นิทาน...สะพานแห่งความรัก

นิทาน

นิทาน...สะพานแห่งความรัก
(Mother & Care)
Book start เรื่องศักดิ์ ปิ่นประทีป

          โลกของเด็กเต็มไปด้วยสีสันของความคิด ความฝัน และจินตนาการ เด็กจึงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสนใจใคร่รู้ บนธรรมชาติของการแสวงหาสำหรับเด็กแล้ว โลกใบนี้ช่างแสนกว้างใหญ่ไพศาลละลานตาซะนี่กระไร เหตุนี้ วลีที่ดึงใจเด็กได้ทุกครั้ง ทุกยุค และทุกสมัย ก็คือ..กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..นี่แหละ เด็ก ๆ ทุกคนชอบวลีที่มีมนต์ขลังและสร้างพลังนี้จริง ๆ..จะนิ่ง ใจจดใจจ่อรอฟังว่า

          "กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.. นี่จะมีอะไรเกิดขึ้นหนอ.."

          ทุกครั้งที่พ่อแม่เริ่มต้นด้วยวลีนี้ เด็ก ๆ จะรู้ทันทีว่า ประตูโลกแสนมหัศจรรย์ กำลังจะเปิดขึ้นด้วยนิทานสนุกสนาน หรรษาที่จะพาโบยบินไปกับเรื่องราวที่ แสนสนุก ปลุกจินตนาการสู่โลกอันกว้างใหญ่สุนทรี ได้จญภัยไปในมิติต่าง ๆ อย่างอิสระไร้ขอบเขต

          แม้จะผ่านมา 50 ปีแล้ว แต่ยังจำแม่นถึงแม่นมาก เมื่อครั้งที่แม่เล่าว่า.. กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.. ณ ชายป่าแห่งหนึ่งมีตากับยายอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ กันสองคน ไม่มีลูกไม่มีหลาน ไม่มีใครเลย มีเพียงแม่ไก่ 1 ตัว เลี้ยงไว้จนมันออกไข่และฟักไข่ออกมาเป็นลูกเจี๊ยบตัวจ้อย ๆ 7 ตัว ตายายปลูกพืชผักไว้หัก ไว้เด็ดกินตามกำลัง ทุกวันสองตายายจะพากันออกไปเก็บผักหักฟืน หาของป่ามากิน มาขายประทังชีวิตไปวัน ๆ ทุก ๆ เช้ายายจะโปรยข้าวสุกที่เหลือกินบนลานดินหน้าบ้าน แม่ไก่ก็จะเรียกลูกน้อยกลอยใจทั้งเจ็ด ออกมาจิกข้าวกินกันประสาแม่ลูก และทุก ๆ วันแม่ไก่จะพาลูก ๆ ไปคุ้ยเขี่ยหาอะไรต่อมิอะไรตามชายทุ่ง กระทั่งเย็นวันหนึ่ง มีพระธุดงค์ มาลงกลดอยู่ริมเชิงเขา

          เป็นอย่างไรบ้าง..ดราม่าสุด ๆ เลยว่าไหม ฟังทีไร น้ำตาริน หลั่งไหลทุกครั้ง สงสารลูกไก่ทุกที จนวันนี้ วัยนี้ ฟังกี่ที ๆ ก็ยังมีอาการ "น้ำตาแม่ไก่ไหลตก ในหัวอกปวดร้าว" ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นหนึ่งในเจ็ดของลูกไก่หรือเปล่า ดาวลูกไก่ มีบริบทของความเป็นวัฒนธรรมไทยที่งดงาม ชัดเจน ดูได้จากการใช้ชีวิตของตายาย และไก่ทั้งแปด

          ชีวิตของตายายเป็นชีวิตจริงของผู้คนในสังคมไทยเมื่อครั้งกระโน้น เป็นวิถีชีวิตของคนที่รู้จักประมาณตนในการกินอยู่ หาความสุขจากวิถีชีวิตที่เรียบง่ายพอเพียง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาของใคร ในแต่ละวันจะเบิกอรุณด้วยการเตรียมอาหารที่ดีที่สุดไว้ตักบาตร นั่นคือการให้ในวิถีที่งามนักแล้ว

          เรื่องนี้มีอะไรแฝงอยู่เยอะ ที่เด่นชัด คือ ความรัก..ความรักตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ ความรักในหมู่มวลพี่น้อง และความรักที่แฝงด้วยความศรัทธา ในเชิงศรัทธาในศาสนาของตายายกับพระธุดงค์

          นิทานจึงเป็นสะพานที่ผู้ใหญ่ใช้ทอดถึงเด็ก เพื่อส่งผ่านความรัก ความเมตตา ความรู้สึกนึกคิดที่ดีงาม และความต้องการของเด็กได้ทุกด้าน ทั้งความรัก ความเข้าใจ ความสนุกสนาน ความรู้ ความงาม รวมถึงสิ่งวิเศษ..ความลี้ลับมหัศจรรย์ และที่สำคัญ คือ เวลาของผู้ใหญ่ที่อยู่กับเด็กอย่างมีความหมาย ทำให้เด็กอิ่มอุ่นพูนสุข

          แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวว่า ..ไม่มีชีวิตของเด็กคนไหนที่ไม่เคยผ่านนิทาน

          ..นิทานจึงเป็นเรื่องเล่าขานผ่านชีวิตคน อยากให้โลกเป็นอย่างไร เล่านิทานให้เด็กฟังเป็นอย่างนั้น

          รองศาสตราจารย์กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ กล่าวว่า ..นิทานมีส่วนทำให้เด็กฉลาดและเป็นคนดี.. ศิลปะในการเลี้ยงลูกพ่อแม่หลายคนใช้นิทาน ซึ่งเป็นสิ่งง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนด้วย เงินทอง แต่ได้สร้างความรัก ความอบอุ่น ความประทับใจปลูกฝังความดีงามทีละน้อย ทีละน้อย จนลูก ๆ เติบโตเป็นคนดีมีน้ำใจงาม... อยากให้พ่อแม่ยุคใหม่ ใช้อุบายง่าย ๆ แต่แยบคายเช่นนี้บ้าง เพื่อเด็กไทยทุกคนจะได้เป็นคนฉลาด และเป็นคนดี สังคมไทยก็จะไม่มีปัญหาเด็กติดเกม เด็กติดยาเด็กติดเหล้า... เชื่อรึยังว่า นิทาน คือ สะพานแห่งความรัก และสะพานแห่งความรู้ จากใจพ่อแม่สู่ชีวิตลูก

          ลองหานิทานสนุก ๆ ที่ประทับใจไม่รู้ลืมสักเรื่อง มาเล่าให้ลูกฟังดูทีเป็นไร.. เรื่องดาวลูกไก่นี่ก็ได้ เล่าจบก็จูงมือบุตรฉุดมือสามีพากันไปชี้ดาวชมเดือนเกลื่อนฟ้า.. สาระก็จะตามมาอีกพะเรอ

          ก่อนนอนในแต่ละคืน หลายคนอาจจะเพลิดเพลินอยู่กับหนังเรื่องโปรด หนังสือที่ชื่นชอบ หรืออาจจะฟังเพลง เพื่อผ่อนคลาย แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว นิทานดี ๆ สักเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่ฟังมาแล้วนับร้อยรอบ แต่ก็ยังชอบฟัง..แหมมันช่างอิ่มสุขเหนือคำบรรยายจริง ๆ ลองหน่อยเถอะนะ..เล่าอะไรก็ได้ เล่าเมื่อไรก็ได้ และจะเล่าที่ไหนก็ได้

          แล้วจะรู้ว่าความสุขนี่หาได้ง่าย ๆ ..อยู่ในบ้านของเรานี่เอง อย่าอ้อยอิ่ง ..ถ้าคิดจะทำสิ่งดี ๆ ให้เด็ก ๆ วันนี้เริ่มซะ..ไม่แน่นะ พรุ่งนี้อาจไม่มีโอกาสเริ่มเลย ก็ได้..ใครจะไปรู้

..ฟักแฟงแตงกวา      ของเราก็มาตายหมด

นึกสงสารพระจะอด      ทั้งสองกำสรดโศกเศร้า

สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย      นี่แน่ะยายเอ๋ยตอนแจ้ง

ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง      ฝ่ายยายไม่แย้งตาเฒ่า

ฝ่ายแม่ไก่ได้ยิน      น้ำตารินหลั่งไหล

ครั้นจะรีบหนีไป      ก็คงต้องตายเปล่า ๆ

น่าสงสารแม่ไก่      ยังมีน้ำใจรู้คุณ

ที่ยายตาการุณ      คิดแทนคุณเมล็ดข้าว

น้ำตาไหลเรียกลูก      เข้ามาซุกซอกอก

น้ำตาแม่ไก่ไหลตก      ในหัวอกปวดร้าว

มาเถอะลูกมาซุกอก       ให้แม่ได้กกก่อนตาย

แม่ขอกกเป็นครั้งสุดท้าย      พรุ่งนี้ต้องตายตอนเช้า

อย่าทะเลาะเบาะแว้ง      อย่าขัดแย้งเหยียดหยัน

จงรู้จักรักกัน      อย่าหุนหัน สะเพร่า

เจ้าตัวใหญ่สายสวาท      อย่าเกรี้ยวกราดน้อง ๆ

จงปกครองดูแล      ให้เหมือนดั่งแม่เลี้ยงเจ้า

น่าสงสารแม่ไก่      น้ำตาไหลสอนลูก

เช้าก็ถูกตาเชือด      ต้องหลั่งเลือดนองเล้า

ฝ่ายลูกไก่ทั้งเจ็ด      เหมือนถูกเด็ดดวงใจ

พากันโดดเข้ากองไฟ       ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว

ด้วยอานิสงส์อันประเสริฐ      ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว

          (เนื้อหาบางส่วนจากเพลงดาวลกไก่ โดยพร ภิรมย์)



     



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.7 No.74 กุมภาพันธ์ 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นิทาน...สะพานแห่งความรัก อัปเดตล่าสุด 4 ตุลาคม 2555 เวลา 16:21:27 22,628 อ่าน
TOP
x close