ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม ปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ ลูกหายใจครืดคราดในคอ สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไหม มาหาคำตอบกัน
ในช่วงวัยทารกเป็นเวลาที่พ่อแม่ต้องดูแลและประคบประหงมเขาเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง การเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยทำให้เป็นกังวลได้ว่าทารกป่วยหรือเปล่า อย่างการที่ลูกหายใจครืดคราดในคอ ก็เป็นอีกอาการที่พ่อแม่เป็นห่วงไม่น้อย กระปุกดอทคอมจึงขอมาไขข้อข้องใจว่าทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม เกิดจากอะไร และพ่อแม่สามารถดูแลรักษาลูกน้อยได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ทารกหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร
การที่ทารกหายใจครืดคราด คืออาการที่ลูกหายใจแล้วมีเสียงบางอย่างแทรกอยู่ด้วย หรือคล้ายมีบางอย่างอุดกั้นหรือติดค้างในลำคอ ทำให้เขาหายใจได้ไม่สะดวก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก
-
การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียซึ่งทำให้เนื้อเยื่อในทางเดินหายใจบวม เช่น ไข้หวัด
-
มีทางเดินหายใจที่แคบและตีบตั้งแต่กำเนิด ทำให้หายใจได้ลำบาก
-
กล่องเสียงอ่อนนุ่มเกินไป จนทำให้ตกลงมาบังเส้นเสียงและปิดกั้นทางเดินหายใจของทารกชั่วคราว อาการนี้มักจะดีขึ้นเองเมื่อทารกอายุ 1 ขวบขึ้นไป
-
เกิดอาการบวมในทางเดินหายใจ จนก่อให้เกิดการอุดตันหรืออักเสบ
-
น้ำหนักตัวมากเกินไป
-
เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคปอด
สัญญาณของทารกหายใจครืดคราด
บางทีพ่อแม่อาจจะไม่ทราบว่าลูกมีอาการหายใจครืดคราดหรือเปล่า ให้ลองสังเกตอาการเหล่านี้ดูค่ะ เพราะถ้าเริ่มมีอาการดังนี้แสดงว่าทางเดินหายใจของลูกเริ่มมีปัญหาแล้ว
-
จังหวะการหายใจแปรปรวน ไม่สม่ำเสมอ
-
หายใจเร็ว
-
มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับประมาณ 2-3 วินาที
-
เวลาลูกหายใจจะมีเสียงคล้ายการกรนเบา ๆ
ทารกหายใจครืดคราดอันตรายไหม
อาการทารกหายใจครืดคราดมีหลายสาเหตุ ซึ่งหากเกิดจากกล่องเสียงอาจไม่มีอันตราย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากระบบทางเดินหายใจผิดปกติจนอาจเกิดอันตรายได้ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพลูกน้อยอย่างรุนแรงในอนาคต
ทำอย่างไรเมื่อลูกหายใจครืดคราด
อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ทารกหายใจครืดคราดเกิดจากทางเดินหายใจเป็นหลัก ดังนั้นวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงควรทำดังนี้
-
รักษาน้ำหนักตัวลูกน้อยให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มากจนเกินไป
-
ให้ลูกอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง เพื่อให้ลูกหายใจสะดวกขึ้น
-
ไม่สูบบุหรี่ หรือพาลูกไปในที่ที่มีควัน ไม่เช่นนั้นอาจกระตุ้นให้อาการของเขากำเริบ
-
รักษาความสะอาดให้ลูกเสมอ โดยเฉพาะฝ่ามือหรือสิ่งของใด ๆ ที่ต้องนำเข้าใกล้จมูกและปาก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ตัวลูก
เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปหาหมอ
หากสังเกตอาการลูกน้อยอย่างถี่ถ้วนแล้ว และพบว่าเขาหายใจมีเสียงครืดคราดไม่หาย ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยโรคและสาเหตุ เพื่อทำการรักษาต่อไป แต่หากกำลังดูแลรักษากันอยู่และมีอาการเหล่านี้ ก็ควรพาไปหาคุณหมอทันทีค่ะ
-
หายใจเร็วมากกว่า 60 ครั้งต่อนาที แม้ว่าเขาจะนอนหลับสนิท หรือเป็นช่วงที่กำลังผ่อนคลาย
-
หายใจไม่ออกอย่างรุนแรง
-
มีภาวะหยุดหายใจนานกว่า 10 วินาที
-
มีอาการตัวซีด ริมฝีปากม่วง มือ เท้า และเล็บ เปลี่ยนสีผิดปกติ
-
บริเวณหน้าอก หน้าท้อง ยุบตัวหนักเมื่อหายใจเข้า
-
หายใจแล้วมีเสียงดัง
สรุปได้ว่าอาการทารกหายใจครืดคราดอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาระบบทางเดินหายใจ ซึ่งหากรุนแรงมากอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการลูกเสียแต่เนิ่น ๆ และพาไปพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้หาสาเหตุและรักษาได้อย่างทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลจาก : whattoexpect.com, chop.edu, kidshealth.org, webmd.com, hellokhunmor.com