เคล็ดลับกำราบอาการแพ้ท้อง (modernmom)
เรื่อง : mummy J
อาการแพ้ท้องมักจะเกิดกับคุณแม่ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ตัวต้นเหตุมาจากร่างกายของเรา ผลิตฮอร์โมนชื่อ hCG ออกมา และจะเริ่มลดลงหลังจาก 12 สัปดาห์ไปแล้ว เพราะฉะนั้นในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์จึงมีคุณแม่ถึง 90% ต้องผจญกับอาการคลื่นไส้วิงเวียน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ข่าวดีก็คือมีหลายวิธีที่สามารถลดอาการเหล่านี้ได้ค่ะ
สบายตัวไว้ก่อน
คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงแพ้ท้องจะเกิดความไม่สบายตัวได้ง่าย โดยเฉพาะความร้อนจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้วิงเวียน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องกำจัดที่ต้นเหตุ
หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศร้อน ถ้าต้องเดินออกไปกินข้าวกลางวันก็พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด เลือกร้านที่สามารถเดินหลบแดดใต้ชายคา หรือพกร่มและพัดติดตัวไปด้วย
สวมใส่เสื้อผ้าสบายตัวเนื้อผ้าระบายอากาศดี
ลดสัมภาระในกระเป๋าให้เหลือแต่ของจำเป็นเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเหนื่อยจากการแบกน้ำหนักระหว่างเดินทาง
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนแออัด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ใช้ผ้าปิดปาก เพื่อให้ได้กลิ่นต่างๆ น้อยลง อมลูกอมหรือสูดยาดมให้ชื่นใจ
อยู่บ้านเปิดประตูหน้าต่างเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก และระบายกลิ่นอับออกไป
เวลาทำกับข้าว หรือกนิอาหารเสร็จแล้วอย่าลืมเปิดพัดลมระบายอากาศกำจัดกลิ่น
พักผ่อนให้พอเพียง
ความอ่อนล้าก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้อาการแพ้ท้องมากขึ้น คุณแม่ควรนึกถึงการพักผ่อนให้พอเพียงไว้เสมอ ถ้าหากวันไหนพักผ่อนน้อยอย่าลืมชดเชยให้ตัวเองนะคะ
ที่เคยนอนดึกหรืออดนอนเป็นประจำให้เลิกซะ พยายามนอนหลับให้พอเพียงทุกคืนจะช่วยลดอาการแพ้ท้องลงไป
หาเวลางีบหลับระหว่างวัน ไม่ควรจะงีบหลังอาหารทันที เว้นระยะสักนิดค่ะ
ถึงแม้คุณแม่เคยเป็นคนว่องไวก็ตาม แต่ระยะนี้หลังจากตื่นนอนตอนเช้าขอแนะนำให้ค่อยๆ ลุกจากเตียงช้าๆ อย่ารีบร้อน
เมื่อตื่นแล้วอาจนั่งพักบนเตียงสักครู่ หาขนมปังกรอบรสจืด ืหรือซีเรียลแห้งขบเคี้ยวรองท้องจะลดอาการปั่นป่วนในกระเพาะได้
อาหารการกิน
อาหารรวมทั้งเครื่องดื่มหลายประเภทช่วยให้คุณแม่สบายตัวขึ้น แต่ก็มีอาหารบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง
เครื่องดื่มพวกชาสมุนไพรเพิ่มความสดชื่น อย่างชาขิง ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ เพราะขิงมีคุณสมบัติบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ช่วยขับลมและแก้อาการท้องอืด แถมยังมีส่วนช่วยบำรุงน้ำนม และทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วย
เปลี่ยนเป็นอาหารมื้อย่อย ๆ ทุก 2-3 ชั่วโมงแทนอาหารมื้อใหญ่วันละ 3 มื้อ
เลือกอาหารย่อยง่าย เพื่อป้องกันท้องอืดแน่นท้อง
อาหารประเภทโปรตีนจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ เช่น เนื้อสัตว์ ไขมันต่ำ อาหารทะเล ไข่ ฯลฯ หาของขบเคี้ยวประเภทโปรตีนติดบ้านไว้ เช่น ถั่วเปลือกแข็ง หรือถั่วสีเขียว
ขบเคี้ยวของรสเค็มเล็กน้อยก่อนมื้ออาหาร เพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้ แต่ห้ามเคี้ยวเพลิน โซเดียมเกินยุ่งอีก
เมื่อนึกอยากอาหารรสเปรี้ยวให้เลือกยำ สลัด หรือผลไม้สดแทนของดอง
เลี่ยงอาหารมัน ๆ หรือรสเผ็ดจัด เพราะความเลี่ยนและความร้อนจะกระตุ้นอาการ ส่วนอาหารเย็นๆ จะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ดี
พยายามอย่าดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร
ดื่มน้ำทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ตลอดวันเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ
อย่าอดอาหารและอย่าปล่อยให้ท้องว่าง
ปรึกษาเรื่องวิตามินอาหารเสริม
ปกติคุณหมอจะให้วิตามินบำรุงร่างกายอยู่แล้ว ถ้าหากคุณแม่ต้องการกินเสริมควรปรึกษาคุณหมอก่อน การกินผิดประเภทหรือผิดวิธีอาจเกิดผลเสียมากกว่าเสริมสุขภาพ
วิตามินบี 6 และธาตุสังกะสีจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ อาจขอจากคุณหมอหรือกินอาหารที่มีวิตามินบี 6 มาก เช่น เนื้อหมู ข้าวกล้อง ไข่ ปลา กล้วย ฯลฯ และอาหารที่มีสังกะสีมาก เช่น นม เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ปลา ปู กุ้ง หอย ถั่ว และข้าวโพด ฯลฯ
ปรึกษาคุณหมอว่าควรกินโฟลิกเอซิดหรือเปล่า
ถ้าธาตุเหล็กเม็ดที่ได้จากคุณหมอทำให้มีอาการคลื่นไส้ ลองขอเปลี่ยนเป็นแบบอื่นแทน
อย่าลืมพกติดกระเป๋า
ยาดม ยาลม ยาหม่องกลิ่นที่ชอบย้ำ...ควรเป็นกลิ่นที่ชอบนะคะ ช่วงนี้จมูกคุณแม่แยกแยะรายละเอียดได้ดีมาก
พัดหรือพัดลมเล็ก ๆ เพราะคุณแม่ขี้ร้อนมากเป็นพิเศษ
ลูกอมรสเย็นชื่นใจหรือรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ยามฉุกเฉินได้อมทันที
ผ้าเช็ดหน้า ทิชชู ไว้ซับเหงื่อหรือป้องกันกลิ่น
ผ้าปิดปาก เพื่อลดกลิ่นต่างๆ บนถนนหรือในที่คนแออัด
ร่มคันเล็กน้ำหนักเบา เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดร้อนจ้า
ขนมปังกรอบรสจืด เผื่อไว้ยามท้องว่าง
รีบไปพบคุณหมอถ้า...
มีอาการแพ้ท้องมากจนน้ำหนักลดซูบผอม
มีเลือดปนออกมากับอาเจียน
เสียน้ำมากจากการอาเจียน และทั้งวันแทบจะดื่มน้ำไม่ได้เลย
ปัสสาวะน้อยกว่าปกติมีสีเหลืองเข้ม
ลุกยืนแล้วหน้ามืดบ่อย
รู้สึกใจสั่นหรือหัวใจเต้นแรงมาก
สุดท้ายพยายามรักษาอารมณ์ของคุณแม่ให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียดความกังวลใจ หากิจกรรมที่ชอบทำ เช่น การฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือทำงานอดิเรก ฯลฯ เพื่อให้จิตใจผ่อนคลายก็จะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้อีกทางหนึ่งค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.16 No.188 มิถุนายน 2554