เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
สถานที่ที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยและดูแลลูกน้อยวัยทารกได้ดีอย่างเนอร์สเซอรี่ กลับกลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กหญิงชาวอังกฤษวัยเพียง 9 เดือน ต้องกลายเป็นคนพิการนิ้วไปตลอดชีวิต เมื่อเธอถูกประตูที่เนอร์สเซอรี่หนีบจนปลายนิ้วขาดไปหนึ่งข้อนิ้ว
ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมล เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา นายพาเวล วัย 37 ปี จากเมืองนิวคาสเซิล ได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเนอร์สเซอรี่ Kids 1st ที่พาลูกสาวไปฝากเลี้ยงไว้ว่า หนูน้อยเป็นแผลที่นิ้วให้คุณพ่อมารับด้วย แต่ทว่าเมื่อไปถึงที่เขากลับได้พบว่า มือข้างขวาของเธอมีผ้าขนหนูซึ่งชุ่มไปด้วยเลือดพันไว้ และมีปลายนิ้วเล็ก ๆ ยาวราว 1 เซนติเมตร แช่อยู่ในแก้วที่ใส่น้ำแข็ง!!
ด้วยอาการช็อกสุดขีด นายพาเวล รีบพาลูกสาวไปโรงพยาบาลพร้อมกับปลายนิ้วที่ขาดออกมา หวังจะสามารถต่อกลับไปได้ดังเดิม แต่ความพยายาม 2.30 ชั่วโมงของทีมแพทย์ก็ไม่ประสบผล หนูน้อยโซฟีกลายเป็นเด็กพิการปลายนิ้วด้วยวัยเพียง 9 เดือนเท่านั้น และสิ่งนี้ก็จะติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เธอประสบปัญหาในการใช้ชีวิตบางประการ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ไม่สามารถเล่นดนตรีบางชนิดได้ และอาจประสบปัญหาในการเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ
"ตอนผมได้รับโทรศัพท์ เขาบอกแค่ว่าโซฟีมีแผลแหว่งที่ปลายนิ้ว ผมแค่คิดว่าจะใส่ยา แปะพลาสเตอร์ให้ แล้วก็พาเธอกลับบ้าน แต่สิ่งที่ผมพบคือมือขวาของลูกถูกห่อไว้ในผ้าขนหนูที่ชุ่มไปด้วยเลือด และมีปลายนิ้วที่ขาดของเธอแช่อยู่ในแก้วน้ำแข็ง ... ผมขับรถพาเธอไปโรงพยาบาลก็ร้องไห้ไป มันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตผมเลย" พ่อของเด็กหญิง กล่าว
ส่วนทางด้านเนอร์สเซอรี่ได้ให้การว่า ในตอนเกิดเหตุ พยาบาลที่ดูแลเด็กซึ่งขอไม่ระบุชื่อคนหนึ่ง กำลังเปิดประตูเพื่อนำขยะทิ้งลงในถัง โดยไม่ทันสังเกตว่าโซฟีได้คลานตามหลังเธอมา เมื่อเธอปิดประตูลงเสียงร้องไห้จ้าของโซฟีก็ดังขึ้น และเลือดออกท่วมนิ้วหนึ่งที่มือขวาของเธอ ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิง จึงห้ามเลือดโดยใช้ผ้าขนหนูพันกดซับเลือดไว้ และได้โทรเรียกผู้ปกครองให้มารับ ขณะเดียวกันก็โทรเรียกรถพยาบาล แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่ารถพยาบาลจะไม่ให้บริการกับเหตุเล็กน้อยเช่นนี้ ทว่าในอีก 4 นาทีให้หลัง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ กำลังทำความสะอาดพื้นซึ่งเปรอะเลือดของหนูน้อย ก็ได้พบปลายนิ้วเล็ก ๆ ขนาดประมาณหนึ่งข้อนิ้วตกอยู่ที่พื้น
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ นายพาเวลและภรรยาได้ส่งคำร้องต่อศาล ให้ทางเนอร์สเซอรี่ต้องชดใช้ค่าเสียหายเพื่อเป็นค่าศัลยกรรมต่อเติมปลายนิ้วให้กับลูกสาวเมื่อเธอมีอายุครบ 18 ปี แต่อย่างไรก็ดี ทางเนอร์สเซอรี่ได้ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่มีการตอบสนองทันทีที่เกิดเหตุการณ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องตามกระบวนการด้านสุขภาพและความปลอดภัย และได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องทันทีที่เกิดเหตุการณ์
นอกจากนี้ Kids 1st ยังเป็นเนอร์สเซอรี่ที่ได้รับการจัดมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานด้านการศึกษา การบริการและทักษะสำหรับเด็กของอังกฤษ หรือ Ofsted (The Office for Standards in Education, Children\'s Services and Skills ; Ofsted) ว่าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กที่อยู่ในระดับแนวหน้า อีกทั้งนโยบาย และการปฏิบัติต่อเด็กเล็กก็เป็นที่น่าพึงพอใจด้วย
แม้การร้องเรียนของครอบครัวหนูน้อยโซฟีจะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นสิ่งเตือนใจผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียวว่า ไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กเล็ก แม้ว่าจะเป็นที่เนอร์สเซอรี่ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับรับเลี้ยงเด็กเล็กโดยเฉพาะก็ตาม นอกจากนี้ยังต้องพึงตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่เลี้ยงเด็กและพยาบาลที่ทำหน้าที่ทั้งหลายนั้น ได้รับการอบรมเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็กโดยตรง และมีใบปฏิบัติงานที่ถูกต้องหรือไม่ หรือแม้แต่จะมีความถูกต้องจริง แต่จำนวนเด็กที่มากเกินไปในเนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่ง ๆ ก็ทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง และอาจเกิดเหตุการ์ที่ไม่คาดคิดได้เช่นกัน
