x close

แม่น้ำ-น้องเนย...แม่ลูกนักสู้

แม่น้ำ-น้องเนย

แม่น้ำ-น้องเนย...แม่ลูกนักสู้
(modernmom)
เรื่อง : ศิริพร แสงทวี / ภาพ : ธาร ธงไชย

         "ลูกไม่มีแขน ไม่มีขา แม่นี่แหละ...จะขอเป็นแขนเป็นขาให้หนูเอง"

         9 เดือนของการตั้งครรภ์ที่ คุณน้ำ-จันจิรา เกิดแก้ว เฝ้ารอวันที่จะได้พบหน้าลูกสาว หรือน้อยเนย-ด.ญ.พลอยประภัส ด้วยความหวังว่าจะได้เชยชมลูกน้อยที่น่ารักอย่างใคร ๆ เขา เธอเฝ้าดูพัฒนาการลูกในท้องด้วยการอัลตร้าซาวนด์ถึง 3 ครั้ง ตกใจเมื่อลูกดิ้นทักทายอย่างรุนแรง แต่ก็สบายใจว่าลูกแข็งแรงดี แต่แล้วทุกอย่างกลับพลิกผันในวินาทีที่ได้เห็นหน้าลูก เด็กน้อยที่มีแต่หัวและลำตัว ไร้แขน ขาตรงหน้าทำให้เธอช็อก...ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทว่าจิตวิญญาณของความเป็นแม่ทำให้เธอวางความทุกข์และความเสียใจ แล้วก้าวต่อไปข้างหน้า เธอบอกว่า ลูกเธอเป็นยอดนักสู้ และเธอจะสู้ไปกับลูก

 9 เดือนที่เฝ้าหวัง...วินาทีแรกที่เห็นหน้า

         ช่วงท้องไม่มีสัญญาณเตือนเลยค่ะ ตัวน้ำเองก็ปกติดี ส่วนลูกในท้องก็ดิ้นแรงมาก ตอนคุณหมอตรวจตลอดการตั้งครรภ์ก็ปกติ เหมือนเด็กธรรมดาทุกอย่าง อัลตร้าซาวนด์ 3 รอบก็ไม่ผิดสังเกตอะไร "ครบสมบูรณ์" ยังจำคำนี้แม่นเลย ก็ไม่รู้ว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไร เพราะจนถึงตอนนี้น้องเนย 2 ปีแล้วคุณหมอก็ยังไม่ได้แจ้งสาเหตุ บอกแต่ว่ารอผลอยู่

         วินาทีแรกที่เห็นตกใจมากค่ะ น้ำคลอดธรรมชาติ ปกติที่เคยดูวิดีโอเกี่ยวกับคลอดลูก พอคลอดเสร็จเขาก็จะยกเด็กขึ้นแล้วตีก้นให้ร้อง น้ำก็สงสัย เอ๊ะ ทำไมเขาไม่เห็นยกลูกเราตีให้ร้องเลย พอคลอดปุ๊บก็ดึงมาไว้ตรงท้อง แล้วก็มีเสียงตะโกนว่า เรียกหมอเด็กให้หน่อย ตามหมอเด็กเร็ว เด็กมีปัญหา

         พอได้ยินคำว่า "มีปัญหา" น้ำลุกดูทันทีเลย ลืมเจ็บ ลืมทุกสิ่งอย่าง ลืมไปว่าเพิ่งคลอดลูก แต่ตอนแรกยังมองไม่ค่อยชัดเพราะหมดแรง แต่เห็นราง ๆ ว่าเหมือนไม่เห็นขาลูก คุณหมอก็พูดให้กำลังใจเรื่อย ๆ ว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพบหมอเด็ก แล้วเขาก็แยกเอาลูกไปอาบน้ำทำความสะอาด แล้วก็เอากลับมาให้เราอีกรอบ คราวนี้ร่างกายเราเริ่มฟื้น ก็พยายามรวบรวมกำลังมองหน้าเขา วินาทีนั้น ตกใจ ช็อกทำอะไรไม่ถูก นั่งมองหน้าลูกอยู่อย่างนั้น หมอก็พยายามพูดว่าน้องน่ารักนะ น้องแข็งแรง น้องตัวใหญ่นะ แต่น้ำเหมือนไม่มีสติ ไม่ได้ยินอะไรเลย มันเบลอ มันช็อก ทุกอย่างรอบตัวมันเลือนรางไปเลย

 ชีวิตต้องเดินต่อไป...พร้อมลูก

         ตอนที่คลอดแฟนมาไม่ได้เพราะยังไม่เลิกงาน พยาบาลก็โทรไปแจ้งกับคุณยายก่อนว่าหลานมีปัญหา แต่ยังไม่ได้บอกนะคะว่าเป็นอะไร แล้วก็ให้คุณยายโทรไปบอกพ่อ เขาก็พากันมาโรงพยาบาล ถึงได้รู้กันว่าน้องเป็นอะไร ตอนที่เจอกับพ่อน้องเนยก็ร้องไห้กัน แต่คุยกันว่าไม่เป็นไรนะลูกคลอดออกมาแล้ว ช่วย ๆ กันเลี้ยง มีอะไรก็ปรึกษากันช่วย ๆ กัน ไปแล้วกัน ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน

         ตอนแรกโรงพยาบาลก็ให้ความช่วยเหลือ ซื้อแปลซื้อของให้ แต่พอสักพักก็หายไป ก็คิดว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือตรงนั้นก็ไม่เป็นไร ยังไงครอบครัวเราก็เต็มที่กับการเลี้ยงน้องเนยอยู่แล้ว ไม่มีทางนั้นช่วย เราก็เลี้ยงของเราไป

แม่น้ำ-น้องเนย

 แม่จะเป็นแขนขาให้ลูกเอง

         น้ำเลี้ยงลูกเหมือนเด็กทั่วไป คือวัยเขาตอนนี้ถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็จะกำลังหัดเดิน น้ำก็หัดเขาเดิน เอาน้องเนยตั้ง หาที่ให้เขาจับ แล้วก็ให้เขาหันซ้ายหันขวา ค่อย ๆ คืบไป น้ำก็จะนั่งคุกเข่าอยู่กับเขาแล้วก็ฝึกไปด้วยกัน ทำอะไรเราก็จะฝึกไปด้วยกัน สองแม่ลูกไม่เคยห่างกันเลย

         น้ำคิดว่าทุกอย่างต้องเริ่มจากเราก่อน ถ้าเราอ่อนแอหรืออ่อนไหวง่าย ลูกก็จะเป็นตามนั้น ถ้าน้ำไม่สู้ ไม่ฝึกลูกเลย ไม่พาลูกไปไหนมาไหน ลูกก็จะกลัวคน จะไม่ยอมทำอะไร แต่น้ำจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ น้ำไม่กลัวคนจะมองลูกเรายังไง เพราะสำหรับน้ำลูกเราก็น่ารัก ลูกเราไม่มีแขนมีขา เรานี่แหละจะเป็นแขนเป็นขาให้ลูก ลูกชี้ไปทางซ้ายเราก็จะเป็นขาที่พาเขาไปทางซ้าย

 ลูกคือแรงใจให้แม่สู้

         มีท้อไหม มีแน่นอน แต่ได้กำลังใจมากจากคนรอบข้าง คนสำคัญที่สุดก็คือน้องเนย เขาเป็นนักสู้มาก ๆ อย่างตอนที่ฝึกนั่ง ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 9-10 เดือน เด็กคนอื่นเริ่มตั้งไข่แล้ว น้องเนยก็จะเริ่มฝึกนั่ง แต่พอเราวางเขาตั้งลงแล้วเขาไม่เคยนั่งเลย ยังทรงตัวไม่อยู่ ก็ล้มลง ตั้งแล้วล้ม ตั้งแล้วล้ม เราคนเป็นแม่หมดกำลังใจไปแล้ว คิดว่ายังไงลูกก็นั่งไม่ได้ แต่ลูกกลับไม่ร้องเลย เขาฝึกโดยที่เขาไม่งอแงสักนิด ทั้งที่เขาล้มหัวฟาดบ้าง แขนลงบ้าง จนเขียวจนแดงไปหมด แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขาจะพยายามนั่งให้ได้ ไม่เคยมีเสียงร้องว่าแม่ไม่เอาแล้วเจ็บ ทำให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ เพราะเขาเองประสบปัญหาเขายังสู้ขนาดนี้

 การตัดสินใจครั้งใหญ่

         ล่าสุดเพิ่งตัดสินใจให้น้องเนยผ่าตัดทำนิ้ว เพราะน้ำคิดว่าลูกจะใช้ประโยชน์ได้แน่นอน คือตอนแรกมือน้องติดกัน แต่มีลักษณะที่คล้ายนิ้วอยู่ 3 นิ้ว แล้วคุณหมอบอกว่าถ้าคุณแม่ตัดสินใจผ่าตัด ลูกจะสามารถใช้นิ้วคีบได้ ลักษณะคล้าย ๆ กับตะเกือบ น้ำเลยคิดว่าถ้ามันเป็นเหมือนตะเกือบมันก็จะทำอะไรได้มาก น่าจะหยิบอะไรกินเองได้ เขียนหนังสือได้ ที่หวังมากที่สุดคือเขียนหนังสือได้

         ตอนแรกที่ตัดสินใจผ่าตัดน้ำคิดว่าแค่กรีดจากรอยที่มีอยู่ก็เสร็จแล้ว แต่พอถึงเวลาจริง ๆ คุณหมอมาแจ้งว่า คุณแม่น้องมี 3 นิ้ว แต่กระดูกมีแค่ 2 อัน แล้วไม่ได้มี 3 ข้อเหมือนเรา มีข้อเดียวตรงไปเลย ไม่สามารถงอได้แต่จะคีบได้นะ พอฟังก็เริ่มกลัว เพราะจากเดิมที่นิ้วมี 3 พอจริง ๆ มี 2 แปลว่ามันต้องเอาออกไปอันหนึ่งสิ ก็คิดในใจโอ๊ยยยย เราคิดถูกเปล่าน้อ แต่ก็บอกตัวเองว่าอย่าลังเล เราทำสิ่งนี้เพื่อลูก ที่เราตัดสินใจนี้จะมีประโยชน์กับลูกในอนาคตนะ

แม่น้ำ-น้องเนย

 ลูกเจ็บตัว แม่ปวดใจ

         แล้วก็ถึงวันที่หมอนัดผ่าตัด เราต้องไปนอนโรงพยาบาลก่อน 1 คืน งดน้ำงดอาหารประมาณ 5 ชม. พอตี 2 ครึ่ง พยาบาลมาเรียกบอกคุณแม่ปลุกลูกดื่มนมเลยนะหรือให้กินอะไรก่อนก็ได้ แต่หลังตี 3 ไม่ให้กินแล้ว พอปลุกเขาในเวลานอนเขาก็ไม่ยอมดื่ม น้ำก็ปลุก น้องเนยกินลูก เขาก็ดูดไปคำแล้วก็หลับ น้ำก็เรียกอีก เขาก็ดูดไปคำแล้วก็หลับได้ประมาณ 3 ครั้งเขาก็หลับยาวไม่ยอมกินอีกเลย แต่พอตี 4 เอาแล้ว ร้อง หิว จะกิน น้ำต้องหลอกล่ออุ้มเดินไปมา เล่นกันเพื่อให้ลูกลืมหิวแล้วก็กล่อมให้เขานอนต่อ แล้วพอเขาตื่นมาประมาณ 7 โมงเช้า น้องก็ร้องกินตลอดเวลา ความรู้สึกสงสารลูกเริ่มมากขึ้นทุกนาทีแล้ว

         พอถึงเวลาคุณหมอก็เอายานอนหลับให้กิน คือเขาจะให้หลับก่อน แล้วค่อยไปดมยาสลบ เพราะจะได้ตื่นในเวลาที่กำหนด แต่น้องเนยก็ไม่ยอมหลับ น้ำก็ต้องพาเขาไปเล่น ทำโน่นนี่สารพัด วินาทีนั้นทั้งเหนื่อย ทั้งกังวล ทั้งร้อนใจ สารพัดจะรู้สึก อยากจะร้องไห้มาก ๆ แต่ก็พยายามข่มใจ เพราะนี่คือวันที่ลูกต้องเจ็บตัวที่สุดในชีวิต เราต้องเข้มแข็งแล้วอยู่ดูแลเขา

         สุดท้ายก็ร้องจนได้ตอนที่น้องดมยาสลบ ตอนแรกเขาก็ยังดิ้น ๆ อยู่ใช่ไหมคะ แต่พอดมยาสลบ อยู่ ๆ เขาก็นิ่งไปเลย จากที่เกาะเราอยู่ พอเขาหลับปุ๊บ คือมือเขาร่วงไปเลย น้ำก็ใจคอไม่ดี สะกิดเรียกลูกเนย เนย แต่เขานิ่งเลย พอน้องเนยเข้าไปผ่าตัดปุ๊บ น้ำเดินออกมาก็ร้องไห้ คือมันเป็นห่วงเขาจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว

 รอหน้าห้องผ่าตัดลูก...วินาทีแสนทรมานของแม่

         น้องเนยเข้าห้องผ่าตัดไปสักพักคุณหมอก็ออกมาแจ้งคุณแม่ด้วยความที่เขาไม่มีแขน เราหาที่ให้น้ำเกลือกับวัดความดันไม่ได้ อาจจะต้องเจาะคอน้องนะ น้ำก็คิดในใจ ตายแล้ว คิดผิดไหมเนี่ย ออกมารอบแรกว่าแย่แล้ว สักพักคุณหมอก็ออกมาอีก บอกว่าผิวหนังที่นิ้วไม่พอ ต้องหาผิวหนังมาต่อ แต่เอาจากที่ไหนเดี๋ยวมาแจ้งอีกที พอสักพักเขาก็ออกมาแจ้งว่าจะเอาจากที่ใต้รักแร้นะ เกือบนะว่าจะไม่เอาแล้ว แต่ก็คิดว่าเจ็บครั้งเดียวกับที่ได้ประโยชน์หาศาลของน้องเนย ทนเอาแล้วกัน

         ตอนแรกหมอแจ้งว่าอาจใช้เวลาในการผ่าตัดชั่วโมงครึ่ง คือน้องเนยเข้าห้องผ่าตัด 9 โมง น้ำก็คิดว่าเดี๋ยว 10 โมงจะมานั่งรอลูกแล้ว ปรากฏว่าจนสี่โมงเย็นก็ยังไม่เสร็จเลย กระวนกระวายมาก เดินไปถามแทบทุกชั่วโมง คนอื่นเข้าห้องไปทีหลังจนเขาออกกันมาหมดแล้ว เราเห็นยิ่งใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กังวลว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

         มาเสร็จเอาเกือบ 5 โมงเย็น เขาก็ประกาศเรียกให้น้ำเข้าไป สภาพที่เห็นน้องแวบแรกคือเขาถอดเสื้อ มีสายระโยงระยาง แล้วก็มีป้ายชื่อติดอยู่ที่หน้าท้อง คือปกติจะติดแขน แต่น้องเนยไม่มีเลยต้องติดไว้ที่หน้าท้อง แล้วพยาบาลเอาผ้าเปียกมาก ซับน้องอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้น้องตัวร้อน ตอนนั้นใจจะขาด สงสารลูกมาก ๆ

         ผ่าตัดเสร็จต้องอยู่ในห้องพักฟื้นอีก 1 ชม. เพื่อรอดูอาการ น้ำก็นั่งอยู่เฝ้าดูเขา เลยเห็นว่าพอเขาพลิกตัว สายน้ำเกลือมันเหมือนง้างออกก็คิดว่าลูกต้องเจ็บแน่เลย ไม่เอาแล้ว อุ้มเองดีกว่า น้ำก็อุ้มอยู่อย่างนั้นแหละชั่วโมงหนึ่ง เมื่อยก็อดทนเพื่อไม่ให้ลูกเจ็บ เขาเองก็สะลึมสะลือ เห็นน้ำเขาก็เรียกแม่ แล้วก็นิ่งไป น้ำก็ปลอบเขา ไม่เป็นไรแล้วนะลูก ลูกแม่หายแล้วนะ คนเก่งของแม่นะ

 ลูกร้องไห้ แม่น้ำตาตกใน

         พอครบชั่วโมงก็กลับขึ้นไปที่ห้องพัก ปรากฏว่าเขากินอะไรไม่ได้เลย เพราะเจ็บแผลที่ผ่าตัดกับที่โดนเจาะคอ ชวนเล่นก็ไม่เล่น ร้องอย่างเดียว จนหมอมาแจ้งว่าพอน้ำเกลือหมดให้คุณแม่เรียกพยาบาลนะ จะรีบมาเอาสายน้ำเกลือออกให้เพื่อให้น้องสบายขึ้น ทีนี้เอาแล้วนั่งมองน้ำเกลืออยู่นั่นแหละ เมื่อไรมันจะหมดสักที ทำไมมันไหลช้าจังเลย เป็นห่วงมาก นอนกอดกันอยู่อย่างนั้นแหละ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร แต่เขาเองก็ยังสู้อยู่นะ เหมือนเขารู้ว่าเวลาเขาร้องน้ำจะไม่สบายใจมาก พอเอาสายน้ำเกลือออกเขาก็ไม่ร้องอีกเลย

 นิ้วใหม่ กับพัฒนาการที่เพิ่มขึ้น

         กับนิ้วใหม่น้องเนยชอบมาก แต่ตอนแรกใช้ไม่เป็น ก็ต้องมาฝึกใช้กัน น้ำไปซื้อลูกอมมาโหลหนึ่ง แรก ๆ เขาก็เอานิ้วจิ้มลงไปแล้วก็ประคองขึ้นมา พยายามสอนคีบยังไงก็ทำไม่ได้ ตกใจอีกแล้ว คิดว่าที่ผ่าตัดไปจะเปล่าประโยชน์หรือเปล่าน้า พอหมอนัดมาที่โรงพยาบาลก็ให้เขาดูว่าน้องน่าจะทำได้ไหม พอดูแล้วบอกน้องทำได้แน่นอน แล้วก็แนะนำให้ลองใช้หลอดในการฝึกดู ตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ วางไว้กับพื้นแล้วก็ฝึกเขาหยิบ แต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เราก็คิดอีกว่าจะทำยังไง เรียกว่ากับนิ้วใหม่นี่ฝึกใช้ด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูกเลย จนวันหนึ่งเล่น ๆ กันอยู่น้ำนึกได้เลยลองชวนน้องเนยทำท่าสู้ตายค่ะ บอกเขา น้องเนยดูแม่สิ แล้วน้ำก็ทำท่ายืดนิ้วแล้วก็หนีบ ปรากฏว่าเขาทำตามได้ ดีใจมากที่ฝึกสำเร็จ นิ้วใหม่เพิ่มพัฒนาการให้เขามาก สามารถคีบหยิบจับอะไรได้ คีบของกินเองได้ กดอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้อย่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องฝึกอะไรต่าง ๆได้ ดีใจมากที่การตัดสินใจของเราเป็นประโยชน์กับลูกจริง ๆ อย่างที่เราหวังไว้

         ความหวังต่อไปคืออยากให้ลูกเดินได้ ปรึกษาคุณหมอ แล้วก็ได้คุยกับคุณวอเตอร์ ลี เขาบอกว่าเขามีมูลนิธิอยู่ น้ำก็เลยขอเข้าร่วมโครงการกับเขาด้วย จะได้รับรู้ว่าเขาจะมีกิจกรรมอะไรยังไงบ้าง นี่ล่าสุดก็ได้ข่าวว่าจะมีแพทย์จากเยอรมันที่รักษาน้องทราย จะมาสอนด้านการกดจุดสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น น้องจะได้ใช้กล้ามเนื้อในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น ก็จะไปเรียนกับหมอคนนี้ด้วย ก็คือทำทุกอย่างเลย ใครแนะนำอะไรมาทำหมด เพื่อลูกของน้ำ น้ำจะสู้ น้ำจะทำทุกอย่างเพื่อเขาค่ะ

         นับว่าความเข้มแข็งของคุณน้ำเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกสาวของเธอมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างวันนี้ และคงทำให้ใครหลาย ๆ คนได้ย้อนคิดว่าเราโชคดีเพียงไหนที่เกิดมาครบ 32 มองแง่งามของชีวิตแล้วมีความสุขกันดีกว่าค่ะ

         แม้เวลาจะผ่านไปถึง 2 ปี แต่ก็ยังไม่มีผลทางการแพทย์ออกมาอย่างแน่ชัด ว่าเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกับน้องเนย ซึ่งคุณน้ำก็ตัดสินใจที่จะเลิกค้นหา แล้วก้าวเดินหน้าต่อไป ด้วยการพาน้องเนยเข้ารับการดูแลทางการแพทย์จาก 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช ที่ดูแลในเรื่องของการผ่าตัด โรงพยาบาลเด็ก ที่ดูแลเรื่องพัฒนาการ IQ EQ และศูนย์สิรินธรที่ดูแลเรื่องอุปกรณ์เสริมพัฒนาการ เช่น อุปกรณ์การฝึกนั่ง อุปกรณ์ช่วยการกิน ทุกวันนี้พัฒนาการของน้องเนยดีเกินวัย พูดเร็ว ความจำดี อารมณ์ดี ร่าเริง IQ เท่ากับ 2 ขวบครึ่ง เท่ากับเกินอายุจริงไปถึงครึ่งปี

         ขอขอบคุณ : รายการ ตี 10 ที่ให้เราได้มีโอกาสพูดคุยและรับฟังเรื่องราวดี ๆ จากคุณน้ำและน้องเนยในครั้งนี้ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.16 No.192 ตุลาคม 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แม่น้ำ-น้องเนย...แม่ลูกนักสู้ อัปเดตล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา 14:18:56 3,771 อ่าน
TOP