5 สิ่ง ที่คำว่า “พ่อ” เปลี่ยนผม (modernmom)
เรื่อง : วิลยา ภาพ : ธาร ธงไชย
วันวานถ้าเอ่ยชื่อสองหนุ่ม เต๋าสมชาย เข็มกลัด และ หนุ่ม อรรถพร ธีมากร หลายคนคงติดภาพของหนุ่มสไตล์แบดบอย ลุย ๆ เซอร์ซ่าหน้ากวน แต่วันนี้แบดบอยทั้งคู่ พร้อมใจกันเหน็บขวดนม พกผ้าอ้อม มาทำหน้าที่คุณพ่อให้กับลูก ๆ
เต๋า สมชายกับบทบาทคุณพ่อลูกสองของน้องสมใจ-ด.ญ.สรรกมล เข็มกลัด วัย 3 ปี และ น้องสุขใจ-ด.ช.พลภัทร เข็มกลัด วัย 2 ปี และหนุ่ม-อรรถพรกับลูกชายคนเดียว น้องอินดา ด.ช.ณเสฏฐ์ ธีมากร วัย 7 เดือน Modern Mom รู้ว่าคุณ ๆ ผู้อ่านคงสนใจกันแล้วว่า เวลาผู้ชายแนว ๆ มารับบทคุณพ่อของลูก เขาจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งความคิดและวิธีการใช้ชีวิต เลยตามไปเปิดใจพ่อเต๋า-พ่อหนุ่มกันค่ะว่า 5 สิ่งที่คำว่า "พ่อ" เข้ามาเปลี่ยนแปลงทั้งคู่คืออะไร
"เต๋า สมชาย เข็มกลัด"น้องสุขใจ ด.ช.พลภัทร เข็มกลัด
"พ่อ" คำธรรมดาที่ยิ่งใหญ่
ตอนนั้นบวกอายุลูกเองตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ผมอยู่กับคำว่าพ่อมา 4 ปีแล้ว ช่วงแรกรู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่กับชีวิตมากเพราะว่าต้องเปลี่ยนสรรพนามตัวเองจากผม จากหนู มาเป็นพ่อ แรก ๆ เขิน ไม่ชิน แต่พออยู่กับเขาไปนาน ๆ ตอนนี้คำว่าพ่อเป็นเรื่องปกติสำหรับผม แต่มันเป็นเรื่องปกติที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิต เดี๋ยวนี้เวลาลูกผมทั้งสองคนเรียกผมว่า ป่าป๊า มันเป็นความรู้สึกที่ชื่นใจมาก ๆ ทำอะไรมา พอได้ยินลูกเรียกป่าป๊าจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ลูกสร้างศรัทธาให้พ่อ
การได้เป็นพ่อของลูก บวกกับอายุ 39 ปีเต็มและประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมาในชีวิต ทำให้ผมนิ่งขึ้น โตขึ้น ผมดีใจนะที่มีลูกตอนอายุ 36 ปี เพราะว่าวุฒิภาวะ ความคิดผมเป็นอีกสเต็ปไปแล้ว ละได้ เว้นได้ รอได้มีความอดทนแบบผู้ใหญ่ ใช้เหตุผลมากกว่าความต้องการและอารมณ์การได้เป็นพ่อเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความศรัทธาในชีวิตเป็นความสุขที่ลงตัว
ประสบการณ์พ่อสอนลูกได้
ตัวผมอยากให้ลูกเผชิญโลกด้วยตัวเขาเองบ้าง ผมไม่ได้เลี้ยงแบบไข่ในหิน อยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ผมเป็นคนที่ต้องทำงานตลอดเวลา เปลี่ยนที่ตลอดเวลา ลูกผมต้องเป็นเด็กที่อยู่ง่ายกินง่าย กินอะไรก็ได้ ถ้าวันนั้นมีจั๊งค์ฟู้ดก็ต้องกิน ถามว่ามีประโยชน์มั้ย ไม่มีประโยชน์หรอก แต่ถ้ามันจะทำให้ชีวิตเราอยู่รอดสำหรับมื้อนั้น สำหรับวันนั้นเราก็ต้องกิน เพราะป่าป๊าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามื้อต่อไป ป่าป๊าจะไปหาให้หนูกินได้หรือเปล่า ผมถือหลักที่ว่าตอนเด็กผมมีกินมื้อนี้ แต่ผมยังไม่รู้ว่ามื้อหน้าเราจะมีกินหรือเปล่า ผมจึงสอนให้ลูกได้รู้ว่าอย่าผลัด ชีวิตคนเราไม่แน่นอนเพราะฉะนั้นมีกินจงกินไป ซึ่งตรงนี้ก็เหมือนการเตือนใจและสอนตัวผมเองไปในตัวด้วย
ฝึกเรียนรู้ความเหนื่อยของแม่
ผมเลี้ยงลูกเองตั้งแต่วันแรกที่ลูกผมเกิด ผมไม่กลัวที่จะอุ้มลูกเล็กเพราะผู้รู้ว่าไม่ได้จับเขาแรง อาบน้ำให้ลูกตอนแรกเกิดเอง ไปทำงานก็พาเขาใส่ตะกร้าเด็กเล็กไป ผมก็ขับรถแล้วผมก็เอานมให้เขาดูด ตอนเลี้ยงเขาเล็ก ๆ ผมก็ใช้วิธีลูกนอนผมนอนด้วย เอาแขนเขามาเกี่ยวมือผมไว้ พอลูกผมตื่นผมก็ตื่นด้วย แม้กระทั่งทุกวันนี้ผมเข้าไปกอดเขากลิ่นผิดผมยังรู้ว่าลูกผมไม่สบาย เพราะกลิ่นลมหายใจมันเปลี่ยน การที่ผมรู้ทุกขั้นตอนของการเลี้ยงลูกอย่างนี้เพื่อภรรยาผมจะได้ทุเลาความเหนื่อย อยู่กับเด็กทั้งวันมันเหนื่อยนะ เพราะฉะนั้นคนเป็นพ่อต้องเข้ามาซับพอร์ตด้วย
ทักษะซุปตาร์เลี้ยงลูกได้
เวลาลูกผิดผมก็ทำโทษนะ ผมจะทำเป็นฉุน หยิบไม้กายสิทธิ์มาจัดการ หรือพากย์เป็นยักษ์ดุ คือการเลี้ยงลูกต้องมีวิธีรับมือกับลูกหลาย ๆ แบบ ขอโทษนะครับผมเล่นหนังมาก็ได้รางวัลเยอะ แล้วชีวิตจริงทำไมผมจะทำการแสดงให้ลูกผมเชื่อไม่ได้ (หัวเราะ) สอนเด็กต้องมีทีเล่นทีจริงทีหลอก อาจจะมีการทำโทษ ให้นั่งอยู่คนเดียวห้ามไปไหน บอกทุกคนเลยว่าให้ออกจากบ้าน แล้วให้ลูกนั่งอยู่บนโซฟาห้ามเอาขาลงมาแล้วอยู่กับผมสองคน แล้วก็ทำเป็นสร้างบรรยากาศมาคุไว้ก่อน จากนั้นจะค่อย ๆ สอนเขาว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ โอ๊ยจากนั้นมานะน่ารักมาก (ลากเสียง)
"หนุ่ม อรรถพร ธีมากร" น้องอันดา-ด.ช.ณเสฏฐ์ ธีมากร
ได้รู้คุณค่าของชีวิต
ผมรู้สึกว่าตัวเรามีเป้าหมายในการที่จะมีชีวิตอยู่มากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่ามากที่สุด ผมได้รู้ว่าเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่อใคร เพื่ออะไร ต้องมีแนวทางการใช้ชีวิตอย่างไร เพื่อจะดูแลครอบครัวให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
นุ่ม อุ่น อ่อนโยน
ความรู้สึกละเอียดอ่อน อ่อนโยน นี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีลูก แต่ก่อนผมไม่ใช่คนที่เล่นกับเด็ก คือเล่นได้แต่ผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แต่เมื่อมีลูกปุ๊บเวลาที่ผมเห็นเด็ก ผมรู้สึกมีสัมผัสบางอย่างที่เรารู้สึกว่ามันมีรอยยิ้มบางอย่างมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่รู้ตัวเองว่า นุ่ม อุ่น เบาขึ้น
เลิกติสต์แตก
แต่ก่อนผมติสต์มาก อยู่ในหมวดผู้ชายกระแดะ ไม่เก๋ ไม่เท่ ดูไม่มีอะไรผมไม่ทำ เวลาเลือกรับงานผมเอาตัวเองเป็นหลัก แต่เดี๋ยวนี้ผมทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ หลักของผมคือครอบครัวไม่ใช่ตัวเอง ผมกลายเป็นคนที่เข้าใจง่ายขึ้น ดีลง่ายขึ้น รับงานเยอะขึ้น ทำงานมากขึ้นเพื่อครอบครัว ให้ฝ้าย (อริญรดา ปิติมารัชต์) ได้หยุดงาน และอยู่กับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หมดเวลาผู้ชายลั้นลา
อันนี้เปลี่ยนแบบเป็นรูปธรรมเลย คือผมเลิกเที่ยว เลิกปาร์ตี้ ทำงานเสร็จกลับบ้านมาหาลูก บางคืนกลับบ้านดึกมากทำงานมาติดกัน 3 วัน แต่กลับบ้านมาผมก็ช่วยฝ้ายเขาเลี้ยงลูก มันเหนื่อยมากนะ แต่เป็นความสุขที่เราได้ละอะไรบางอย่างเพื่ออะไรบางอย่างแบบจริงจัง เราได้ช่วยภรรยาดูแลลูก ผมถือว่านี่คือหน้าที่ผู้ชายที่ต้องคอยช่วยภรรยาในทุกรายละเอียดของการเลี้ยงลูก
เห็นแก่ตัวน้อยลง คิดถึงคนอื่นมากขึ้น
ทุกวันนี้ผมคิดอยู่เสมอว่าเมื่อลูกโตขึ้นผมจะปลูกฝังอะไรให้ลูก ซึ่งคำตอบที่ผมได้ก็คือจะปลูกฝังความเป็นคนดี มีจิตใจโอบอ้อมอารีเห็นแก่ตัวน้อย ๆ แต่นึกถึงคนอื่นเยอะ ๆ ผมรู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้ทุกคนรักตัวเองมาก อยู่กับตัวเอง มีความสุขแต่กับตัวเอง จนลืมนึกถึงคนอื่น ผมรู้สึกว่ามุมนี้ล่ะที่ตอนนี้ผมพยายามจะปลูกฝังเขาแล้วมันก็สะท้อนกลับมาหาตัวผมเอง ผมรู้สึกเห็นแก่ตัวน้อยลงทำอะไรนึกถึงคนอื่นมากขึ้น
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Vol.18 No.211 พฤษภาคม 2556