
เลือกปลา (แบบไหน) ให้เบบี๋ (modernmom)
เรื่อง : Madame /ภาพ : เอกรัตน์ ศรีพานิชย์
คุณแม่คงเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ถ้าอยากให้ลูกฉลาดต้องกินปลาเยอะ ๆ และคงมีคำถามในใจต่อว่าแล้วปลาชนิดไหนล่ะที่ควรให้ลูกกิน ฉบับนี้ Madame เลยชวนคุณแม่มาปรุงเมนูปลาให้เบบี๋กันค่ะ
3 ปลา...ชวนชิม
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า เนื้อปลามีคุณสมบัติพิเศษกว่าอาหารที่ให้โปรตีนชนิดอื่น ตรงที่มีโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งเหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็ก ที่สำคัญยังย่อยง่าย เพราะปลามีเนื้อเยื่อเล็ก ๆ ที่ไม่เหนียว มีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อน้อยกว่าเนื้อหมูและเนื้อไก่ แถมหาซื้อง่ายอีกด้วย (ว้าว) แล้วจะไม่ให้กินปลาได้ยังไงล่ะ วันนี้มีปลา 3 ชนิดที่ Madame ยกให้เป็นพระเอกมาแนะนำให้คุณแม่รู้จัก ดูสิว่าพระเอกแต่ละตัวโดดเด่นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ควรเริ่มให้ลูกกินเมื่ออายุ 8-10 เดือน
คุณสมบัติพิเศษ : เนื้อฟู รสชาติอร่อย มีความหวานในเนื้อเยอะ และมีปริมาณเนื้อมากพอที่จะให้ใช้ทำอาหาร ขูดเอาแต่เนื้อ ทิ้งหนัง ก็ยังมีปริมาณมาก ถ้าเทียบกับปลาชนิดอื่นที่ตัวเท่า ๆ กัน
การเลือกซื้อ : ตาใส เหงือกแดง เนื้อปลากดไม่บุ๋ม มีความยืดหยุ่นของเนื้อปลา แต่ถ้าตาไม่ใสแล้ว ต้องสังเกตเหงือก และท้องปลาต้องไม่แตกหรือมีไส้ทะลักออกมา

เป็นปลาทะเลที่ควรเริ่มให้ลูกกินเมื่ออายุ 10 เดือนขึ้นไป เพราะเด็กบางคนมีโอกาสแพ้ปลาทะเล และอาหารทะเลได้มากกว่าปลาน้ำจืด
คุณสมบัติพิเศษ : เป็นปลาทะเลราคาถูกที่สุดในกลุ่มปลาทะเลด้วยกัน หาซื้อง่าย เนื้อนุ่ม นำไปทอดพอหนังตึง ๆ เอาไปทำเป็นซุปปลาทู เนื้อหวานเชียวล่ะ แต่ต้องระวังก้างที่ซ่อนอยู่ตามแกนกลางตัวด้วยนะคะ
การเลือกซื้อ : ปลาทูนึ่งจะเลือกที่เนื้อไม่ยุ่ย หนังไม่ถลอกและมีเงาบ้าง แต่ถ้าเป็นปลาทูสด ก็ใช้หลักการซื้อปลาทั่ว ๆ ไปค่ะ

เป็นปลาน้ำจืดที่ควรเริ่มให้ลูกกินเมื่ออายุ 6-8 เดือน
คุณสมบัติพิเศษ : เป็นปลาน้ำจืดที่มีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาน้ำจืดชนิดอื่น ๆ และถ้าอยากทำอาหารให้อร่อย ต้องเอาไปทอดเลาะหนังออก จะได้เนื้อที่ฟูนุ่มไปปรุงอาหาร หรือหั่นเป็นท่อน ต้มน้ำซุปก็อร่อยไม่เบา
การเลือกซื้อ : ความสดของปลาช่อนสังเกตจากเกร็ด มีสีใส เรียงตัวแน่น ไม่หลุดลอก แต่ถ้าเกร็ดหลุดง่าย และไม่ติดแน่นแสดงว่าปลาไม่สด
รู้เรื่องโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะมีส่วนสำคัญต่อโครงสร้างเนื้อเยื่อร่างกาย อีกทั้งยังมีผลต่อการพัฒนาสมองและดวงตา แต่กรดโอเมก้า 3 นี้ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จึงต้องกินอาหารที่มีโอเมก้า 3 และอาหารที่มีกรดไขมันชนิดนี้มากที่สุด ก็คือ ปลาทะเล เช่น ปลากะพง ปลาทู ฯลฯ และปลาน้ำจืดอย่าง ปลาช่อน นอกจากนี้ยังสามารถกินน้ำมันปลาที่สกัดมาจากหัวและส่วนต่าง ๆ ของปลา ก็จะได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 เหมือนกันค่ะ
ปรุงปลาอย่างมืออาชีพ
แค่ได้ยินว่า "ปลา" คุณแม่หลายคนอาจถึงกับร้องโอย เพราะทำยาก แถมเจ้าตัวเล็กยังไม่ค่อยชอบกินด้วย ปรุงเมนูปลาให้ลูกเล็กกินใช่เรื่องง่ายซะที่ไหน จริงไหมคะ แต่ถ้าคุณแม่รู้เทคนิคต่อไปนี้ จะมีเมนูปลาให้เบบี๋เลือกอีกมากมายเชียวล่ะ...






ปริมาณแนะนำต่อวัน
อายุ | ลักษณะเนื้อปลา | ปริมาณต่อมื้อ | ปริมาณต่อวัน | หมายเหตุ |
(เดือน) | (ช้อนโต๊ะ) | (ช้อนโต๊ะ) | ||
6-8 8-10 10 ขึ้นไป | บดละเอียด บดละเอียด ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ ย่าง ทอดน้ำมันน้อย ๆ | 1 1 1 | 1 2 3 | รวมอยู่ในอาหารเสริม 1 มื้อ รวมอยู่ในอาหารหลัก 2 มื้อ รวมอยู่ในอาหารหลัก 3 มื้อ |
กินปลาแล้วลูกฉลาดจริงหรือ?
"ต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยมีงานวิจัยชิ้นไหนยืนยันว่าเด็กที่กินปลาอย่างเดียวแล้ว ฉลาด เพราะไม่มีอาหารชนิดใดในโลก ที่กินเพียงชนิดเดียว แล้วได้รับสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการได้ครบถ้วน แต่ถ้ากินปลาจะดีตรงที่ปลอดภัยกับสุขภาพมากกว่า เพราะปลามีไขมันในเนื้อน้อย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด โรคหัวใจ ส่วนเรื่องความฉลาด นอกจากอาหารแล้ว พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมก็มีผลด้วยค่ะ"
ป,ปลาตัวนี้ เบบี๋ต้องห่าง
การป้อนปลาให้เบบี๋ สิ่งที่คุณแม่ต้องใส่ใจและระมัดระวังมากเป็นพิเศษก็คือ ก้างปลาใช่ไหมคะ ปลาที่ไม่ควรนำมาปรุงอาหารให้ลูกเล็กก็คือ ปลาที่มีก้างเยอะ ๆ เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล ฯลฯ เพราะแม้ก้างปลาจะใหญ่หรือนำไปตุ๋นเคี่ยวจนก้างเปื่อยนุ่มแล้ว แต่เครื่องปั่นก็ยังไม่สามารถบดให้ละเอียดได้ ทางที่ดีคุณแม่ควรเลือกปลาก้างน้อยเนื้อเยอะ ไขมันน้อย และคัดก้างออกด้วย การยี บดผ่านกระชอน หรือใช้มือคุณแม่บี้ก็จะปลอดภัยมากกว่าค่ะ
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าเทคนิคการปรุง ก็คือการเลือกซื้อปลาที่สด สะอาด ถ้าเป็นปลาทะเลต้องใส่ใจเรื่องสารเคมีที่แช่มาขณะขนส่งด้วย ท่องให้ขึ้นใจว่าปลายิ่งสดเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ

ปลาอินทรีอบราดซอส
(8-10 เดือน)











1.ผัดหรือต้มหอมหัวใหญ่ ขึ้นฉ่ายสับ และแครอตสับให้สุกนุ่ม ละลายแป้งสาลีกับน้ำ หรือน้ำซุปผักเติมลงไปคนให้ทั่วแล้วปรุงรส
2.ทาเนื้อปลาด้วยน้ำมะนาว เกลือป่นเล็กน้อย และน้ำมันพืช นำส่วนผสมที่ทำไว้ ราดบนตัวปลา แล้วนำไปอบจนสุก

ถ้าคุณแม่กลัวว่าเนื้อปลาจะสุกไม่ทั่ว อาจจะนึ่งสุกก่อนราดซอสแล้วนำไปอบก็ได้

ข้าวอบปลาทู
(10 เดือนขึ้นไป)











1.ผสมข้าวสารทั้งสองรวมกัน ซาวให้สะอาด
2.ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันพืชเจียวกระเทียมพอเหลือง ใส่เนื้อปลาทูลงผัดพอสุก ตามด้วยผักต่างๆ จึงใส่ข้าวสารล้างสะอาดแล้วลงไปผัด
3.จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน แล้วนำข้าวที่ได้ไปหุงหรือนึ่งให้สุก

ปลาทูและผัก อาจใช้วิธีลวกหรือนึ่งให้สุกก่อนได้
เพื่อประหยัดเวลาคุณแม่สามรถใช้ข้าวสวยหอมมะลิแทนข้าวสารได้

ซุปข้นปลาช่อน
(6-8 เดือน)








1.ผัดเนยและหอมหัวใหญ่ให้สุก สังเกตจากเนื้อหอมใหญ่จะใส และไม่มีกลิ่นฉุน
2.ใส่เนื้อปลาลงผัดพอหอม เติมน้ำซุปผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรส
3.เติมนมผัดพอข้น ระวังอย่าให้นมสุกจนแตกเป็นเม็ด ๆ

ก่อนป้อนเบบี๋ คุณแม่อาจจะนำมาปั่นให้ละเอียดอีกครั้งค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
