เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เด็กพิเศษ คือกลุ่มเด็กที่ต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษเนื่องจากข้อจำกัดบางประการในตัวเขา ยิ่งเมื่อถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียน ก็อาจจะเป็นงานยากสำหรับผู้ดูแลที่ไม่ได้รับการอบรมให้ดูแลเด็กพิเศษโดยเฉพาะ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง เช่น เกิดการทำร้ายรังแกเด็กเหล่านี้ จึงอาจทำให้ผู้ปกครองเป็นกังวลใจ และต้องการเพิ่มมาตรการปกป้องดูแลบุตรหลานของพวกเขาให้เข้มงวดขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนประสบปัญหานี้อยู่ มาดูกันดีกว่าว่าทางออกที่ดีกว่าของปัญหานี้เพื่อปกป้องลูกของคุณกันดีกว่าค่ะ
คัดเลือกโรงเรียนให้เหมาะกับลูกมากที่สุด
สำหรับโรงเรียนที่รับเด็กพิเศษเข้ามาเรียน ควรมีการเทรนผู้สอนเด็กมาอย่างดีก่อนว่า การทำงานกับเด็กประเภทนี้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง และควรมีนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองมาแล้วมานั่งอยู่ในห้องเรียนด้วย รวมทั้งควรมีกล้องวงจรปิดติดไว้ในห้องเรียน เพื่อจะได้เห็นพฤติกรรมของบุตรหลาน รวมทั้งคุณครูผู้สอนด้วย
เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง
ในขณะที่ผู้ปกครองหลายคนเสนอให้ติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียน แต่ก็อาจจะมีปัญหาต่อเด็กพิเศษที่ไม่สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้ เพราะในความเป็นจริงผู้ปกครองควรดูแลเด็กประเภทนี้อย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าว ฉะนั้นจึงควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคของเด็กเป็นผู้เฝ้าดูบนกล้องวงจรปิดเองเพื่อดูพฤติกรรมของเด็กพิเศษแบบประเภทที่ไม่ใช้คำพูดสื่อสาร และนักบำบัดโรคควรรับรู้ด้วยว่าผู้ปกครองของเด็กเหล่านี้สามารถรับมือกับเด็กประเภทนี้ได้ดีแล้วหรือไม่
หาต้นตอของปัญหาความรุนแรง
บ่อยครั้งที่เกิดปัญหาการกระทำรุนแรงต่อเด็กพิเศษขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความสนใจ ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการกระทำทารุณต่อเด็กเหล่านี้ขึ้น เพราะหากทราบต้นตอแล้ว ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำอีก ฉะนั้นควรมีการทำงานวิจัยในปัญหาเหล่านี้เพิ่มเติม โดยอาจจะเป็นการมอบทุนทำวิจัยในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อนำผลวิจัยที่ได้มาปรับใช้ให้แก้ปัญหาได้ดีกว่าเดิม
ร่วมมือกันแก้ปัญหา
ในเมื่อเด็กพิเศษไม่สามารถพัฒนาความสามารถได้เต็มตามศักยภาพตามปกติ ทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา พฤติกรรม และความสัมพันธ์กับสังคม ฉะนั้นผู้คนรอบ ๆ ตัวเด็กเหล่านี้ต้องร่วมมือช่วยกันดูแลพวกเขา แน่นอนว่าครอบครัวเป็นฝ่ายมีบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่ก็ยังขาดผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษไปไม่ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ต้องให้คำแนะนำแก่ครอบครัวของเด็กในการปฏิบัติตัวเมื่อต้องดูแลเด็กพิเศษ เพราะแม้ผู้เชี่ยวชาญจะชำนาญการจัดการกับปัญหาทั้งในทางทฤษฎีและปฏบัติ แต่ก็ไม่สามารถอยู่กับเด็กได้ตลอดเวลาเช่นคนในครอบครัว ฉะนั้นครอบครัวและผู้เชี่ยวชาญต้องให้ความร่วมมือประสานงานในการดูแลเด็กเสมอ
สร้างความเข้าใจต่อสังคมภายนอก
หลายครั้งหลายคราที่พ่อแม่ของเด็กพิเศษต้องเสียใจ เพราะสังคมภายนอกไม่ค่อยยอมรับเด็กเหล่านี้มากนัก และยังออกจะแสดงทีท่ารังเกียจด้วยซ้ำ ฉะนั้นควรสร้างความเข้าใจต่อสังคมภายนอกให้มากขึ้นกว่าเดิม ว่าเด็กพิเศษเหล่านี้ก็เป็นคนทั่ว ๆ ไป ที่ควรได้รับการให้เกียรติ ความเห็นใจ และการปฏิบัติเทียบเท่ากับคนธรรมดาเช่นกัน จุดนี้จะช่วยลดความกดดันที่จะเกิดขึ้นกับตัวเด็กพิเศษเมื่อออกสู่สังคมภายนอก จึงช่วยลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาอารมณ์รุนแรงก้าวร้าวจนก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตได้
สำหรับเด็กพิเศษทุก ๆ ราย สิ่งที่สำคัญกับเขามากที่สุดก็คือการดูแลเอาใจใส่ที่ถูกต้องจากครอบครัว ฉะนั้นครอบครัวไหนที่มีบุตรหลานเป็นเด็กพิเศษ ควรเอาใจใส่เขาให้มาก และลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องดูนะคะ