การฝึกลูกเรียนรู้ภาษาอังกฤษต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป วันนี้กระปุกดอทคอมมีเคล็ดลับในการฝึกลูกน้อยด้วยภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ แต่ต้องไม่เครียดและสนุกไปกับภาษาด้วยนะคะ พร้อมแล้วไปสนุกกับภาษาอังกฤษจากนิตยสาร MODERNMOM พร้อมลูกน้อยกันเลยค่ะ ^^
"ทำอย่างไรลูกจะเก่งภาษาอังกฤษ" "ควรเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไรดี" "พ่อแม่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ สอนลูกอย่างไรดี"
คำถามเหล่านี้ คือคำถามยอดฮิตที่ผู้ปกครองมักจะไถ่ถามแอนนี่มา ดีใจค่ะที่ทุกคนให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษ ฉบับนี้เลยนำเรื่องนี้มาคุยกันค่ะ
เริ่มเมื่อไหร่ดี
แอนนี่แนะนำว่าเริ่มยิ่งเร็วยิ่งดี แต่อย่าคาดหวังว่าจะเห็นผลเร็วทันทีค่ะ ลูกน้อยวัยนี้กำลังเริ่มหัดพูด ดังนั้น จะคาดว่าลูกพูดภาษาที่สองได้ในทันทีที่สอนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้เริ่มเร็วเพราะเราต้องการเห็นผลในระยะยาว เพราะความยากในการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่จะไม่เกิดขึ้นกับเด็กวัยนี้ กลยุทธ์ของสมองในการเรียนรู้ภาษาของลูกน้อยไม่ได้ทำงานยากเหมือนผู้ใหญ่ และเมื่อภาษาที่สองเป็นเรื่องง่าย ต่อไปภาษาที่สามภาษาที่สี่ก็จะง่ายตามไปด้วย (Language Acquisition Theory)
หากพ่อแม่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ
คำตอบคือพ่อแม่ต้องทำการบ้านค่ะ ลูกน้อยอายุ 1-3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ต้องสอนไวยากรณ์ซับซ้อน ไม่ต้องถึงชั้น Past Perfect Tense แตกต่างจาก Future Perfect Tense ใด ๆ ทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อรู้ว่าจะอ่านคำศัพท์อะไรกับลูก คุยอะไรกันบ้าง กีฬาการบ้านไว้ก่อนซ้อมเยอะ ๆ อ่านเยอะ ๆ ถึงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ก็ไม่ต้องการให้ Input สิ่งที่ผิดเข้าไปค่ะ และสิ่งสำคัญที่ขอย้ำก็คือ เด็ก ๆ วัยนี้การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อเขารู้สึกปลอดภัย มีความสุข และสนุกเท่านั้น ถ้าไม่มี 3 สิ่งนี้ สอนไปก็ไม่ได้ประโยชน์ค่ะ
เคล็ดลับสนุกกับภาษาอังกฤษ
จริง ๆ มีวิธีการต่าง ๆ มากมายที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้ แอนนี่จะขอยกตัวอย่างง่าย ๆ แล้วกันนะคะ
เลือกเวลาหรือสถานที่ : เด็ก ๆ ต้องรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นการเลือกเวลาหรือสถานที่มาเป็น English Time หรือ English Zone กัน แล้วก็ทำเช่นนั้นเป็นประจำจนคุ้นเคย เช่น ทุกครั้งที่อาบน้ำก็คุยภาษาอังกฤษกัน ได้เรียนคำศัพท์ต่าง ๆ กับของเล่นที่เล่นในอ่าง อ่านหนังสือลอยน้ำภาษาอังกฤษกัน เป็นต้น หรือทุกวันเวลาบ่าย 3-4 โมงเย็น เราจะใช้ภาษาอังกฤษกัน หรือแค่บางวันก็ได้ค่ะ อันนี้แล้วแต่สะดวก เพราะคุณแม่ต้องสนุก ไม่เครียดเวลาสอนลูก เลือกที่ชอบเป็นหลักค่ะ
ร้องเพลง เต้นระบำ ช่วยได้ : Nursery Rhymes ต่าง ๆ มีประโยชน์มาก (เลือกที่ร้องโดยเจ้าของภาษานะคะ) สนุกและช่วยเรื่องการออกเสียงให้เป็นอย่างดี แต่ฟังเพลงนะคะ ไม่แนะนำให้ดูจาก TV หรือแท็บเล็ตต่าง ๆ ค่ะ เพราะมีคุณพ่อคุณแม่บางท่านให้ลูกดูโทรทัศน์หรือการ์ตูนเป็นภาษาอังกฤษ หวังจะให้เก่งภาษา สุดท้ายมาถามว่าทำไมลูกไม่พูด (เลยสักภาษา) คือโทรทัศน์เป็น One-way Communication ค่ะ มนุษย์ต้องการสื่อสาร 2 ทางนะคะ แถมจะพาสมาธิสั้นได้ด้วย
อ่าน อ่าน อ่าน : อ่านหนังสือให้ลูกฟังดีอย่างไรในการเรียนภาษาแรก ภาษาที่สองก็เช่นกันค่ะ อ่านให้ได้ทุกวันจะตอนไหนก็ได้ เพราะอย่างที่บอกต้องมีความสุขร่วมกัน
เรียนผ่านเล่น ดีที่สุด : คำถามต่อมาที่มักโดนถาม "เล่นอะไรได้บ้าง" "เล่นไม่เป็นบ้าง" ขอตอบว่าเล่นได้ทุกอย่างค่ะ ตัวอย่างเช่น
ABC ทำตัวอักษร A B C วางไว้กับพื้น เปิดเพลงหรือร้องเพลง ABC แล้วก็กระโดดกันไปตามตัวอักษร ลูกยังเดินไม่ได้ก็จับเอา หรืออุ้มลูกแล้วก็ชี้ตัวอักษรบนกำแพงไปด้วยกันก็ได้ เล่นกันสนุกไปเลยค่ะ
Arts อันนี้ดูตามวัยลูกนะคะ สักขวบกว่าไปแล้วน่าจะไม่เอาของเข้าปากค่ะ หรือแค่ป้ายสีไปมา (เลือกสีปลอดภัยสำหรับเด็ก) ก็ได้เรียนคำศัพท์เกี่ยวกับสีแล้วค่ะ ทำ Vegetable Stamp ไปบนตัว V เรียนชื่อผักต่าง ๆ รวมถึงสี และเสียงตัว V หรือเอา Tissue มาฉีก ๆ ขยำ ๆ แปะไปบนตัว T แล้วแต่ไอเดียคุณแม่เลยค่ะ เป้าหมายคือให้ได้คุ้นตากับตัวอักษรและเสียงภาษาอังกฤษ เรียนคำศัพท์และคำสั่งง่าย ๆ เสริมสร้างสมาธิและ Fine-motor Skills แต่ต้องสนุกไปด้วยกันนะคะ
Snack Time แม้แต่เวลารับประทานขนม เช่น Biscuit ต่าง ๆ แอนนี่จะให้ลูกวางเรียง นับ 1-10 เป็นภาษาอังกฤษ หรือวางตามจำนวนเลขที่แม่บอก นับถูกได้กิน สนุก และอร่อยอีกต่างหากค่ะ
ลองไปปรับกันตามความชอบของแต่ละครอบครัว ที่สำคัญต้องทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย สนุกและมีความสุข ห้ามเครียดหรือดุลูกนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.20 No.234 เมษายน 2558