
มารู้จักบ้านเรียน (modernmom)
เรื่อง : นภชา
"Home School" เคยเป็นกระแสทางเลือกการศึกษาที่ผิดหวังกับหลักสูตรโรงเรียนอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างกับปัจจุบันที่ระบบการศึกษาไทยดูจะตีบตัน Modern Mom จึงจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับ Home School ตั้งแต่ที่มาที่ไปหลักสูตร รวมไปถึงแนวทางปฏิบัติด้วยค่ะ
Home School มาจากไหน
Home School ถือกำเนิดขึ้นจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่



สำหรับ Home School ในไทยใช้ว่า "บ้านเรียน" ให้เห็นว่าบรรยากาศจะเป็นบ้าน การที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองจัดกระบวนการเรียนการสอนให้กับลูก โดยใช้บ้านเป็นสถานที่
ความแตกต่างของ Home School กับระบบโรงเรียน
บ้านเรียนจะต่างกับระบบโรงเรียน ที่มีหน่วยงานต้นสังกัดดูแลชัดเจนในเรื่องของหลักสูตร มีตัวระยะเวลา ช่วงชั้นเวลาเรียนมีสาระการเรียนรู้ แล้วก็มีกระบวนการวัดผลที่ชัดเจนอีกด้วย เพราะมีตัวหน่วยงานที่เฝ้ากำกับติดตามแล้วก็ดูแลคุณภาพ มีการประกันคุณภาพภายในภายนอก ซึ่งบ้านเรียนไม่มี
ประเทศไทยเรามีหน่วยงานแต่ว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง และสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น เป็นแค่ลักษณะฝากแต่บันทึก เพราะฉะนั้น ชมรมเครือข่ายผู้ปกครองของประเทศไทย ก็ต้องสร้างชมรมเครือข่ายผู้ปกครองบ้านเรียนขึ้นมาด้วยตัวเอง ต้องจัดระบบ แล้วต่อสู้รณรงค์ด้วยเอง ไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้ามาต่อสู้ให้ ทั้งที่จริง ๆ เขามีสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติการศึกษา ว่าเด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิและการดูแลเท่าเทียมกัน
ส่วนคุณสมบัติของการเป็นครู ครูในโรงเรียนขณะนี้จะบังคับอย่างชัดเจนว่าต้องจบปริญญาตรี และมีใบประกอบวิชาชีพครู ในขณะที่บ้านเรียนไม่มีการบังคับหรอก เพราะจะไปบังคับพ่อแม่ว่าคุณต้องจบปริญญาตรีครุศาสตร์ก่อนถึงจะทำ Home School ได้ ก็จะถูกพ่อแม่ต่อต้าน และจะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเงินเรียนฟรี 15 ปี
บ้านเรียนในประเทศไทย
บ้านเรียนในประเทศไทยจะมี 3 อย่างด้วยกัน หนึ่ง พ่อแม่สอนเอง สอง พ่อแม่ที่ทำบ้านเรียนมารวมกลุ่มกันแล้วช่วยกันดูแลลูกช่วยกันสอน บ้านไหนถนัดคณิตศาสตร์ก็สอนคณิตศาสตร์ ใครไม่ถนัดก็ดูแลเรื่องของดนตรีหรืออาหารไป และเห็นมีแบบที่สามที่จ้างคนอื่นมาเป็นคนสอน แต่ใช้บรรยากาศของที่บ้าน ออกแนวทำตามกระแส อยากทำแต่สอนไม่เป็น แล้วจ้างคนอื่นมาสอน ซึ่งก็ผิดหลักอีก เพราะเรารู้ว่าพ่อแม่คือครูคนแรกของลูก และเด็กเรียนรู้จากชีวิตจริงดีที่สุด เด็กเรียนรู้จากพ่อแม่เป็นตัวต้นแบบ แล้วจะได้ความรักความเอื้ออาทร แล้วโดยกฎหมาย คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเอาลูกไปจดทะเบียนไว้กับโรงเรียนทางเลือก เช่น โรงเรียนมูลนิธิเด็ก ที่เมืองกาญจน์ แล้วก็จะต้องสอบเพื่อการวัดผลไปใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัย หรือการจะเรียนเข้าระบบอย่างสอบการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)
ขณะนี้บ้านเรียนในบ้านเราที่ทำกันอยู่ ดร.วรนาท รักสกุลไทย ให้ข้อมูลว่าไม่น่าจะเกิน 300 ครอบครัวทั่วประเทศ เพราะว่าดูจากสถิติเมื่อไม่นานเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มีวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องบ้านเรียน ก็บอกว่าที่ทำกันจริง ๆ ประมาณ 150-200 ครอบครัว แล้วตอนนี้กระแสเบาลงไปเยอะ ก็คาดว่าไม่น่าจะเกิน 300 ครอบครัว ซึ่งถ้าเทียบกันคือยังน้อยมาก แล้วก็จะทำอยู่กับเด็กเล็กส่วนใหญ่ด้วย
คุณภาพการเรียน
มิติการดูเปรียบเทียบคุณภาพค่อนข้างซับซ้อน เพราะถ้าจะมาดูคะแนนผลสัมฤทธิ์กันอย่างเดียว ก็ไม่ยุติธรรมกับเด็กที่เรียนบ้านเรียน เพราะการเรียนการสอนก็ต่างกันคุณลักษณะของผู้สอนก็ต่างกัน เชื่อว่าพ่อแม่ที่ทำบ้านเรียน ความรู้ความสามารถบางอย่างอาจจะดีกว่าครูก็ได้ และต้นทุนชีวิตของเด็ก ต้นทุนทางปัญญารวมถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็กอีก เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันไม่สามารถที่จะตัดสินง่าย ๆ เพียงแค่การดูเชิงคุณภาพ ซึ่งคงต้องให้มีการทำงานวิจัยเพื่อที่จะได้ดูข้อมูลได้ลึกขึ้น แต่จริง ๆ วัตถุประสงค์ของการทำบ้านเรียนของพ่อแม่ ก็หวังความสุขของชีวิตลูก เรื่องเอาคะแนนไม่ใช่เรื่องสำคัญค่ะ
หัวใจของการทำบ้านเรียน





Home School เปรียบเทียบคุณภาพของบ้านเรียนกับโรงเรียนค่อนข้างซับซ้อน เพราะถ้าจะมาดูคะแนนผลสัมฤทธิ์กันอย่างเดียว ก็ไม่ยุติธรรมกับเด็กที่เรียนบ้านเรียน เพราะการเรียนการสอนก็ต่างกัน คุณลักษณะของผู้สอนก็ต่างกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.16 No.184 กุมภาพันธ์ 2554