โรคซึมเศร้าหลังคลอดคืออะไร
โรคซึมเศร้าหลังคลอดเกิดจากอะไร
อาการโรคซึมเศร้าหลังคลอด
โรคซึมเศร้าหลังคลอดมีหลายอาการ ซึ่งคุณแม่อาจจะไม่รู้ตัว คนใกล้ชิดควรสังเกตดี ๆ ว่ามีพฤติกรรมเหล่านี้หรือเปล่า
- รู้สึกเศร้า สิ้นหวัง ว่างเปล่า
- ร้องไห้บ่อยกว่าปกติ หรือร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
- วิตกกังวลมากเกินไป
- หงุดหงิด กระสับกระส่าย
- ง่วงนอนตลอดเวลา หรือนอนไม่หลับแม้ลูกจะหลับไปแล้ว
- มีปัญหาในการจดจ่อ จดจำรายละเอียด และการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
- โกรธ โมโหง่าย
- หมดความสนใจในกิจกรรมสนุก ๆ ที่เคยชอบ
- ปวดตามร่างกาย เช่น ปวดหัวบ่อย ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ
- กินน้อยเกินไป หรือกินมากเกินไป
- เก็บตัว ออกห่างจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
- มีปัญหาเรื่องความรู้สึกผูกพันกับลูก
- ไม่มั่นใจในความสามารถในการเลี้ยงลูกของตัวเองว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีหรือเปล่า
- คิดจะทำร้ายตัวเองหรือลูก
ผู้หญิงที่มีอาการเหล่านี้ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดหรือเปล่า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที ก่อนที่จะรุนแรงขึ้น เพราะหากไม่รักษาโรคนี้อาจคงอยู่นานหลายเดือนหรือเป็นปี และส่งผลต่อการใช้ชีวิตรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวด้วย
วิธีรักษาโรคซึมเศร้าหลังคลอด
ถ้ามั่นใจว่าเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดแน่นอน ไม่ใช่อาการเบบี้บลูส์ วิธีการรักษาสามารถทำได้ดังนี้
- พบจิตแพทย์เพื่อทำการบำบัด หรือเข้าพบนักจิตบำบัดก็ได้ แพทย์จะสั่งยาให้เพื่อคลายความกังวล ส่วนนักจิตบำบัดจะมีกิจกรรมทางจิตวิทยาที่ช่วยบำบัดความเครียดภายในจิตใจได้
- รักษาด้วยการใช้ยา ซึ่งจำเป็นต้องพบจิตแพทย์ก่อนอยู่ดี ยาต้านซึมเศร้านั้นจะมีผลต่อสารเคมีในสมองซึ่งเกี่ยวกับข้องการควบคุมอารมณ์ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ายานี้โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยที่จะใช้ในระหว่างการให้นม แต่ก็ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อย
คนใกล้ชิดช่วยอะไรได้บ้าง
สมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสามี พ่อแม่ หรือแม้แต่เพื่อนฝูง มักจะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่รับรู้ถึงอาการซึมเศร้าหลังคลอดของบรรดาคุณแม่มือใหม่ สิ่งที่สามารถช่วยได้คือ พูดคุย รับฟังปัญหาหรือความเครียดต่าง ๆ ที่เธอต้องเจอ ชวนเธอไปพบนักจิตบำบัด และช่วยแบ่งเบาภาระการเลี้ยงลูก เช่น ช่วยเหลืองานบ้านอื่น ๆ หรือช่วยเลี้ยงลูกในส่วนที่สามารถทำได้ ก็จะช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้าของคุณแม่ได้ค่ะ
โรคซึมเศร้าหลังคลอดเป็นเรื่องเล็กที่ไม่เล็ก และคุณแม่ต้องการกำลังใจอย่างมากในการผ่านพ้นวิกฤตชีวิตในช่วงนี้ไปให้ได้ ดังนั้นอย่าลืมดูแลกันและกันให้ดีนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : nimh.nih.gov, womenshealth.gov, psychiatry.org