เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ใครบ้างไม่อยากให้ลูกมีนิสัยรักการอ่านจริงไหมคะ ยิ่งถ้าเด็กตัวเล็กซึ่งเปรียบเสมือนไม้อ่อนดัดง่าย คุณพ่อคุณแม่ก็คงพยายามหาโอกาสให้เขาได้อ่านหนังสือเสริมทักษะให้ได้มากที่สุดแน่ ๆ เพราะการอ่านหนังสือสำหรับเด็ก รวมทั้งคนทุกเพศทุกวัย ก็สามารถสร้างจินตนาการ ความรู้ทางวิชาการ ความรู้รอบตัว และยังพาเราไปในที่ที่ไม่เคยไปได้อีกมากมาย ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนก็รู้ข้อดีของการอ่านกันขึ้นใจอยู่แล้ว แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาคุณพ่อคุณแม่มารู้เหตุผลสำคัญ และข้อดีของการอ่านหนังสือร่วมกันกับลูกรักเพิ่มอีก 7 ข้อ เพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่อยากส่งเสริมทักษะการอ่านของลูกรักกันมากขึ้นค่ะ
1. มีเวลาร่วมกับลูกช่วงเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกอาจจะมีได้หลายโอกาส และหนึ่งในนั้นก็คือ กิจกรรมการอ่านหนังสือร่วมกันกับลูกรัก เพียงแค่เวลา 15-20 นาทีในแต่ละวันที่คุณพ่อคุณแม่พอจะแบ่งเวลามาอ่านหนังสือกับเขาได้ แค่นี้ก็จะทำให้คุณและลูกมีเวลาร่วมกันได้มากขึ้นอีกหน่อย อาจจะชวนกันอ่านหนังสือนิทานก่อนนอน หรือหลังอาหารเย็นก็ได้ค่ะ นอกจากการได้ทำกิจกรรมอ่านหนังสือร่วมกันแบบนี้บ่อย ๆ จะช่วยให้ลูกรักมีพัฒนาการด้านการอ่านที่ดีวันดีคืนแล้ว ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์แม่ลูก ให้ผูกรักกันแน่นเหนียวขึ้นด้วย
2. เตรียมความพร้อมก่อนเรียนชีวิตในโรงเรียนของหนู ๆ จะต้องเจอกับตำราเรียนอีกหลายทักษะ และทักษะแรกที่สำคัญกับเขามาก ๆ ก็คือทักษะการอ่าน ดังนั้นคงจะดีไม่น้อยหากเราจะเตรียมความพร้อมก่อนเรียนให้เขาก่อน เพื่อให้เขามีพื้นฐานที่แน่นหนา ส่งเสริมให้การเรียนในวิชาอื่น ๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
3. ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านเด็กที่คุ้นเคยกับการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เล็ก ๆจะมีนิสัยรักการอ่านติดตัวมาด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการอ่านได้มากขึ้นแบบทวีคูณในทุก ๆ วัน แถมถ้าลูกน้อยรู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือ เขาก็มีโอกาสที่จะเรียนรู้ได้เร็ว พร้อมทั้งมีโอกาสประสบความสำเร็จในการเรียนได้มากขึ้นตามไปด้วยจ้า
4. พัฒนาทักษะด้านภาษาการฟังและการอ่านสามารถพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ดีพอ ๆ กันทั้งคู่ เพราะเด็กจะเรียนรู้วิธีการออกเสียงจากการได้ยิน ส่วนการอ่านก็จะช่วยให้เขาได้ทำความเข้าใจกับตัวภาษา ความหมายของคำใหม่ ๆ และวิธีการใช้คำแต่ละคำ ฉะนั้นยิ่งเขาได้อ่านและฟังมากเท่าไร เขาก็จะคุ้นเคยกับภาษา และเรียนรู้ภาษาได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
5. ฝึกฝนสมาธิช่วงแรก ๆ ของการเรียนหนังสือ เด็ก ๆ จะไม่ค่อยคุ้นชินกับการนั่งนิ่ง ๆ และฟังคุณครูสอนหนังสือเป็นเวลานานได้ ฉะนั้นก่อนที่เขาจะเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรใช้กิจกรรมอ่านหนังสือร่วมกับเขา ช่วยทำให้เขาคุ้นชินกับการนั่งนิ่ง ๆ อ่านหนังสือ ซึ่งถ้าฝึกฝนกันบ่อย ๆ ลูกน้อยก็จะไม่ค่อยมีอาการงอแงเวลาที่ต้องนั่งเรียนหนังสือให้ห้องเรียนเลยล่ะค่ะ
6. ติดตามพัฒนาการของเขาได้ตลอดถ้าลูกถึงวัยที่ต้องเข้าเรียนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องให้เวลากับการอ่านหนังสือ และทำการบ้านของเขาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากลูกมีจุดด้อยตรงไหน หรือพัฒนาการด้านการเขียนการอ่านของเขาไปได้ช้ากว่ามาตรฐาน คุณพ่อคุณแม่จะได้แจ้งกับคุณครูเพื่อให้คุณครูช่วยใส่ใจเขาอย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งผู้ปกครองก็จะได้กวดขันให้เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ทันท่วงที
7. เปิดโอกาสให้เขาได้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นสำหรับเด็กแล้ว การอ่านให้ได้มากกว่าความรู้และความสนุกสนาน เพราะการอ่านยังช่วยให้เขาได้รับรู้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในหนังสือแต่ละเล่มที่ได้อ่าน โดยเฉพาะถ้าเป็นนิทานที่มีตัวละครผู้น่าสงสาร ผู้ปกครองก็ควรจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้สึกกับลูกน้อยด้วย เพื่อฝึกให้เขาคุ้นชินกับการบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง พอโตขึ้นไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเขา เขาจะได้กล้าปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสนิทใจ
นอกจากนี้การอ่านยังช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกรัก แถมหนังสือบางเล่มยังทำให้เกิดแรงบันดาลใจดี ๆ ได้อีกด้วย ฉะนั้นถ้าอยากให้ลูกรักได้รับประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้จากการอ่านหนังสือ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เขาด้วยตัวเองได้ ด้วยการแบ่งเวลามาอ่านหนังสือร่วมกันกับเขา หรือถ้าเป็นเด็กที่โตวัยเข้าเรียน คุณพ่อคุณแม่อาจจะนั่งเป็นที่ปรึกษาอยู่ใกล้ ๆ เวลาที่เขาทำการบ้านก็ได้ค่ะ
