เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คนที่สามารถเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ นอกจากจะเป็นคนที่ใจเย็นแล้ว จะต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูงด้วย เพราะจะต้องรับมือกับความดื้อและนิสัยซุกซนของเด็ก ๆ ฉะนั้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเรื่องอาหารกับความเป็นอยู่ของลูก ไม่ควรทำให้พวกเขาหนักใจกับการดูแลลูก โดยการให้ความร่วมมือเมื่อพวกเขาต้องการ ตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่าพี่เลี้ยงมีเรื่องอะไรที่ต้องการจะบอกกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง
1. เคารพสิทธิและหน้าที่ของพี่เลี้ยง
ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่เป็นคนจ่ายค่าจ้างให้กับพี่เลี้ยง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกคุณสามารถทำตามใจตัวเอง หรือปฏิบัติกับเธอเหมือนคนใช้คนหนึ่งได้ เพราะหน้าที่ของพี่เลี้ยงคือการดูแล และเอาใจใส่ลูก ดังนั้นในกรณีที่พวกคุณกลับบ้านช้ากว่าปกติ หรือติดธุระควรจะแจ้งให้พี่เลี้ยงทราบด้วย ไม่ควรปล่อยให้พวกเขารออย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ควรเคารพหน้าที่ของพี่เลี้ยง โดยการรบกวนเวลาส่วนตัว หรือทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา อย่างเช่น จัดการสิ่งของ หรือทำความสะอาดบ้านของพวกคุณ
2. ไม่หวงลูกจนเกินไป
หน้าที่ของพี่เลี้ยงคือการดูแล สร้างความปลอดภัย ความสนุกสนาน และช่วยลูกปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี ไม่น่าแปลกใจหากลูกติดพี่เลี้ยงมากกว่าคุณพ่อคุณแม่ อีกทั้งยังเป็นเพราะพี่เลี้ยงใช้เวลาอยู่ร่วมกับลูกมากกว่าพวกคุณ ดังนั้นไม่ควรจะรู้สึกหวง หรืออิจฉาพี่เลี้ยงเมื่อเห็นลูกกอด หอมแก้ม จับมือ ส่งเสียงร้อง หรือแสดงอาการดีใจเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา
3. ไม่ควรให้พี่เลี้ยงทำการบ้านของลูก
เพราะจุดประสงค์ของการบ้านนั้นคือ การฝึกฝนทักษะให้กับลูก ดังนั้นถ้าหากบังคับให้พี่เลี้ยงทำการบ้าน เท่ากับว่าลูกไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาทักษะใด ๆ เพิ่มขึ้นมาเลย อีกทั้งการที่พวกคุณสั่งให้พี่เลี้ยงทำการบ้านแทนเป็นการสร้างตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกของคุณ ฉะนั้นควรปล่อยให้ลูกลองทำด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยเก็บคำถามมาให้พี่เลี้ยงเมื่อลูกมีข้อสงสัยดีกว่า
4. ไม่ติดต่อกับลูกบ่อยเกินไป
คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจะโทรศัพท์หาพี่เลี้ยง หรือสั่งให้พี่เลี้ยงโทรศัพท์ไปหาพวกคุณ เพื่อบอกเล่าความเป็นอยู่ของลูกคุณบ่อยเกินไป เพราะนอกจากจะรบกวนเวลาทำงานของพี่เลี้ยงแล้ว ยังทำให้ลูกของคุณไม่เชื่อฟังคำพูดของพี่เลี้ยงอีกด้วย หากเป็นไปได้ควรโทรศัพท์เช็กความเป็นอยู่ของลูกในช่วงจำเป็น อย่างเช่น เวลาที่ลูกของคุณได้รับบาดเจ็บ ป่วย หรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินดีกว่า เพื่อไม่ให้รบกวนเวลาทำงานของพี่เลี้ยง
5. เช็กความจำเป็นของพี่เลี้ยง
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงสักคน ควรถามตัวคุณเองให้ดีก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน มีเวลาดูแลลูกด้วยตัวเองหรือไม่ หากคิดดูแล้วพบว่าพวกคุณไม่สามารถดูแลได้ค่อยจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะโยนความรับผิดชอบเรื่องการดูแลลูกให้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด เพราะพวกคุณควรจะหาเวลาดูแลลูกด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกได้ใช้เวลากับพวกคุณบ้าง
หวังว่า 5 เรื่องราวจากประสบการณ์ของพี่เลี้ยงทั้งหลายที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพี่เลี้ยงของลูกได้มากขึ้น สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จ้างพี่เลี้ยงคำบอกเล่าเหล่านี้คงจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณกับพี่เลี้ยงเป็นไปด้วยความราบรื่น และทำให้พี่เลี้ยงรู้สึกสบายใจ และมีความสุขกับการดูแลลูกของคุณนะคะ