
โรคเกมสถานการณ์น่าห่วงของเด็กไทย (รักลูก)
เรื่อง : เมธาวี
ถ้าคุณให้ลูกถือแต่แท็บเล็ต เพราะทำให้เด็ก ๆ ยอมอยู่นิ่ง ๆ เพ่งความสนใจไปอยู่ที่หน้าจอ ไม่วิ่งซุกซน และด้วยหวังว่าจะเป็นการช่วยพัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ให้ลูก แบบนี้ น่าห่วง เพราะเท่ากับว่าคุณกำลังจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กติดจอ และนำไปสู่ "ภาวะติดเกม" หรือเป็น "โรคเกม" ได้

โรคเกมหรือ ภาวะติดเกม คือการที่เด็กใช้แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4 ชั่วโมง/วัน และมีแนวโน้มการใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เตือนหรือห้ามไม่ให้เล่นจะหงุดหงิด มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะจิตใจ จากที่เคยเป็นเด็กอารมณ์ดีจะแสดงท่าทีโกรธ ฉุนเฉียว หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อคุณพ่อคุณแม่
จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์เกือบ 90% ครึ่งหนึ่งมักใช้บริการร้านอินเตอร์เน็ต และอีกครึ่งได้สัมผัสแท็บเล็ตจากที่โรงเรียนและที่บ้าน โดยเด็กใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกมกว่า 80% ซึ่งจากตัวเลขนี้เป็นสัญญาณบอกว่า เด็กเข้าถึงเกมกันอย่างทั่วถึง และ 1 ใน 3 ของเด็กที่เล่นเกม ใช้เวลาเล่นเกิน 4 ชั่วโมง/วัน เด็ก ๆ จึงมีโอกาสเกิดภาวะติดเกมได้ในที่สุด

เด็ก ๆ มีโอกาสติดเกมได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมซึ่งเป็นช่วงที่มีเวลาว่าง เด็กจะเล่นคอมพิวเตอร์ได้ทุกวัน เมื่อเปิดเทอมจึงไม่อยากไปโรงเรียน ร้องไห้งอแง หรือต้องให้คุณแม่เอาแท็บเล็ตใส่กระเป๋าไปให้ด้วย ทำให้ไม่สนใจการเรียน






การรักษา...แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการว่ามีภาวะติดเกมแค่ไหน จะได้ประเมินการรักษาได้ถูกต้อง ซึ่งการรักษาจะเริ่มตั้งแต่ พูดคุยให้คำปรึกษา แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จนไปถึงการให้ยา

การให้ลูกนั่งเล่นแท็บเล็ต หรือเล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการแน่ ๆ คือ





เด็กวัย 3-6 ปี ควรได้เล่นของเล่น เล่นในสนามเด็กเล่น หรือของที่สัมผัสได้จริง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่สำคัญต้องได้ออกกำลังเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจร่าเริงแจ่มใสสมวัย โดยควรดูแลลูกด้วยวิธีการดังต่อไปนี้



การที่ลูกอยู่นิ่ง ๆ ไม่ซุกซน เพราะเอาแต่นั่งเล่นเกมในแท็บเล็ต หรือในคอมพิวเตอร์ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี ดังนั้นควรให้ลูกเล่นอย่างพอดี เล่นในเวลาที่เหมาะสม และจำกัดเวลาในการเล่น ก็จะช่วยเสริมทักษะความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ให้อย่างถูกต้องค่ะ

ถูกบัญญัติให้เป็นโรคชนิดหนึ่ง เรียกว่า ภาวะการติดเกม จัดอยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ และต้องการการบำบัดรักษา จากสถิติทั่วโลกพบว่าเด็กติดเกมจะมีผลเสียต่อสุขภาพ บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ (ไอซีดี-11) ขององค์การอนามัยโลก ที่คาดว่าจะออกมาในปี 2558 นั้นได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เรื่องเสพติดว่า นอกจากสารเสพติดแล้ว ยังรวมไปถึงการเสพติดประเภทอื่น เช่น เกม หรือคอมพิวเตอร์ ประเทศไทย กรมสุขภาพจิตกำลังพัฒนาคลินิกเพื่อรักษาโรคติดเกม ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายในการจัดฝึกอบรม โรงพยาบาลชุมชน พร้อมกับมีเครื่องมือในการตรวจรักษา เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 31 ฉบับที่ 36 มิถุนายน 2556