือมีความอ่อนไหวง่ายเหมือนกัน มีน้องอีกคนหนึ่งค่ะ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูแบบปกติไม่ได้ตามใจโชคร้ายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้เหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่น้องยังตกใจกับอุบัติเหตุครั้งนั้น กลายเป็นเด็กที่อ่อนไหวง่ายเสียใจง่าย
ดังนั้น ครูหมูจึงคิดว่าพัฒนาการของเด็กแต่ละด้านมีส่วนสัมพันธ์กัน เช่น ร่างกายที่เจ็บป่วยย่อมส่งผลต่ออารมณ์ของเด็ก เช่น น้องแพร เป็นเด็กที่ครูหมูเคยเจอเมื่อน้องเล็ก ๆ เกือบทุกวัน น้องแพรจะฟ้องคุณครูบ่อยครั้งว่าเพื่อนไม่รัก บางทีก็งอนไม่เล่นกับเพื่อน คุณแม่ก็เล่าให้คุณครูฟังว่าน้องแพรจะร้องไห้บ่อยมากถูกดุก็โกรธไม่กินข้าวได้ทั้งวัน กรณีตัวอย่างที่ครูหมูเล่าให้ฟังจะเห็นว่าอารมณ์ความรู้สึกของเด็ก ๆ นั้นมีผลมาจากหลายสาเหตุที่ต่างกันออกไปนะคะ
ในกรณีของลูกคุณแม่ ครูหมูแนะนำให้ลองปรับเรื่องวิธีการอบรมเลี้ยงดูค่ะ






เราต้องสร้างต้นทุนของอารมณ์ให้มีความเข้มแข็งตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อลูกจะได้มีภูมิคุ้มกันเมื่อเขาเติบโตขึ้นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 30 ฉบับที่ 356 กันยายน 2555