ตามมาดู...เครื่องดื่มของเจ้าตัวเล็ก (Mother&Care)
เรื่อง : นมิแอม
นอกจากนมที่เด็ก ๆ หม่ำเป็นประจำแล้ว คุณพ่อคุณแม่คิดว่าลูก ๆ ควรได้รับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ด้วยหรือไม่
ไม่ว่าคำตอบที่อยู่ในใจจะมีทั้ง "ควร" "ไม่ควร" หรือ "ไม่แน่ใจ" ลองไล่สายตาอ่านเรื่องราวต่อจากนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนแล้วกันค่ะ
บ่อยครั้งที่เรามักเห็นคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนเตรียมขวดนมที่บรรจุด้วยน้ำต้มสุก น้ำส้ม หรือน้ำหวานไว้ให้เด็ก ๆ นอนดูดเล่น ไม่ว่าจะเพื่อล้างปากหลังดูดนมเสร็จ หรือเพื่อเติมคุณประโยชน์จากวิตามินในผลไม้ให้แก่ร่างกายของลูกน้อย หรือเพื่อคลายร้อน เติมความหวานเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายก็ตาม บางทีสิ่งเหล่านี้อาจไม่จำเป็นสำหรับเจ้าหนูวัยแรกเกิดก็เป็นได้
แรกเกิด-6 เดือนแรก นมอย่างเดียวก็เพียงพอ
เนื่องจากในน้ำนมแม่มีปริมาณสารอาหารและปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของลูก ดังนั้นในช่วงแรกเกิด-6 เดือนแรก คุณแม่สามารถให้ลูกดูดแต่นมแม่อย่างเดียว โดยไม่ต้องให้อาหารเสริมหรือเครื่องดื่มใด ๆ เลย แต่ทั้งนี้หากอยู่ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนก็อาจให้ดื่มน้ำต้มสุก โดยจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และให้ลูกกินนมแม่บ่อยขึ้น
การให้ลูกดื่มน้ำมากเกินไป อาจส่งผลให้เขาดูดนมได้น้อยลง ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรืออาจเกิดภาวะน้ำในร่างกายมากผิดปกติ เนื่องจากไตยังเติบโตไม่เต็มที่ จึงทำให้ไม่สามารถขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีนัก
เริ่มให้อาหารเสริม เริ่มให้น้ำ
โดยส่วนใหญ่แนะนำให้เริ่มอาหารเสริมหลังจากอายุ 6 เดือน เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้เครื่องดื่มต่าง ๆ จึงเข้ามาเสริมในช่วงนี้ ด้วยเช่นกัน โดยมีข้อแนะนำในการให้เครื่องดื่ม ดังนี้
1.ควรเริ่มต้นให้จิบน้ำต้มสุกประมาณ 2-4 ออนซ์ต่อวัน หรืออาจให้จิบหลังกินอาหารเสริม
2.หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานลงในเครื่องดื่มทุกชนิด เพื่อไม่ให้ติดรสหวานและได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและอาจเป็นสาเหตุของฟันผุได้
3.หากเริ่มใช้นมชง ควรใช้นมผงที่ไม่มีการเติมน้ำตาล สารให้ความหวาน หรือน้ำผึ้ง
4.น้ำผลไม้ที่นำมาให้ลูกดื่ม ควรเป็นน้ำผลไม้ 100% ปราศจากสารแต่งสี แต่งกลิ่น สารกันบูด และไม่ควรได้รับเกิน 4-6 ออนซ์ต่อวัน โดยในช่วงแรกของการให้ดื่มควรเจือจางน้ำผลไม้กับน้ำต้มสุกในอัตราส่วน 1 : 1 เป็นอย่างน้อย
5.การดื่มน้ำผลไม้ ควรเริ่มให้ทีละชนิดและสังเกตดูว่าลูกมีอาการแพ้ หรือร่างกายมีปฏิกิริยาต่อน้ำผลไม้ที่ดื่มหรือไม่
6.หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มก่อนมื้ออาหารเสริม โดยเฉพาะน้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ลูกอิ่มและกินอาหารเสริมได้น้อยลง อีกทั้งไม่ควรให้ดื่มบ่อยทั้งวันหรือก่อนเวลานอน
7.หลีกเลี่ยงการนำน้ำแร่มาให้ลูกดื่ม หรือนำมาชงกับนม หรือเจือจางในน้ำผลไม้ แต่ควรใช้เพียงน้ำต้มสุกธรรมดา เพราะไตของทารกยังไม่สามารถขับสารอาหาร เกลือแร่ และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีอยู่ในน้ำแร่ออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8.ไม่ควรให้ลูกดื่มหรือชิมรสเครื่องดื่มประเภทน้ำหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์
9.ควรให้ลูกดื่มเครื่องดื่มจากแก้ว แทนการดูดจากขวด โดยเลือกแก้วที่มีรูปทรงและขนาดให้เหมาะกับวัย
อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะนำข้อแนะนำที่กล่าวมานั้นไปใช้ปฏิบัติจริงเพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวเล็กประจำบ้านกันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.9 No.102 มิถุนายน 2556