เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Blackhermosa สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ผู้ปกครองทนไม่ไหว 2 ครูโรงเรียนเตรียมอนุบาลย่านบางกะปิทำร้ายลูกบาดเจ็บ ลั่น ไม่ยอมความ ก่อนโพสต์แฉในโลกออนไลน์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ปกครอง
มีประเด็นเกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมอนุบาล หรือเนิร์สเซอรี่ ให้วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง เมื่อในวันที่ 28 มิถุนายน 2557 มีผู้ปกครองรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ครูในโรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งหนึ่งในเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ได้ทำร้ายหลานชายวัย 2 ขวบจนได้รับบาดเจ็บ จึงเข้าไปแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยผู้ปกครองรายนี้ ระบุว่า วันแรกที่หลานไปโรงเรียนก็ยังร่าเริงปกติดี เมื่อไปถึงโรงเรียน หลานร้องไห้จะกลับบ้านซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของเด็ก ๆ และเธอก็เห็นคุณครูตวาดให้หลานหยุดร้อง ไม่งั้นจะจับเอาหัวยัดออกไปนอกรั้ว ซึ่งก็ทำเอาผู้ปกครองอึ้งไปเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร จนตอนเย็นไปรับหลานกลับบ้านเห็นหลานปากแตก เมื่อถามคุณครู คุณครูไม่ทราบ บอกว่าน้องอาจกัดปากตัวเอง
หลังจากนั้น วันต่อมาหลังจากกลับโรงเรียน หลานมีอาการซึมผิดปกติ ไม่ร่าเริง ตามลำตัวมีรอยฟกช้ำ ดำเขียว พ่อแม่ของหลานจึงพาไปตรวจร่างกายพบว่าถูกทำร้าย วันรุ่งขึ้นเมื่อไปถามครู ก็บอกแต่เพียงไม่ทราบ พ่อแม่จึงขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทางโรงเรียนกลับปฏิเสธ จึงต้องแจ้งความ และเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทางโรงเรียนจึงยอมให้ตรวจสอบก็พบว่า ครูได้ทำร้ายหลานจริง ทางโรงเรียนจึงไกล่เกลี่ยว่าอย่าแจ้งความ โดยจะไล่ครูคนนั้นออก พ่อแม่จึงยอมเพราะเชื่อใจ
แต่แล้วในวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ยายของเด็กพาเด็กไปอาบน้ำแล้วเห็นรอยเล็บที่เท้าของเด็ก จึงไปตรวจสอบที่โรงเรียน ก็พบว่า ครูคนใหม่ที่รับเข้ามาได้ทำร้ายหลานเช่นกัน และครั้งนี้พ่อแม่ของหลานไม่ยอมความแล้ว จึงนำเรื่องนี้มาแชร์กันในโลกออนไลน์ เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ของผู้ปกครองที่จะเลือกสถานศึกษาให้กับบุตรหลาน พร้อมแนะนำให้โรงเรียนต่าง ๆ ควรมีมาตรฐานในการรับคุณครูเข้ามาสอบด้วย
สำหรับข้อความทั้งหมดนั้น มีดังนี้
ตามที่เห็นในภาพนะคะ หลานเรียนเตรียมอนุบาลอยู่ที่โรงเรียนนี้ ในวันแรกที่หลานไปโรงเรียน ร่าเริงปกติดีตามรูปที่เห็น วันแรกที่ไปก็เป็นธรรมดาที่เด็ก ๆ จะร้องไห้กลับบ้าน แม่ซึ่งเป็นพี่สะใภ้เรา พาหลานไปส่งเข้าห้อง ก็ยืนแอบดูหลานอยู่ข้าง ๆโรงเรียน คุณครูได้ตวาดหลานที่กำลังร้องไห้ว่า "หยุดร้องนะ ถ้าไม่หยุดจะจับเอาหัวยัดออกไปนอกรั้ว" พี่สะใภ้ก็อึ้ง ๆ นิดหน่อย แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรเพราะเชื่อใจคุณครู
วันแรกที่ไปรับน้องกลับ น้องปากแตก ไปถามคุณครูแต่ครูแจ้งว่าไม่ทราบ คงเป็นเพราะน้องชอบกัดปากตัวเอง...(น้อง 2 ขวบไม่เคยมีพฤติกรรมกัดปากตัวเองมาก่อน) พออีกวันไปรับน้องกลับจากโรงเรียน น้องมีอาการซึมผิดปกติ ไม่ร่าเริง ไม่เล่น คุณพ่อของน้องเลยเข้าไปคุยด้วย แล้วได้สังเกตเห็นว่าตามตัวมีรอยฟกช้ำ ดำเขียว เป็นจุด ๆ มีรอยเล็บ ซึ่งพอเห็นคุณพ่อแม่ของน้องก็ตกใจ รีบพาน้องไปทำการตรวจร่างกายที่ รพ.ลาดพร้าว หมอวินิจฉัยและลงความเห็นว่าน้องโดนทำร้ายร่างกายมาจริง
เช้าอีกวันเลยไปโรงเรียนเพื่อไปสอบถาม แต่คุณครูแจ้งมาเหมือนเดิมว่า ไม่ทราบค่ะ...ทางพ่อแม่จึงขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้องแต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากทางโรงเรียน ทางผู้ปกครองน้องจึงแจ้งความและส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจา จนได้ดูกล้องวงจรปิด คุณครูจำนนกับหลักฐานที่มี เลยสารภาพว่าได้ทำร้ายน้องจริง เพราะน้องคอยเดินตามคุณครูตลอด ทางโรงเรียนจึงไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองและรับผิดชอบโดยการไล่คุณครูออก และขอโอกาสผู้ปกครองในการแก้ไข ทางโรงเรียนสัญญาและรับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทางผู้ปกครองเลยยอมเพราะเชื่อและให้โอกาส
จนเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. คุณยายได้พาน้องไปอาบน้ำ น้องบอกว่าเจ็บเท้า ยายเลยเช็กดู ปรากฏว่ามีรอยเล็บที่เท้าน้องทั้งสองข้าง เลยไปที่โรงเรียนน้องอีกครั้งนึง ปรากฏว่า คุณครูคนใหม่ที่รับเข้ามาดูแลห้องน้อง ก็ได้กระทำแบบเดิมซ้ำกับน้องอีก ซึ่งตอนนี้จะไม่มีการยอมความใด ๆ ทั้งสิ้น ทางผู้ปกครองเลยขออนุญาตนำเรื่องนี้ออกมาแชร์ในโลกออนไลน์ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองในการที่จะเลือกสถานศึกษาให้ดูแลบุตรหลานของท่าน
และอยากฝากถึงโรงเรียนว่าควรมีมาตรฐานในการรับพิจารณาคุณครูเพื่อมาทำการสอน ควรรอบคอบและเอาใจใส่ต่อประวัติ ทัศนคติ อารมณ์ของคุณครูมากกว่านี้ เพื่อที่จะไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกหลานของใครอีก"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
