ไอคิวของลูก เพิ่มได้ง่าย ๆ ด้วย 7 กลุ่มอาหาร
ข้อมูลโดย : คุณ เกศกนก สุกแดง นักวิชาการโภชนาการ ฝ่ายโภชนาการ รพ.ศิริราช
หลังกำเนิดจำนวนของเซลล์สมองนั้นจะสามารถเพิ่มขึ้นได้แต่ไม่มากนัก แต่เซลล์สมอง สามารถสร้างและพัฒนาเครือข่ายได้อย่างมีศักยภาพมากที่สุดในช่วง 3 ขวบปีแรก ผ่านการส่งเสริมให้เส้นใย ที่ส่งข้อมูลในสมองแตกกิ่งก้านสาขาเพิ่มขึ้น ผ่านการสร้างประสบการณ์
ในขณะที่ส่วนของสมองที่เป็นเปลือกหุ้มเส้นใยสมอง หรือ นวมสมอง ที่เป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ สามารถสร้างเพิ่มขึ้นได้จาก อาหาร และการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ ๆ อาหารจึงมีบทบบาทสำคัญในการสร้างความฉลาดให้สมอง ดังนั้นจึงแนะนำให้เด็กรับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ และรับประทานให้หลากหลายโดยใช้หลักการของ ทฤษฎี 7 กลุ่มอาหาร จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหลักการทางโภชนาการ ที่ช่วยให้เกิดการรับประทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อช่วยเสริมสร้างไอคิวลูกได้จริงในชีวิตประจำวัน
ซึ่ง ทฤษฏี 7 กลุ่มอาหาร นี้ เป็นการบอกพื้นฐานทางโภชนาการที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน โดยแนะนำให้ทานอาหาร 7 ชนิด ในหนึ่งวัน เป็นทฤษฎีจากสหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติตามได้ง่ายเหมาะกับยุคสมัย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน สมดุล เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
7 กลุ่มอาหารสร้างพลังสมอง อย่าลืมรับประทานให้ครบกลุ่มทุกวันนะคะ
เห็นประโยชน์ของ 7 กลุ่มอาหาร มากขนาดนี้ มารู้จักทฤษฎี 7 กลุ่มอาหาร ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้างกันเถอะค่ะ
กลุ่มที่ 1 คาร์โบไฮเดรตจากข้าว แป้ง ผลิตภัณฑ์ข้าวแป้ง ธัญพืชที่ไม่ขัดสี
กลุ่มที่ 2 ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ วิตามิน ใยอาหาร โปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี
กลุ่มที่ 3 มีใยอาหาร น้ำตาลฟรุตโตส วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ สารสีที่ดีต่อร่างกายและสมอง
กลุ่มที่ 4 ช่วยดูดซึมวิตามินเอ,ดี,อี,เค ที่ละลายในน้ำมัน เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งให้กรดไขมันที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาท
กลุ่มที่ 5 โยเกิร์ต ชีส ที่ช่วยเพิ่มสารอาหารต่าง ๆ
กลุ่มที่ 6 ที่ให้โปรตีนจากไข่ ปลา ไก่ หมู วัว อาหารทะเล ที่เป็นองค์ประกอบของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เสริมระบบภูมิต้านทาน และการพัฒนาสมอง
กลุ่มที่ 7 ที่มีแร่ธาตุวิตามินบางชนิดจากถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เต้าหู้
คุณแม่ควรระวัง!!...ลูกกินไม่มีคุณภาพ อาจมีผลกระทบต่อการเรียนรู้
เพราะจากงานวิจัยพบว่าเด็กไทยที่อยู่ในวัยเรียนรู้ในปัจจุบัน มีสัญญาณพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้มีแนวโน้มว่า จะได้รับสารอาหารที่สำคัญบางชนิดไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ ทำให้สมองเรียนรู้ได้ช้า สมาธิน้อยลง และความจำไม่ดี ไม่อยากให้ลูกตกเป็นหนึ่งของกลุ่มเด็กไทย ที่เผชิญกับภาวะการพัฒนาการไม่เต็มศักยภาพ อย่ามองข้ามการส่งเสริมการทานอาหารให้หลากหลายครบ 7 กลุ่ม อาหารเพื่อให้มั่นใจว่าลูกจะได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพครบถ้วน เพียงพอต่อความต้องการนะคะ
สำคัญไม่แพ้กัน 7 สารอาหารสำคัญ เพื่อเสริมศักยภาพสูงสุดให้ลูกรัก…
คุณแม่ควรคำนึงถึง 7 สารอาหารสำคัญ ที่เด็กต้องการเพื่อพัฒนาการที่ดีตามวัยด้วยค่ะ ซึ่งก็ได้แก่ 1. แคลเซียม 2. วิตามินดี 3. สังกะสี 4. เหล็ก 5. ไอโอดีน 6. วิตามินบี 1 7. วิตามินเอ
ซึ่งสารอาหารแต่ละชนิดเหล่านี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งสามารถได้จากการรับประทานอาหารให้ครบ 7 กลุ่ม ในแต่ละวัน ซึ่งแต่ละสารอาหารมีความสำคัญไม่แพ้กันนะคะ
แคลเซียม มีความสำคัญต่อการสร้างกระดูกและฟัน การทำงานของระบบประสาท เด็กไทยควรดื่มนมให้มากพอ เพราะเป็นแหล่งแคลเซียมที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยนมเพียง 2-3 แก้ว จะให้แคลเซียมได้ถึง 287.5 มิลลิกรัมเชียวค่ะ ส่วน วิตามินดี จะช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ควบคุมการสร้างกระดูก มีในน้ำมันตับปลา ปลา และร่างกายยังสังเคราะห์ได้จากแสงแดด สังกะสี ก็เป็นส่วนประกอบของเอนไซน์ในร่างกายที่มีมากกว่า 200 ชนิด ช่วยในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายเติบโตดีด้วยค่ะ หาให้ลูกทานได้จากเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล นม สำหรับ เหล็ก นับว่าเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ขนส่งสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกายและสมอง พบได้ในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ เลือด ตับ ไข่แดง
ส่วน ไอโอดีน ที่รณรงค์ส่งเสริมก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮอร์โมนไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมการเติบโตของร่างกายและสมอง ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ช่วยพัฒนาสติปัญญาและการเรียนรู้ที่ดี สำหรับ วิตามินบี 1 ช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ดี บำรุงระบบประสาท โดยเฉพาะปลายประสาทด้วยค่ะ สุดท้าย วิตามินเอ มีความสำคัญต่อจอประสาทตา ช่วยในการมองเห็น การเติบโตของร่างกาย การสร้างเม็ดเลือด กล้ามเนื้อและกระดูก การสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อไหร่ที่ลูกขาด ก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยได้ง่าย พัฒนาการการเจริญเติบโตก็ผิดปกติ ดังนั้นให้ลูกทานตับ ไข่แดง นม ผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนด้วย ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ หรือโปรวิตามินเอ ซึ่งผักโขม ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทองก็มีค่ะ เมื่อไม่ขาดสารอาหารเหล่านี้ สมองลูกย่อมได้รับการพัฒนาให้มีไอคิวเพิ่ม และเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพของเขาค่ะ
อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก www.7foodgroup.com
http://bs.serving-sys.com/BurstingPipe/adServer.bs?cn=tf&c=19&mc=imp&pli=2791863&PluID=0&ord=[timestamp]&rtu=-1
http://bs.serving-sys.com/BurstingPipe/adServer.bs?cn=tf&c=20&mc=click&pli=2791863&PluID=0&ord=[timestamp]=