โรคไข้สมองอักเสบเจอี มันมาพร้อมหน้าฝน !

โรคไข้สมองอักเสบเจอี

          โรคไข้สมองอักเสบเจอี มีพาหะสำคัญคือ ยุงรำคาญ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และระบาดในช่วงฤดูฝน เกิดได้ทุกเพศทุกวัย พบมากที่สุดในเด็กช่วงอายุ 5 - 9 ขวบ วันนี้กระปุกดอทคอมมีเกร็ดความรู้เรื่อง โรคไข้สมองอักเสบเจอี มาฝากกัน และเพื่อความปลอดภัยควรพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนในเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ขวบ ขึ้นไป อ่านวิธีป้องกันเบื้องต้นจากนิตยสารบันทึกคุณแม่ กันเลยค่ะ ...

          จะว่าไปเผลอแป๊ปเดียวก็เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนหน้าที่บ่นว่าร้อน ๆ ตอนนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับสวยเผ่นแล้วสินะ !!! ความพร้อมอย่างแรก ต้องบอกว่าอย่าลืมพกร่ม หรือชุดกันฝนเวลาออกจากบ้าน เพราะอากาศบ้านเราเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ร่างกายก็จะกลายเป็น 3 วันดี 4 วันไข้ อย่าว่าแต่เด็ก ๆ จะเจ็บป่วยได้ง่ายเลย ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ เองก็เจ็บป่วยได้ง่ายไม่ต่างกัน

          โดยเฉพาะ "โรคไข้สมองอักเสบเจอี" ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Japanese encephalitis (JE) เนื่องจากพบการระบาดครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันได้พบโรคนี้ในประเทศแถบเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และตอนบนของทวีปออสเตรเลีย ส่วนประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาค แต่จะพบมากที่สุดคือ ภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ที่การเลี้ยงสัตว์ตามไร่นาที่มีการเลี้ยงสุกร

          สุกรเป็นรังของโรคไข้สมองอักเสบเจอี ซึ่งจะระบาดในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน และยังเป็นที่มีเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี

          "โรคไข้สมองอักเสบเจอี" เกิดได้ทุกเพศทุกวัย และพบมากที่สุดในเด็กช่วงอายุ 5 - 9 ขวบ เป็นโรคที่มียุงรำคาญเป็นพาหะ และสุกรเป็นรังโรค เมื่อยุงไปกัดสุกรที่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ไวรัสจะเพิ่มจำนวนในต่อมน้ำลายยุง และถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดขณะกัดคน ต่อมาเมื่อยุงไปกัดคนที่ไม่มีภูมิต้านทานโรค เชื้อไวรัสตัวนี้จะเข้าสู่ร่างกาย โดยการระบาดของโรคมักเกิดกับสุกรก่อนที่จะมาสู่คน ซึ่งเชื้อเจอียังอาศัยอยู่ในสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง เช่น แพะ แกะ ลา หนู นก ค้างคาว ไก่ เป็ด เป็นต้น โดยไม่ทำให้สัตว์มีอาการผิดปกติ และมีระยะฟักตัว 1-2 สัปดาห์หลังถูกยุงกัด

          อาการของโรค... เมื่อได้รับเชื้อจะไม่แสดงอาการใด ๆ มีเพียง 1 ใน 300 คนเท่านั้นที่จะแสดงอาการ และหากมีอาการทางสมองแล้วจะมีโอกาสเสียชีวิต 10-20% หรือถ้าไม่เสียชีวิต เมื่อหายแล้ว 60% จะมีอาการทางสมอง และระบบประสาท เช่น อัมพาต ความจำเสื่อม โรคนี้รุนแรงที่สุดในบรรดาโรคไข้สมองอักเสบ ที่เกิดจากไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ เพราะไม่มียารักษา แต่ป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน

          โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย และคอแข็ง ปวดศีรษะมากขึ้น คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ตาพร่า กล้ามเนื้อกระดูก เป็นบางส่วน มือเท้าเกร็ง บางรายเป็นอัมพาตที่กล้ามเนื้อลูกตา หรือกล้ามเนื้อแขนขา ซึมในระยะ 24 - 48  ชั่วโมง ในรายที่เป็นรุนแรงจะไม่รู้สึกตัว และทำให้เสียชีวิตได้ ในระยะ 4 - 7 สัปดาห์ ในส่วนของการรักษาแพทย์จะรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้ยาลดไข้ ให้อาหารทางสายยาง ให้ยากันชัก ผลของการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

          สิ่งสำคัญ และจำเป็นที่สุดสำหรับ "โรคไข้สมองอักเสบเจอี" จึงเป็นเรื่องการป้องกันไม่ให้ยุงกัด เลี่ยงในการสัมผัสกับโรค กำจัดยุง และแหล่งเพาะพันธุ์ยุงภายในบ้าน และบริเวณรอบบ้านให้หมดไป ตลอดจนหากต้องเดินทางไปพักค้างคืนนอกบ้านด้วยแล้วล่ะก็ ต้องเตรียมยากันยุงกัด รวมถึงไม่ควรนอนพักใกล้แหล่งรังโรค อย่างเช่นมีการเลี้ยงสุกรใกล้ ๆ ด้วย

          โรคไข้สมองอักเสเจอี เป็นโรคที่รักษายาก หรืออีกนัยหนึ่งคือเมื่อรักษาโรคหายแล้ว ใช่ว่าผลกระทบของอาการโรคที่เกิดขึ้นจะหมดตามไปด้วย เพราะในบางรายเมื่อหายจากโรคนี้แล้ว 60% จะมีอาการทางสมอง และระบบประสาท เช่น อัมพาต ความจำเสื่อม ดังนั้นพ่อแม่นอกจากจะระมัดระวังลูกน้อยเป็นอย่างดีแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังในส่วนของตนเองด้วย เบื้องต้นควรพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนในเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ขวบ และฉีดวัคซีนสำหรับผู้ต้องเดินทางไปในพื้นที่ระบาดตั้งแต่ 30 วันขึ้นไปด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้เป็นดีที่สุดนะคะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.22 Issue 263 มิถุนายน 2558


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรคไข้สมองอักเสบเจอี มันมาพร้อมหน้าฝน ! อัปเดตล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:19:06 6,515 อ่าน
TOP
x close