ปัญหาของการเรียนออนไลน์คืออะไร
1. เด็กหลายคนไม่ได้อยู่ในวัยที่จะเรียนออนไลน์ได้ดี
2. การเรียนออนไลน์ใช้เวลานานเกินไป
คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่า การไปเรียนในโรงเรียนนั้นเขาจะได้พัก ได้พูดคุย ได้เล่นกับเพื่อน ไม่ต้องนั่งอุดอู้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ ผู้ใหญ่อย่างเราทำงานแบบนั่งหน้าจอตลอดเวลายังเกิดความเครียด แล้วเด็ก ๆ จะรับมือกับความเครียดไหวได้ยังไง
3. ครูสอนไม่สนุก
4. การบ้านเยอะเกินไป
การเรียนออนไลน์จำเป็นต้องมีการบ้าน เพื่อวัดว่าเด็กเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนหรือไม่ แต่การบ้านที่ถาโถมมากมายแต่ละวันจะทำให้เด็ก ๆ ยิ่งเครียด เรียนก็ไม่สนุกแล้วยังต้องมานั่งทำการบ้านอีก เป็นการทำลายศักยภาพและการเรียนรู้ของเขา ทั้งที่ช่วงวัยของเขาควรจะได้ทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการมากกว่านี้
ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นปัญหาของการเรียนออนไลน์ ที่ไม่เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ต้องเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ให้แน่นยิ่งขึ้น
7 สัญญาณที่บอกว่าลูกเครียดจากการเรียนออนไลน์
บางทีพ่อแม่อาจไม่ทราบว่าลูกเครียดจากการเรียนออนไลน์ เพราะเด็กบางคนไม่ยอมบอกหรือแสดงออกให้รู้ จึงควรสังเกตพฤติกรรมของพวกเขา เพราะนี่คือสัญญาณที่บอกว่าเขาเกิดภาวะเครียดแล้ว
1. อายกล้อง การเรียนออนไลน์เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กบางคน ลองสังเกตดูว่าเขาจะเริ่มหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าต้องเข้าเรียนและต้องเปิดกล้อง เพราะเขารู้สึกว่าจะถูกจับตามองมากเกินไป
2. มีปัญหาเรื่องการนอน ถ้าลูกเริ่มมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ นอนแล้วฝันร้าย หรือนอนหลับมากกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่าเขากำลังมีความเครียดสะสม
3. ไม่สนใจ เทการบ้าน บางทีความกดดันและความเครียดที่มากเกินไปทำให้เขาเลือกที่จะไม่สนใจบทเรียนแล้วหนีไปทำอย่างอื่น หรือไม่ทำการบ้านส่งเลย เพราะอยากจะหนีจากสิ่งที่ทำให้เขาเครียด
4. อารมณ์แปรปรวน ความเครียดของเด็กก็มักจะออกมาในรูปแบบเดียวกับที่ผู้ใหญ่แสดงออก เขาจะเริ่มหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวนมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะไม่อยากคุยกับพ่อแม่เลย
5. กินอาหารมากหรือน้อยกว่าปกติ ต้องลองสังเกตว่าพฤติกรรมการกินอาหารของลูกเปลี่ยนไปหรือเปล่า มีนักวิชาการแนะนำว่า ความเครียดในเด็กมักปรากฏผ่านนิสัยการกิน ถ้าลูกกินอาหารมากหรือน้อยกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณว่าเขากำลังเครียด
6. แยกตัว เด็กที่รู้สึกเครียดเขามักจะเก็บตัว แยกตัวออกจากครอบครัว ไม่อยากคุยเล่นกับเพื่อน และหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ซึ่งเป็นการรับมือกับความเครียดในอีกรูปแบบหนึ่ง
7. ขาดสมาธิ หากได้ไปโรงเรียน เด็ก ๆ จะได้ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อยก็คาบพละ แต่การต้องมาจ้องหน้าจอทั้งวันจะทำให้เขาต้องใช้ความอดทนอย่างมาก และสุดท้ายเมื่อความเครียดมาเยือน เขาก็ไม่มีสมาธิในการเรียน ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง
ลูกเครียด พ่อแม่ช่วยได้ยังไงบ้าง
เมื่อทราบแล้วว่าลูกเครียดจากการเรียนออนไลน์ พ่อแม่จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือลูก ๆ ยังไงได้บ้าง ไปดูกัน
1. เปิดใจคุยกับลูก ซึ่งพ่อแม่ต้องทราบนิสัยลูกก่อนว่า เขาเป็นประเภทที่เล่าทุกอย่าง หรือมีอะไรชอบเก็บเอาไว้คนเดียว ลองหาเวลานั่งคุยอย่างจริงจังว่าเขามีปัญหาในการเรียนออนไลน์มากน้อยแค่ไหน กังวลใจเรื่องอะไร และพ่อแม่สามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง
2. แจ้งครูประจำชั้นให้ทราบถึงปัญหา เพื่อที่จะได้มีการผ่อนปรน และร่วมกันแก้ไขความเครียดในเด็ก โดยอาจจะไม่ต้องเปิดกล้องในการเรียน หรือสั่งการบ้านน้อยลง หรือมีกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการนั่งฟังครู ทั้งพ่อแม่ควรคุยกับผู้ปกครองคนอื่น ๆ ด้วย เพื่อรับทราบปัญหาร่วมกัน และนำไปแจ้งกับคุณครู
3. พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าการเรียนออนไลน์ไม่ใช่เวลาว่าง มีพ่อแม่หลายคนที่คิดว่าลูกไม่ได้ทำอะไรมากมายนอกจากนั่งฟังครูอยู่ที่หน้าจอ บางครั้งจึงอาจให้ลูกไปช่วยงานอื่น ๆ ซึ่งนั่นทำให้เด็กเรียนไม่ทันและขาดสมาธิ ควรทำความเข้าใจใหม่ และปล่อยให้เขาได้เรียน
4. เรียนรู้วิธีการเรียนของลูก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเขาได้ในเวลาที่เขาต้องการ รวมถึงช่วยทบทวนบทเรียนของเขาในแต่ละวันด้วย
5. จัดพื้นที่การเรียนให้เป็นสัดส่วน ควรเป็นพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว เงียบ ไม่มีเสียงรบกวน มีโต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกสุขลักษณะ และขอความร่วมมือทุกคนในบ้านไม่ให้ไปรบกวนในช่วงเวลาที่เขาเรียน
6. จัดตารางเวลาให้ลูก โดยพยายามจัดตารางให้ใกล้เคียงกับเวลาที่เขาไปโรงเรียนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเวลาตื่นนอนตอนเช้า กินอาหารเช้า เข้าเรียน พักเที่ยง ออกกำลังกาย เล่น และเวลาเข้านอน เพื่อเป็นการฝึกวินัยและความเคยชินให้กับลูก
7. หาเวลาทำกิจกรรมออฟไลน์กับลูกบ้าง ในเมื่อเขาไม่ได้เจอเพื่อนหรือทำกิจกรรมกับเพื่อน พ่อแม่นี่แหละที่จะเป็นเพื่อนเขาได้ ลองหาเวลาทำกิจกรรมครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเล่นของเล่น ทำอาหารง่าย ๆ ปลูกต้นไม้ ทำงานศิลปะ หรือแม้แต่เล่นกีฬา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้นอกห้องเรียน
8. อย่ากดดันเขา ต้องทำความเข้าใจว่าการเรียนออนไลน์มีข้อแตกต่างจากการเรียนตามปกติมาก อย่าคาดหวังว่าเขาจะตั้งใจเรียนร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือกอบโกยความรู้อย่างเต็มที่ เพราะสิ่งนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ให้เขาได้ผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมที่ชอบบ้าง และพยายามอย่าเอาความเครียดที่ตัวเองพบเจอมาไปลงที่ลูก
การเรียนออนไลน์นั้นผู้ปกครองมีบทบาทอย่างมากที่จะสร้างความสุขและผ่อนคลายความเครียดให้ลูก ดังนั้นอย่าลืมสังเกตพฤติกรรมของลูกให้ดี และคอยช่วยเหลือทันทีที่เขาต้องการ เท่านี้การเรียนออนไลน์ของลูก ๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องยากแล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน, เพจสมาธิสั้น แล้วไง, moms.com, verywellfamily.com