
เตรียมความพร้อมให้ดีว่าที่คุณแม่ยังสาว (Lisa)
ถึงเวลาที่ลูกสาวของคุณพ่อจะเปลี่ยนเป็นคุณแม่ของใครสักคน ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร และมีอะไรที่คุณควรทราบก่อนจะเป็นคุณแม่ยังสาวกันบ้าง
ช่วงเวลา 9 เดือนแห่งการตั้งครรภ์ ควรจะเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่มีความสุขที่สุดในชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นช่วงเวลาที่กำหนดทั้งชีวิตของคุณและลูกเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากสุขภาพร่างกายแล้ว ว่าที่คุณแม่ยังต้องเผชิญกับความปั่นป่วนทางจิตใจอีกด้วย
Expert Talks

ปัญหาสุขภาพของคุณและสามีอาจส่งผลถึงชีวิตของลูกน้อยได้ในอนาคต การวางแผนก่อนตั้งครรภ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แล้วควรเตรียมตัวอย่างไร ไปคุยกับ นพ.บุญแสงวุฒิพันธ์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท กันเลย

สำหรับคนที่เตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ ควรมีช่วงเวลาในการเตรียมตัวประมาณ 3 เดือน โดยควรมาตรวจว่า ทั้งสามีและภรรยามีความเสี่ยงที่มีปัญหาทางพันธุกรรมไปถึงลูกหรือเปล่า ที่พบบ่อย ๆ ในประเทศไทยคือ ธาลัสซีเมีย อย่างที่สองก็คือ ดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยเฉพาะโรคบางโรคเช่น ต่อมธัยรอยด์ ที่ทำงานน้อยแบบไม่ชัดเจน หรือเรียกว่า Subclinical Hypothyroid ถ้าตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะนี้ก็จะมีปัญหาต่อลูกเรื่องไอคิวและการเจริญเติบโตของลูก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะส่วนใหญ่ในปัจจุบันเรายังไม่ตรวจเป็นประจำสำหรับโรงพยาบาล นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของการติดเชื้อ ไม่ว่าจะติดเชื้อของหัดเยอรมัน ติดเชื้อกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดเชื้อไวรัสจากสุนัขหรือแมว ในขณะที่เราได้รับเชื้อใหม่ ๆ หากตั้งครรภ์ขึ้นมาก็จะมีผลต่อลูกได้

จะมีความเสี่ยงก็ต่อเมื่อแม่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ซึ่งลูกที่เกิดมาอาจมีความเสี่ยงหรือโครโมโซมผิดปกติที่เรียกว่าดาวน์ซินโดรม แต่เรามีวิธีการป้องกันก็คือ


การตั้งครรภ์ถือเป็นการลงทุนอย่างมากสำหรับผู้หญิง เพราะร่างกาจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะและกลับไปเหมือนเดิมได้ยาก บางคนหลังคลอดก็กลับไปเข้าฟิตเนสเพื่อให้ร่างกายใกล้เคียงกับของเดิม สำหรับคนที่วางแผนจะตั้งครรภ์ก็อยากจะให้เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่า ถ้าพร้อมแล้วก็จะเป็นสุข แต่ถ้าไม่พร้อม แค่แพ้ท้องก็อาจเป็นทุกข์แล้วครับ
ว่าที่คุณแม่อย่าลืมดูแลสุขภาพ


เกร็งน้องสาวเอาไว้ 5-10 วินาที แล้วผ่อนคลายทำซ้ำ 10-20 ครั้ง/วัน หรือเวลาที่คุณกำลังปัสสาวะ ให้พยายามหยุดการไหลสัก 3-5 วินาที แล้วค่อยปัสสาวะต่อ (อย่างไรก็ดี อย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจให้ผลตรงกันข้ามหรือเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้)









เพราะการออกกำลังจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต จึงช่วยเรื่องอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร ตะคริว ข้อเท้าบวม หรือปวดหลัง คุณจะนอนหลับได้สบายขึ้น อารมณ์จะดีขึ้น และช่วยให้น้ำหนักตัวไม่ทะลุเพดานมากเกินไป (สตรีมีครรภ์ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแค่ 25-35 ปอนด์เท่านั้น) อย่างไรก็ดี ข้อควรระวังอย่างมาก คืออุณหภูมิในเวลาที่คุณออกกำลัง เพราะอากาศที่ร้อนเกินไปจะหยุดยั้งพัฒนาการของลูกได้

อาการซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนในยามตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเกิดจากการที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล และอาจทำให้ชีวิตของคุณรู้สึกเหมือนดิ่งลงเหวได้

รู้สึกเศร้าอยู่เนือง ๆ ไม่มีสมาธิ นอนน้อย หรือมากเกินไป ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่เคยทำอีกต่อไป มักจะคิดถึงเรื่องการตาย ความสิ้นหวัง วิตกกังวล รู้สึกผิด นิสัยการกินเปลี่ยนไป โรคซึมเศร้า จนอาจจะทำอันตรายกับลูกในครรภ์ได้
หากไม่ได้รับการรักษา โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ก็อาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และเด็ก เพราะอาจนำไปสู่การขาดสารอาหาร (เนื่องจากคุณไม่สนใจตัวเอง) ติดแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมถึงมีแนวโน้มฆ่าตัวตาย มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักหลังคลอดน้อย และมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีโรคซึมเศร้าจะขาดความสนใจในการดูแลตัวเองและลูก เช่นเดียวกัน เด็กที่เกิดมาก็มักจะซึมกว่าเด็กอื่น ๆ มีสมาธิน้อยกว่า หรือหงุดหงิดมากกว่าด้วย คุณควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการดังกล่าว เพราะว่าสตรีมีครรภ์ก็อาจกินยาสำหรับโรคซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น ยาสมุนไพร การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือแม้แต่การฝังเข็ม
การกำเนิดของเจ้าตัวน้อยจะเป็นหนึ่งในความทรงจำแสนสุขที่คุณไม่มีวันลืมคุณอาจจะแบ่งเวลามานั่งคิดเสียหน่อยว่า คุณหวังว่าการคลอดบุตรจะเป็นอย่างไร



กระซิบบอกญาติ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.13 No.30 8 สิงหาคม 2555