
ลูกน้ำเหลืองไม่ดีหรือเปล่า ? (รักลูก)
โดย: เกตน์สิรี
การที่ลูกมีแผลพุพอง เป็นหนอง หรือ มีตุ่มน้ำใส ตามแข้งขา มักทำให้คุณพ่อ คุณแม่เข้าใจผิดคิดว่าเกิดจากน้ำเหลืองไม่ดี ทั้งที่จริงแล้ว น้ำเหลือง...ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นแผลนี้เลย
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ลูกเป็นแผลแบบนี้...?
รศ.นพ.มนตรี อุดมเพทายกุล แพทย์โรคผิวหนัง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร(มศว.) มีคำตอบให้ค่ะ

A : จริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ แผลพุพอง เป็นหนอง หรือเป็นตุ่มน้ำใส ในเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ เกิดจากผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ภาษาอังกฤษเรียกว่าโรค atopic dermatitis ซึ่งมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม จะทำให้เด็กกลุ่มนี้มีผิวหนังที่แพ้ง่ายมากกว่าเด็กทั่ว ๆไป เช่น แพ้สารสูดดมที่มาจากละอองเกสร ฝุ่น เชื้อรา แมลงสาบ ในเด็กกลุ่มนี้มักจะมีผิวแห้ง เมื่อมีสารก่อภูมิแพ้ สาระคายเคืองเข้ามาสัมผัสผิว หรือ ถูกแมลงกัด เช่น ยุง ริ้น ไร มด เห็บ หมัดหมา หมัดแมว สัตว์เหล่านี้ก็จะปล่อยสารบางอย่างลงไป เมื่อเกาก็จะเกิดการอักเสบพุพองและเปิดช่องทางให้ติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ และกลายเป็นหนองตามมาได้ครับ
เมื่อมีอาการเหล่านี้ แล้วเด็ก ๆ เกา จะเกิดการอักเสบ กลายเป็นตุ่มใสและถ้ามีการติดเชื้อก็จะเป็นตุ่มหนองที่ผิวพอตุ่มเหล่านี้แตก ก็จะทำให้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาที่ผิวหนัง ทำให้พ่อแม่หรือคนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่า เกิดจากน้ำเหลืองไม่ดีนั่นเองครับ

A : สังเกตได้ง่าย ๆ ถ้ามีอาการแพ้ จะเกิดเป็นตุ่ม น้ำใส แต่ถ้าติดเชื้อจะเกิดการอักเสบเป็นแผล พุพอง หรือเป็นหนอง ซึ่งเด็กบางคนเมื่อโดนแมลงกัดก็อาจแพ้เพียงอย่างเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจจะทั้งแพ้และติดเชื้อร่วมด้วยก็ได้ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน เชื้อแบคทีเรียจะเติบโตเร็ว และแพร่กระจายได้มาก ทำให้เด็กอาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

A : น้ำเหลือง คือระบบอย่างหนึ่งของร่างกาย ที่ประกอบไปด้วยท่อน้ำเหลืองและต่อมน้ำเหลือง ซึ่งจะอยู่คู่ขนานไปกับเส้นเลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงผิวหนัง มีหน้าที่คอยลำเลียงสารต่าง ๆ ให้กลับเข้าสู่หลอดเลือด โดยเฉพาะสารพวกไขมันที่ดูดซึมจากลำไส้เล็ก ระบบน้ำเหลืองจะมีปฏิกิริยาเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ร่างกายตอบสนองต่อการแพ้ การอักเสบ หรือการติดเชื้อ การเกิดเป็นตุ่มน้ำใส หรือเป็นหนองขึ้นที่ผิวหนังก็เป็นการตอบสนองวิธีหนึ่งของผิวหนังต่อสิ่งที่กระตุ้นดังกล่าว

A :การที่เด็กเป็นแผลพุพอง เป็นหนอง จะส่งผลกระทบทั้งต่อตัวเด็กและพ่อแม่ คือ ผลกระทบต่อเด็ก ทำให้เด็กหงุดหงิดจากอาการคัน และเจ็บแผล ซึ่งหากติดเชื้อในชั้นลึกลงไป อาจจะลุกลามไปถึงชั้นผิวหนังแท้ จนเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น ยิ่งหากเด็กมีภูมิต้านทานไม่ดี เชื้อโรคจะสามารถเข้าสู่กระแสเลือด มีไข้ และอาจจะทำให้เด็กเสียชีวิตได้ ดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรักษาแต่เนิ่น ๆ ซึ่งแม้ว่าจะรักษาแผลให้หายแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป 8-10 ปี เชื้อสเตร็ปโตคอคคัสบางสายพันธุ์สามารถทำให้เกิดการอักเสบต่ออวัยวะอื่น ๆ ได้ เช่น ไต ที่แม้จะพบได้น้อย แต่ถ้ารักษาเพื่อป้องกันผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาวด้วยจะดีกว่าครับ ผลกระทบต่อพ่อแม่ คือ กลัวว่าลูกจะมีแผลเป็น ขาไม่สวย หรือเกรงว่าคนอื่นจะมองว่าเราปล่อยปละละเลย ดูแลลูกไม่ดี จนลูกเป็นแผลพุพองได้ขนาดนี้ นั่นเอง
ผิวขาดน้ำหล่อเลี้ยง
หมายถึง ผิวที่เกิดจากการขาดไขมันโดยเฉพาะไขมัน ceramide (เซรามายด์ )ซึ่งปกติไขมันตัวนี้สร้างจากเซลล์ผิวหนังและจะเคลือบอยู่ที่ใต้ผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออก ดังนั้นเมื่อผิวขาดไขมัน ก็จะทำให้น้ำระเหยออกจากผิวหนังได้มากกว่าปกติ หรือผิวขาดโปรตีนที่เรียกว่า natural moisturizing factor ที่มีบทบาทดูดน้ำในอากาศเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นนอก ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือสองสิ่งดังกล่าวข้างต้นจะส่งผลให้ผิวแห้งตามมานั่นเอง

A : การบรรเทาอาการคัน สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี อาจจะใช้ยาสเตียรอยด์อ่อน ๆ และก่อนซื้อต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร โดยทั่วไปใช้ยาประมาณไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็จะหาย หรือจะรักษาด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น ใบพลู ใบตำลึงตำเอาน้ำมาผสมกับปูนแดง หรือที่ทำเป็นรูปครีมก็มีให้เลือกใช้ นอกจากนี้ ขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของ Dexpanthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 หรือ PEA ก็ใช้ได้ครับ
ถ้าเป็นเด็กโตหน่อย 5-6 ปี ควรใช้ยาสเตียรอยด์ความแรงขนาดกลางหรืออ่อนก็ได้ ยาหม่องหรือแซมบัคก็ช่วยลดการอักเสบได้เช่นกัน แต่อาจเกิดการระคายเคืองจากตัวยาได้ ทาให้ลูกประมาณ 2-3 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นหรือถ้ามีแผล พุพอง เป็นหนอง ควรพาลูกไปพบแพทย์ครับ
ดูแลไม่ให้เป็นซ้ำ...


ดูแลไม่ให้เป็นแผลเป็น...
การดูแลผิวบอบบางของลูกไม่ให้เกิดแผลเป็นนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอ เพื่อรับยาลบรอยแผลเป็นได้ครับ ซึ่งในเด็กที่มีผิวขาว จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ก็จะหาย ส่วนเด็กที่มีผิวสีเข้ม จะมีเม็ดสีมากกว่า จึงต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน
คุณพ่อคุณแม่คงเข้าใจถูกต้องแล้วกับเรื่องแผลพุพองทั้งหลาย ว่าไม่ใช่เพราะน้ำเหลืองไม่ดี แต่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถป้องกันให้ลูกรักได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
