เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ความปลอดภัยของลูก ๆ นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนใส่ใจเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเวลาที่ลูกเจ็บตัวหรือเสียใจนั้น พ่อแม่ก็มักจะเป็นคนที่เจ็บปวดมากกว่าเสมอ แต่ถึงอย่างนั้น ก็อาจมีบางสิ่งที่เราเผลอมองข้าม จนเป็นอันตรายกับลูก ๆ โดยไม่ทันระวังได้
ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำ 7 เคล็ดลับเพื่อลดการเกิดอันตรายกับลูก ๆ มาฝาก เพื่อเอาใจคนเป็นพ่อเป็นแม่โดยเฉพาะ จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปอ่านกันดูเลยค่ะ
1. บุผนังนิ่ม ๆ เพื่อให้ลูกได้เล่นอย่างเต็มที่
การให้ลูกได้คลานไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยฝึกให้เขาเป็นคนกระตือรือร้นช่างสังเกตมากขึ้นตั้งแต่ยังเล็ก อย่างไรก็ตาม เราควรดูแลความปลอดภัยของลูก ๆ ไม่ให้มือถูกบาดจากรอยผุของกำแพง หรือพลาดท่าไปกระแทกเข้ากับผนังจนเจ็บตัวได้ ด้วยการบุผนังห้องของลูก ๆ ด้วยแผ่นบุผนังนิ่ม ๆ เพื่อให้เขาได้เล่นอย่างเต็มที่ และควรเลือกแผ่นบุผนังที่มีสภาพแข็งแรงหน่อย เพื่อไม่ให้เด็กฉีกทึ้งเอาใยสังเคราะห์เข้าไปทานโดยที่คุณไม่รู้
2. เลือกของเล่นให้เหมาะกับวัย
ของเล่นบางชิ้นก็ไม่เหมาะกับเด็กเล็ก ๆ นัก เช่น บ้านตุ๊กตาของเด็กผู้หญิง ที่ประกอบด้วยของใช้จุกจิกขนาดเล็กมากมาย ซึ่งเด็กที่ยังเล็กอาจไม่เข้าใจ และเอาเข้าไปอมเล่นจนติดคอได้ ดังนั้น ควรเลือกของเล่นที่เขาสามารถเล่นได้เหมาะสมกับวัย โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ด้วยการอ่านฉลากข้างกล่องที่แนะนำอายุที่เหมาะกับการเล่นเอาไว้ เขาจะได้เรียนรู้จากการเล่นได้โดยไม่อันตราย
3. พยายามอย่าเปิดล็อคให้เขาเห็น
เด็ก ๆ นั้นเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็วกว่าที่เราคาดคิดไว้มากนัก เพราะฉะนั้น พยายามอย่าเปิดล็อคสิ่งต่าง ๆ หรือใช้อุปกรณ์อันตรายที่เขาอาจเลียนแบบได้ เช่น กรรไกรตัดเล็บ กุญแจไขตู้เก็บของ ไฟแช็ก หรือเครื่องมืองานช่างต่าง ๆ ต่อหน้าเขาเด็ดขาด นอกจากนี้ ควรเก็บของเหล่านี้ให้ห่างจากตัวเด็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเองด้วย
4. อย่าหลอกเขาว่า "ยาเป็นขนม"
เข้าใจดีว่าพ่อแม่หลายคนอาจพยายามหลอกล่อให้ลูกยอมทานยา ด้วยการบอกว่ายาเหล่านั้นเป็นขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ เพื่อให้เขายอมกิน แต่การทำเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อลูกของคุณได้โดยไม่รู้ตัว เพราะอาจทำให้เขาแอบเอายามากินเกินขนาดโดยที่คุณไม่รู้ ฉะนั้น ไม่ควรบอกเขาว่ายาเป็นขนม และควรเอายาเก็บในตู้ยาที่ล็อคเอาไว้ให้ด้วย
5. วางของของสัตว์เลี้ยงไว้ให้ห่างจากเด็ก
เด็กเล็ก ๆ ยังไม่สามารถแยกได้ว่า ของสิ่งไหนเป็นของสัตว์เลี้ยง และสิ่งไหนเป็นของเขา เพราะฉะนั้น หากคุณวางอาหารและน้ำของสุนัขไว้ใกล้ ๆ เขาก็อาจเข้าใจผิดและนำไปทานได้ เช่นเดียวกับของเล่นของสุนัข ที่เด็กก็อาจนำไปเล่น หรือเอาเข้าปากได้เช่นกัน และคุณคงไม่อยากให้ลูก ๆ กับสัตว์เลี้ยงของคุณใช้ของต่าง ๆ ร่วมกันจนติดโรคแน่นอน ดังนั้น ไม่ควรวางของสัตว์เลี้ยงไว้ในระยะที่เด็กสามารถคลานไปหยิบมาเล่นได้
6. หมั่นพาเขาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ
คุณควรพาเขาไปตรวจสุขภาพให้สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดโรคที่ไม่สามารถรักษาได้จนต้องมาเสียใจกันในภายหลัง เพราะโรคบางโรคนั้น สามารถรักษาได้ต่อเมื่อพบอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ สมัยยังเด็กเท่านั้น เช่นโรคฉี่หอมเป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรพาลูก ๆ ไปตรวจร่างกายเป็นประจำ นอกจากนี้ หากเด็กแสดงอาการผิดสังเกต เช่น ท้องร่วง หรือเบื่ออาหาร ก็ควรพาไปพบแพทย์ทันที
7. ตรวจตามพื้นห้องบ่อย ๆ
ในบริเวณพื้นห้องที่ลูกคุณเล่น อาจมีเศษของเล็ก ๆ ตกอยู่ เช่น กระดุม เศษขนมที่ทานเหลือ หรือ ของมีคมเล็ก ๆ ที่หากไม่สังเกตให้ดี ก็อาจมองผ่านไปได้โดยไม่รู้ตัว คุณจึงต้องหมั่นสังเกตและทำความสะอาดพื้นห้องบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ลูก ๆ นำของเหล่านี้มาทำอันตรายตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากดูแลเขาให้ปลอดภัยแล้ว ก็ควรให้ความรักความเอาใจใส่เขาในทุก ๆ วันด้วย เพื่อให้ลูกของคุณเติบโตขึ้นมาอย่างอบอุ่นจากความรักของพ่อแม่นะคะ