ท้องนี้ไม่ไร้ (ไข)มัน (modernmom)
โดย: ไข่หวาน
สุขภาพที่ดีของคุณและเจ้าตัวน้อยก็ต้องการไขมันนะ อย่าละเลย
ตามปกติเราควรได้พลังงานจากไขมันร้อยละ 25-30 ของพลังงานที่ร่างกายต้องการทั้งหมดและต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 (ที่เหลือควรได้จากสารอาหารชนิดอื่น เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต) คิดง่ายๆ ก็เท่ากับกินน้ำมันพืชวันละ 3-4 ช้อนโต๊ะ แต่ถ้าคุณกินไขมันอื่นแอบแฝงมาด้วย เช่น กะทิ ของทอด ก็ต้องลดลงตามส่วนเอาเองแล้วล่ะ
ไขมันแห่งชีวิต
ไขมันประกอบด้วยกรดไขมัน 2 ชนิด คือ แบบอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว
กรดไขมันชนิดอิ่มตัวจะมีโคเลสเตอรอลสูง เช่น น้ำมันหมู เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์จากนม จึงควรควบคุมปริมาณการรับประทานกันหน่อย
กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมีหลายชนิด แต่ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับจากอาหารเท่านั้นมี 2 ชนิด คือ
กรดไขมันจำเป็นกลุ่ม โอเมก้า-3 มีกรดไขมันอัลฟา-ไลโนเลนิคเป็นสารตั้งต้น ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็น DHA (docosahexaeno acid) และ EPA (cicosapentaenoic acid ) พบใน น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วเหลือง เต้าหู้ ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอล ปลาทูน่า ปลาจาระเม็ด
ปลาทู ปลากระพง ปลาเก๋า ปลาโอ ปลาอินทรีย์ ปลาช่อน ปลาบู่ ปลาสำลี ปลาสวาย
กรดไขมันจำเป็นกลุ่ม โอเมก้า-6 มีกรดไขมันจำเป็นไลโนเลอิคเป็นสารตั้งต้น และจะถูกร่างกายเปลี่ยนเป็นกรดอะแรซิโดนิค (AA) กรดแกมม่าไลโนเลนิค (GLA) แลเกรดไดโฮโมแมม่า ไลโนเลนิค (DGLA) พบในน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เมล็ดทานตะวัน
ใส่ใจกันหน่อย : คุณแม่ท้องควรได้โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 วันละ 1-3 กรัม หรือกินอาหารที่มีกรดไขมันจำพวกนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
กรดไขมันดีกับแม่ท้อง
เส้นผม และเล็บแข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอยที่ผิวหนัง
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและระบบย่อยอาหาร
ลดปัญหาเชื้อราในช่องคลอดและการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ
ลดการบวมน้ำ
ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์แข็งแรง
ช่วยปรับระดับอารมณ์ของคุณแม่ตอนหลังคลอด
กรดไขมันดีต่อเจ้าตัวน้อย
สำคัญต่อพัฒนาการทั่วไปของลูกในท้อง โดยเฉพาะสมองและสายตา
ลดอัตราเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกคลอดน้อย
ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกร่างกายแข็งแรง
ช่วยไม่ให้ผิวแตกแห้ง เป็นขุย หรือผื่นเอ็คซีม่า
เชื่อหรือยังล่ะ...ไขมันไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป เพียงแต่ต้องรู้จักเลือก รู้จักกินอย่างเหมาะสมค่ะ
รู้ไหมเอ่ย
สมองของเจ้าตัวน้อยมีไขมันเป็นส่วนประกอบถึง 60 เปอร์เซ็นต์
DHA สำคัญต่อพัฒนาการของสมองและสายตา (ส่วนเรตินา) ของลูกอย่างมาก โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์
Food Standard Agency ของประเทศอังกฤษออกมาเตือนว่า คุณแม่ท้องหรือให้นมลูกไม่ควรกินปลาทะเลขนาดใหญ่ เพราะห่วงเรื่องสารตะกั่วที่สะสมในตัวปลา จนอาจเป็นอันตรายกับลูกน้อยในท้อง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก