อิทธิพลของพ่อต่อลูกสาว (Mother & Care)
เรื่อง นพ.จอม ชุมช่วย
เป็นที่รู้กันดีว่าแม่มีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดูลูกเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลยทีเดียว แม่ลูกมีการพัฒนาความสัมพันธ์ ความผูกพัน ซึ่งนับเป็นรากฐานสำคัญของความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยและความรู้สึกมีคุณค่าในเด็กทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย และเป็นที่ยอมรับกันว่าพ่อมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นแบบอย่างแก่ลูกชาย ลูกชายมักซึมซับ คุณลักษณะหรือค่านิยมหลายอย่างจากพ่อของตนเอง พ่อหลายคนรู้สึกสะดวกใจและสัมพันธ์กับลูกชายได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่กับลูกสาวพ่ออาจรู้สึกเคอะเขินไม่แน่ใจหรือไม่คิดว่าตนมีความสำคัญต่อลูกสาวเท่าแม่ ในหลายครอบครัวพ่อกับลูกสาวจึงมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินและไม่แน่นแฟ้นนักซึ่งน่าเสียดาย
จากงานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า พ่อและลูกสาวที่มีความสัมพันธ์อันดีและมีปฏิสัมพันธ์แสดงความรักอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์ที่ดีนี้จะส่งผลต่อลูกสาวดังนี้
มีความสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาสูง
รู้สึกดีต่อตนเอง
รู้จักยืนหยัดโดยไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว
รู้สึกมั่นใจในความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับเพศตรงข้าม
มีความมั่นใจในตนเองและโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต
เพราะอะไรพ่อถึงมีอิทธิพลต่อลูกสาวสูงเช่นนี้
จากงานวิจัยทางสมองและจิตวิทยาพบว่า เด็กหญิงและเด็กชายมีสมองที่ทำงานต่างกัน เด็กหญิงส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะกลัว กังวล ไม่กล้าเสี่ยง ระแวดระวังและช่างพูดมากกว่าเด็กชาย ขณะที่เด็กชายมีแนวโน้มกล้าเสี่ยง หุนหัน และก้าวร้าวกว่าเด็กหญิง และลักษณะความแตกต่างเช่นนี้ก็ยังคงอยู่เมื่อเป็นผู้ใหญ่ พ่อซึ่งเป็นผู้ชายก็มีแนวโน้มที่จะเล่นแผลง ๆ ชอบเสี่ยง ลงมือทำไม่พูดมาก พ่อมีแนวโน้มที่จะชวนลูกเล่นในกิจกรรมที่ท้าทาย
ในขณะที่แม่จะพูดชื่นชมลูกยืดยาวและมากมาย แต่พ่ออาจชมสั้น ๆ นาน ๆ ครั้ง แต่กลับมีอิทธิพลต่อลูกมากกว่า มีงานวิจัยอีกเช่นกันพบว่า เด็กที่ทำกิจกรรมเสี่ยงมีแนวโน้มมีความมั่นใจมากกว่าเด็กที่ไม่ทำกิจกรรม เหล่านั้นซึ่งกิจกรรมผาดโผนหรือเสี่ยง ๆ เด็กมักทำกับพ่อมากกว่าแม่ และพ่อก็มักยินดีที่จะทำมากกว่าแม่เช่นกัน นอกจากเหตุผลเหล่านี้แล้ว โดยทั่วไปการที่เด็กมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อเพิ่มเติมจากแม่ย่อมช่วยสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจให้ลูกทุกคนไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
พ่อสามารถสร้างความแข็งแกร่งกับลูกสาวได้อย่างไร
มีส่วนร่วมตั้งแต่เกิด ตั้งแต่วันแรกที่ลูกเกิด พ่อควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกอย่าง ยิ่งพ่อมีเวลากับลูกมากจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นแข็งแกร่งขึ้นและง่ายขึ้นสำหรับพ่อในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกเมื่อโตขึ้น
สอนสิ่งใหม่ ๆ กับลูก ทักษะใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว กีฬา งานช่างต่าง ๆ บางคนอาจคิดว่าเป็นงานผู้ชาย แต่หากลูกสาวสามารถทำได้เขาจะรู้สึกมั่นใจในตนเองมากขึ้น หากมีโอกาสพ่อควรสอนทักษะใหม่ ๆ เหล่านี้กับลูก เช่น ขี่จักรยาน, เล่นกีฬา, ล้างรถ, ซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น
ฟังลูก ลูกสาวมักมีพัฒนาการทางภาษาดีกว่า ลูกชาย ลูกสาวมักช่างพูด มักจะเล่าเรื่องเมื่อมีปัญหาพ่อควรรู้จักหยุดยั้งตนเองเพราะพ่อมักเร่งที่จะแก้ไขปัญหา บ่อยครั้งที่ลูกเพียงต้องการคนรับฟัง เข้าใจ ยอมรับ และอยู่เคียงข้างเขา เมื่อลูกโตขึ้นพ่อก็ควรเรียนรู้ที่จะเคารพสิทธิส่วนตัวของลูก ไม่เอาความลับที่เป็นส่วนตัวของลูกมาพูดเล่น หรือทำเป็นเรื่องตลก
มีเวลาสนุกกับลูก โดยทำกิจกรรมร่วมกัน แบ่งปันความสุขสนุกสนานซึ่งกันและกัน ในเด็กเล็กพ่ออาจเตะฟุตบอลกับลูกที่สนามในบ้าน ชวนไปขี่จักรยานที่สวนรถไฟ หรืออาจนั่งต่อเลโก้ด้วยกัน ร่วมเล่นจินตนาการต่าง ๆ กับลูก และหากมีโอกาสควรชวนลูกทำกิจกรรมโลดโผน เสี่ยงแต่ปลอดภัยด้วย เช่น ปีนต้นไม้, ปีนเขา, ไต่หน้าผา, เดินป่า, พายเรือ, กระโดดหอ เป็นต้น พ่อควรให้กำลังใจหรืออาจทำไปด้วยกันก็ได้
เขียนบันทึกหรือโน้ตถึงลูก ลูกสาวมักชอบทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับภาษาการเขียนบอกความรู้สึกกับโอกาสพิเศษต่าง ๆ หรือเมื่อเขาทำบางอย่างที่พิเศษ น่าภาคภูมิใจ การเขียนบอกเช่นนี้มีความหมายสำหรับลูกและเป็นการบอกให้ลูกรับรู้ว่าพ่อรักลูก
เป็นตัวอย่างของการเป็นสุภาพบุรุษ ลูกสาวจะรับรู้การปฏิบัติของพ่อต่อแม่หรือผู้หญิงอื่น ๆ รอบตัว ซึ่งมีอิทธิพลต่อมุมมองหรือความคาดหวังที่ลูกจะมีต่อผู้ชายของตนเองในอนาคต
พ่อมีความสำคัญต่อลูกสาวมากในการพัฒนาความรู้สึกดีของตนเอง ความมั่นใจในตนเอง และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ พ่อควรภูมิใจที่มีความสำคัญต่อตัวตนของลูก หากพ่อคนใดยังไม่ทำหน้าที่เท่าที่ควร เพราะนึกว่าตนเองไม่สำคัญเท่าแม่โปรดเปลี่ยนความคิด สละเวลาและพลังงาน ชวนลูกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกสาวนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.8 No.89 พฤษภาคม 2555